ฉินยีและเฉี่ยนจั๋วต่างก็มีสีหน้าที่โกรธเคือง เฉี่ยนจั๋วเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว เมื่อเห็นเช่นนี้ก็อยากจะเข้าไปสั่งสอน แต่กลับถูกหยุนชางดึงเอาไว้ หยุนชางส่ายหน้าต่อเฉี่ยนจั๋ว แล้วหันหลังเดินไปทางอื่น
"พระชายาเพคะ......ท่านจะปล่อยให้พวกนางพูดจาไร้สาระแบบนี้ไปหรือ? โบราณเขาว่า หากว่ามีคนสามคนไปแจ้งว่ามีเสือหลุดออกมา คนที่ฟังก็จะเชื่อแล้วว่าข่าวลือนี้เป็นจริง ถ้าข่าวลือเหล่านี้แพร่กระจายออกไป มันจะส่งผลเสียอย่างยิ่งต่อชื่อเสียงของพระชายานะเพคะ" เห็นได้ชัดว่าเฉี่ยนจั๋วกังวลและร้อนรนเล็กน้อย
หยุนชางยิ้ม "เราเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก หากว่าไปรุกรานคนอื่นอย่างประมาทเช่นนี้ อย่าลืมสิว่าเราต้องอยู่ในวังอีกสักพักหนึ่ง หากว่าคนอื่นๆ ลงมือทำอะไรไม่ดีกับเราขึ้นมาจะทำอย่างไร?"
"ถ้าอย่างนั้นก็จะไม่สนใจพวกนางหรือ?" เฉี่ยนจั๋วขมวดคิ้ว นางไม่พอใจเล็กน้อย
"ปากมันงอกอยู่บนตัวพวกนาง พวกนางอยากจะพูดกระไรก็พูดไปเถิด" หยุนชางกล่าวอย่างเฉยเมย แล้วจ้องมองไปที่ต้นหลิวที่เพิ่งแตกหน่อ ผ่านไปนานจึงกล่าวว่า "แต่เจ้าสามารถจำทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเมื่อสักครู่นี้ไว้ได้ สักวันพวกเขาจะได้รับผลกรรมอย่างแน่นอน"
เฉี่ยนจั๋วได้ยินหยุนชางพูดเช่นนี้ก็ราบทันทีว่าหยุนชางมีแผนในใจแล้ว นางเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงหันไปจำหน้าของคนเหล่านั้นเอาไว้ เมื่อถึงเวลาแก้แค้นจะได้ลงมือถูกคน
หยุนชางได้ยินเช่นนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้ จึงปล่อยให้นางไปแล้วตนก็พาฉินยีกลับเข้าตำหนักเฉาเซี่ยก่อน
ยังไม่ได้ก้าวผ่านประตูตำหนักเฉาเซี่ย นางก็ได้ยินนางกำนัลหน้าประตูกล่าวว่า "พระชายาเสด็จ เมื่อสักครู่ขันทีฝ่ายในของฝ่าบาทมาเพคะ กล่าวว่าฝ่าบาทเชิญพระชายาไปที่ตำหนักหารือเพคะ"
ตำหนักหารือ? ฝีเท้าของหยุนชางชะงักเล็กน้อย หรือว่ามีเบาะแสกระไร หยุนชางจึงเร่งเดินตรงไปที่ตำหนักหารือโดยไม่ทันได้ก้าวเข้าตำหนักเลย
มีผู้คนมากมายอยู่ในตำหนักหารือ หยุนชางกวาดสายตาไปมองคนทุกคนที่อยู่ในนั้นแล้วเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ กับพวกเขาเอาไว้
หยุนชางเดินเข้าตำหนักไปอย่างรวดเร็ว แล้วคารวะต่อเซี่ยหวนอวี่ "ฝ่าบาททรงพระเจริญเพคะ"
เซี่ยหวนอวี่กำลังคุยกับหลิวเหวินอัน เมื่อได้ยินเสียงของหยุนชาง เขาจึงโบกมือแล้วกล่าวว่า "ยืนขึ้นเถิด"
หยุนชางยืนขึ้น
เซี่ยหวนอวี่คุยกับหลิวเหวินอันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันมาหาหยุนชางแล้วกล่าวว่า " วันนี้ที่ข้าตามตัวเจ้ามาเพราะว่าเรื่องของจวนรุ่ยอ๋องมีความคืบหน้าแล้ว เจิ้นคิดว่าเจ้าคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นที่สุด จึงให้เจ้ามาฟัง หลี่เฉี่ยนโม่ เจ้ากล่าวให้พระชายารุ่ยอ๋องฟังสิ"
หลี่เฉี่ยนโม่ที่กำลังพูดคุยกับขุนนางอื่นๆ อยู่ข้างๆ ก็ตอบรับ แล้วเดินไปหาหยุนชางแล้วโค้งคำนับ "ข้าน้อยอยากจะถามพระชายาก่อนว่า พวกท่านมีนิสัยจุดธูปรมควันหรือไม่ขอรับ?"
หยุนชางขมวดคิ้วและตอบอย่างอ่อนโยนว่า "ก่อนหน้านี้ข้าชอบธูปที่มีกลิ่นหอมของดอกบ๊วยจางๆ แต่ทว่าตั้งแต่ที่ข้าตั้งครรภ์มา หมอกล่าวว่าธูปรมควันไม่ดีต่อสุขภาพ ข้าจึงไม่ได้ใช้มันอีกเลย"
หลี่เฉี่ยนโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพยักหน้า " เหตุการณ์ของจวนรุ่ยอ๋อง หากว่าดูจากหลักฐานเท่าที่มีในตอนนี้แล้ว มันมีความคล้ายคลึงกันกับเหตุการณ์ที่กุนซือหลิ่วหายตัวไปขอรับ"
"หลิ่วหยินเฟิง?" แววตาของหยุนชางฉายแววประหลาดใจออกมา
เรื่องที่กุนซือหลิ่วหายตัวไปนางทราบข่าวในทันที แต่นางมิได้ศึกษาดูรายละเอียดที่เกิดขึ้น แต่หากเป็นไปตามการพิจารณาของหยุนชางแล้ว การหายตัวไปของหลิ่วหยินเฟิง อาจเกี่ยวข้องกับอ๋องเจ็ด
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะอยู่รอบๆ ลานบ้านที่รอบๆ ลานบ้านที่หยุนชางอาศัยอยู่ และแน่นอนว่าจะต้องคุ้นหน้าอย่างมาก แต่โชคดีที่เมื่อคืนหยุนชางมองดูคนที่เสียชีวิตแล้ว ไม่พบคนคุ้นหน้าเหล่านี้
หลี่เฉี่ยนโม่กล่าวอ่านออกมาอีกครั้งว่า "บ่าวใช้ที่ถูกสังหารอยู่ด้านนอกลานบ้านส่วนมาเป็นแผลจากดาบขอรับ อีกทั้งส่วนมากเสียชีวิตในทันที ภายในเหตุการณ์ไม่พบร่องร้อยของการต่อสู้มากเท่าไหร่นัก แม้ว่าร่องรอยของการดิ้นรนก็แทบจะไม่มีขอรับ และนี่แสดงว่า มือสังหารลงมือได้ว่องไวและเรียบร้อยอย่างมาก อีกทั้งจำนวนคนก็คงมากพอสมควร คนสามคนที่ถูกไฟไหม้เสียชีวิตภายในลานนั้น มีผู้หญิงสองคน ผู้ชายหนึ่งคน และผู้หญิงสองคนนั้นล้วนอายุสามสิบเศษ พบป้ายเข้าออกจวนรุ่ยอ๋องอยู่ที่เอวพวกนาง บนนั้นเขียนไว้ว่าจัดซื้อ น่าจะเป็นสาวใช้ภายในครัว"
"ส่วนชายคนนั้นมีอายุราวๆ 27ถึง30ปี รูปร่างสูงยาว มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเห็นได้ชัด น่าจะเป็นคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้มาแรมปี เพียงแต่เมื่อมองดูกระดูกและลวดลายของมือสองข้างแล้ว อาจจะเป็นคนที่ถนัดซ้าย และป้ายรุ่ยอ๋องที่ห้อยอยู่ตรงเอวเป็นของปลอมขอรับ"
คนถนัดซ้ายหรือ หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในความทรงจำของตนนั้น คนที่รับใช้ภายในจวน ดูเหมือนว่าไม่มีบุคคลที่มีลักษณะดังกล่าวนี้
"ว่าแต่ ข้าน้อยยังพบกับดักหนูสองตัวในแปลงดอกไม้ที่หน้าประตูลานขอรับ กับดักหนูตัวหนึ่งดูเหมือนจะมีคราบเลือดอยู่บ้าง และมีเศษผ้าติดอยู่ขอรับ " หลี่เฉี่ยนโม่เดินไปข้าง ๆ แล้วหยิบจานที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาเดินมาตรงหน้าหยุนชาง
ภายในจานนั้นมีเศษผ้าวางอยู่ เป็นผ้าสีน้ำเงินเข้ม ผ้ามีฝีมือตัดเย็บที่ดี แต่งานไม่ได้สวยมาก เพียงแต่ผ้านั้นปักลายบางๆ ด้วยไหมสีดำ และผ้านั้นมีขนาดเท่าฝ่ามือ หยุนชางจึงดูไม่ออกว่าลวดลายนั้นคืออะไรกันแน่
หยุนชางเหลือบมอง และมิได้กล่าวกระไร
หลี่เฉี่ยนโม่นำจานนั้นไปวางอยู่ข้างๆ แล้วจึงกล่าวเบาๆ ว่า " ตอนนี้พวกเราพบแค่หลักฐานเหล่านี้ขอรับ ประเดี๋ยวข้าน้อยจะไปตรวจดูที่จวนอีกทั้งอาจจะพบเบาะแสใหม่ๆ ก็ได้ขอรับ"
หยุนชางพยักหน้าและเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยปากว่า " ตอนนี้คดีของหลิ่วหยินเฟิงมีความคืบหน้ากระไรบ้างหรือ? ในเมื่อเจ้าบอกว่าการหายตัวของท่านอ๋องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวของหลิ่วหยินเฟิง ฉะนั้นข้าอยากขอดูเอกสารเหล่านี้สักหน่อย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...