ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 732

หนิงเชี่ยนพยักหน้าลงเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง สายตาจับจ้องไปยังต้นดอกมะลิที่กำลังเบ่งบานอยู่ในกระถาง

"ดอกมะลิต้นนี้ เบ่งบานเมื่อใดกัน ? " หนิงเชี่ยนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

เฉี่ยนซินชะงักไปชั่วครู่ พร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า "ได้ประมาณเดือนกว่าแล้วเพคะ นู๋ปี๋สั่งให้คนนำดอกมะลิมาจัดเตรียมไว้ให้ในกระถางภายในตัวตำหนัก หากดอกไม้แห้งเหี่ยวเมื่อใดก็จักสามารถนำมาเปลี่ยนได้ทันที "

"เดือนกว่าแล้วหรือ " หนิงเชี่ยนพลันพึมพำเบา ๆ "ถ้าเช่นนั้นก็คงไม่มีแล้ว"

เฉี่ยนซินไม่เข้าใจว่าหนิงเชี่ยนกำลังพูดถึงเรื่องอะไร จึงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "อะไรหรือเพคะ อะไรไม่มีแล้วหรือ ?"

หนิงเชี่ยนยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย พลางส่ายหน้าไปมา พร้อมกล่าวออกมาว่า "ไม่มีอันใด. ใช่แล้ว เจ้าคิดว่า ในความคิดของนายท่าน ระหว่างเสิ่นซู่เฟยและฮองเฮาผู้ใดอันตรายมากกว่ากัน ?"

เฉี่ยนซินตกตะลึงไปชั่วครู่ พลางก้มหน้าลงครุ่นคิดอยู่นานแล้วจึงค่อย ๆ กล่าวออกมาว่า "จากที่เห็นในวันนี้ เสิ่นซู่เฟยเพิ่งออกมาจากตำหนักเย็นได้ไม่นาน อีกทั้งเสิ่นซู่เฟยยังมีอ๋องฉีอยู่ด้วย หม่อมฉันคิดว่านางจักเป็นผู้ที่อันตรายที่สุดเพคะ แต่ว่า "

หนิงเชี่ยนพลันเงยหน้าขึ้นมามองเฉี่ยนซิน "แต่ว่าอะไร ?"

เฉี่ยนซินพลันพูดต่อขึ้นมาว่า "แต่ว่าเสิ่นซู่เฟยไม่มีครอบครัวหนุนหลังเพคะ หากอ๋องฉีต้องการตำแหน่งจักรพรรดิแล้วละก็ ยังอันตรายไม่เท่าอ๋องเจ็ดเลยเพคะ หากเปรียบเทียบกันแล้ว นู๋ปี๋กลับคิดว่าฮองเฮายังเป็นผู้ที่อันตรายมากที่สุดอยู่ดีเพคะ"

"หากแต่ฮองเฮาไม่มีบุตร" หนิงเชี่ยนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

เฉี่ยนซินพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า "ไม่มีบุตรแล้วอย่างไรเพคะ ? ตอนนี้ฝ่าบาทยังร่างกายแข็งแรงเป็นอย่างมาก หากฮองเฮาจะมีบุตรชายบุตรสาวเพิ่มอีกก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งองค์รัชทายาทคนก่อน มิใช่ว่ายังบุตรชายอีกคนหนึ่งหรือ ? ถ้าเช่นนั้นก็ยังนับว่าเป็นหลานชายสายนอกของฮองเฮาอีกคนหนึ่งไม่ใช่หรือเพคะ ? แม้ว่าฮองเฮาจะไม่สามารถมีบุตรชายหรือท่านชายน้อยได้แล้ว ทว่า ในวังหลังแห่งนี้ มิใช่ว่ายังมีนางสนมอีกมากมายหรือ ฮองเฮายังถือว่าเป็นผู้คุมวังหลังอีกด้วย นางสนมชั้นล่างที่คลอดลูกออกมาแล้วก็ใช่ว่าฮองเฮาจะไม่สามารถรับเป็นบุตรบุญธรรมได้"

เฉี่ยนซินพูดจบ หนิงเชี่ยนพลันพยักหน้าเห็นด้วยเล็กน้อย "หากคิดดูแล้ว ฮองเฮามิได้น่ากลัวเลยสักนิด หากแต่เป็นเบื้องหลังของฮองเฮาเฉกเช่นสกุลซูต่างหากที่น่ากลัว ในยามนี้ตระกูลซูถือว่าเป็นใหญ่ที่สุดในราชวงศ์แคว้นเซี่ย ความทะเยอทะยานในใจของพวกเขามีมากเหลือเกิน ฮองเฮาอยู่ในพระราชวังในตอนนี้. ก็เพื่อปูทางให้กับพวกเขา "

เฉี่ยนซินได้ยินเช่นนั้น พลันเงยหน้าขึ้นมามองหนิงเชี่ยน "เพคะ แม้ว่าวันนี้นายท่านจะไม่อยู่ พวกเราจึงทำได้เพียงรอจนกว่านายท่านจะกลับมาตัดสินใจเท่านั้น "

หนิงเชี่ยนพลันยิ้มออกมา หากแต่รอยยิ้มที่ส่งออกมานั้น กลับเป็นรอยยิ้มที่เฉี่ยนซินไม่เข้าใจว่าสื่อถึงสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย

"ฮองเฮาเป็นผู้คุมวังหลังที่คอยเป็นมือเป็นเท้าให้กับตระกูลซู ดังนั้นข้าจักต้องวางแผนตัดแขนตัดขานั้นทิ้งไปเสีย " มือของหนิงเชี่ยนพลันค่อย ๆ ลูบไล้อยู่ที่ท้องของนาง

ในขณะที่นายบ่าวกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น พลันได้ยินเสียงข้ารับใช้ดังขึ้นมาว่า "เหนียงเหนียง ท่านหมอหลิวจากสำนักหมอหลวงมาตรวจชีพจรให้เหนียงเหนียงแล้วเพคะ"

หนิงเชี่ยนพลันเก็บสีหน้าลง พร้อมพยักหน้าเบา ๆ กล่าวว่า "เชิญท่านหมอหลิวเข้ามาเสีย"

ม่านภายในตำหนักพลันค่อย ๆถูกเปิดออก หมอหลวงพลางเดินตามสาวใช้เข้ามา พร้อมทั้งก้มหัวลงโค้งคำนับ "เข้าเฝ้าเซียงเฟยเหนียงเหนียงพะยะค่ะ"

หนิงเชี่ยนแย้มยิ้มเล็กน้อย "ท่านหมอหลิวลุกขึ้นเถิด"

หมอชราผู้นั้นพลันลุกขึ้นมา พร้อมนำผ้าเช็ดหน้ามาวางไว้บนข้อมือของหนิงเชี่ยนแล้วจึงเริ่มจับชีพจร

หนิงเชี่ยนรับรู้ได้ถึงแววตาของหมอหลวงผู้นี้ที่มีร่องรอยของความสงสัยพาดผ่านอย่างจางๆ หนิงเชี่ยนพลันขมวดคิ้วขึ้นมาทันที พร้อมถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "เส้นชีพจรของเปิ่นกง มีสิ่งใดผิดปกติงั้นหรือ ? หรือว่าท้องของเปิ่งกงมีสิ่งใดผิดปกติไป?"

หมอหลิวผู้นั้นพลันรีบร้อนนั่งคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกล่าวว่า "ไม่มีสิ่งใดพะยะค่ะ. ครรภ์ของเหนียงเหนียงสุขภาพดีเป็นอย่างมาก เส้นชีพจรก็เป็นปกติพะยะค่ะ"

"โอ้ " หนิงเชี่ยนแย้มยิ้มเมื่อมองไปยังท่านหมอหลิว แล้วจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ต้องขอบคุณท่านหมอหลิวแล้ว"

เซี่ยหวนอวี่มิได้ใส่ใจแต่อย่างใด "ยังจัดเตรียมไม่เสร็จก็ให้ข้ารับใช้จัดเตรียมไป วันนี้มิได้มีเรื่องอันใดให้รีบร้อนมากนัก เจิ้นนึกได้ว่าไม่ได้มาเยี่ยมเยียนเจ้าเสียหลายวัน อีกทั้ง วันนี้ยังมิได้มีเรื่องราวอันใดให้มากความอีก ไม่สู้เจ้ามาเล่นหมากล้อมกับเจิ้นสักกระดานเถิด"

หนิงเชี่ยนได้ยิ้นเช่นนั้นพลันแย้มยิ้มออกมา "เกรงว่า ช่วงนี้ฝ่าบาทคงจะมิมีคู่มือให้เล่นหมากล้อมด้วยกระมัง ? ตอนนี้รุ่ยอ๋องและพระชายารุ่ยอ๋อง "ชะงักไปครู่หนึ่ง พลันนึกได้ว่าคู่สามีภรรยารุ่ยอ๋องนั้น ในสายตาคนนอกพวกเขาหายตัวไปเสียแล้ว จึงรีบร้อนกล่าวออกมาว่า "ฝ่าบาทต้องการให้หม่อมฉันเล่นหมากล้อมเป็นเพื่อน ทว่า ฝีมือด้านหมากล้อมของหม่อมฉันมิได้เป็นเลิศมากนัก เกรงว่าจะเป็นเรื่องที่หน้าขบขันต่อฝ่าบาทเสียแล้ว"

เซี่ยหวนอวี่พลันกล่าวด้วยรอยยิ้มออกมาว่า "นั่นเป็นเรื่องปกติ เจิ้นจักออมมือให้เจ้าเป็นอย่างไร ?"

หนิงเชี่ยนจึงสั่งให้ข้ารับใช้ไปจัดเตรียมกระดานหมากล้อมเข้ามา ในขณะที่ทั้งสองกำลังเล่นหมากล้อมอยู่นั้น อีกด้านหนึ่งก็ทำการพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆในชีวิตประจำวัน

เมื่อเล่นจบไปหนึ่งกระดาน หนิงเชี่ยนที่ถูกเซี่ยหวนอวี่กินหมากในมือจนไม่เหลือแม้แต่เดียว เมื่อเห็นลักษณะของหมากในกระดานทั้งหมดนั้น หนิงเชี่ยนพลันขมวดคิ้วลง แล้วจึงพูดขอตัวว่า "หม่อมฉันมิลงเล่นแล้วเพคะ ไม่เล่นแล้ว ฝ่าบาทมิใช่กล่าวออกมาหรือ ว่าจักออมมือให้ หม่อมฉันเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นสตรีตั้งครรภ์อีก ฝ่าบาทยังไม่ปล่อยวางหม่อมฉันเลย"

เซี่ยหวนอวี่พลันกระตุกรอยยิ้มขึ้นมา "พระชายารุ่ยอ๋องก็เป็นสตรีตั้งครรภ์มิใช่หรือ เหตุใด เมื่อแพ้แล้วถึงไม่ร้องโวยวายเช่นเจ้ากัน ? "

หนิงเชี่ยนพลันขบเม้มริมฝีปากไปมา "ฝีมือการวางหมากของพระชายารุ่ยอ๋องล้วนแต่เป็นเลิศ. หม่อมฉันจักไปเทียบเท่านางได้อย่างไรกันเพคะ หากแต่ หม่อมฉันได้ยินมาว่า ฝีมือวางหมากของพระชายารุ่ยอ๋องล้วนแต่ร่ำเรียนมาจากท่านตาของนาง. ท่านตาของพระชายารุ่ยอ๋องตอนนี้ มิใช่ว่าอยู่ในแคว้นเซี่ยของเราหรือเพคะ. หากฝ่าบาทเกิดคันไม้คันมืออยากประลองขึ้นมา เหตุใดไม่ส่งคนไปเรียกท่านเซียวเข้าวังมากัน ทำไมถึงต้องมาต่อสู้กับหม่อมฉันเช่นนี้ด้วย "

"ได้ได้ได้. เป็นเจิ้นที่ผิดเอง. เจิ้นผิดเองที่ไม่ยอมออมมือให้เจ้า "เซี่ยหวนอวี่อดไม่ได้ที่จะต้องยอมจำนนต่อนาง

เมื่อสำรับมื้อค่ำจัดเตรียมเสร็จแล้ว. ทุกอย่างล้วนแต่จัดวางอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมด หนิงเชี่ยนพลันรีบร้อนจูงมือเซี่ยหวนอวี่เข้ามานั่งลง พร้อมทั้งคีบผักมาใส่ในถ้วยให้เล็กน้อย พร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า "ฝ่าบาทใบหน้าซูบผอมลงไปเช่นนี้. ยังไม่มีข่าวคราวเรื่องรุ่ยอ๋องและพระชายารุ่ยอ๋องอีกหรือเพคะ ?"

เซี่ยหวนอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมพยักหน้าลงเล็กน้อย พลางถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นสายตาของหนิงเชี่ยนเต็มไปด้วยความกังวลเช่นนั้น จึงกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมา พร้อมทั้งนำตะเกียบไปคีบเนื้อผักทั้งหลายใส่ในถ้วยของหนิงเชี่ยนแล้วจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "เจิ้นมิเป็นอันใด เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก็พอแล้ว"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง