ฝูไท่ที่ยืนอยู่ข้างหลังเฮ่อเหลียนเย่ว์มองประตูตำหนักเย็นที่สีหลุดลอกตรงหน้าอย่างระมัดระวังด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมฮ่องเต้ถึงมาตามหาเจ้าจิ้งจอกที่นี่
แล้วทำไมเมื่อมาถึงตำหนักเย็น เขาก็เอาแต่ยืนนิ่งไม่เข้าไปด้านในเสียที
แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ เขาก็ตระหนักได้ว่าสิ่งเดียวที่อยู่ในตำหนักเย็นก็คือท่านผู้นั้น
ดูเหมือนว่าแม้ฮ่องเต้จะชื่นชอบหลางกุ้ยเหริน แต่ลึกๆ ในใจเขาก็ยังไม่ปล่อยพระสนมเหลียนเฟยไป
เฮ่อเหลียนเย่ว์ไม่ได้ตระหนักถึงความคิดของฝูไท่เลย เขาแค่ยืนอยู่นอกตำหนักเย็นอย่างไร้ความรู้สึก
เขายังคิดว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่เฉยๆ มาได้หลายวัน แต่ไม่คิดว่าเธอจะกล้าขนาดนี้!
กล้าดียังไงมาใช้ ‘ความรัก’ ที่เขามีให้มาวางแผนกับเขา!
แค่เพราะอยากแก้โครงเรื่องน่ะหรือ?
เธอคงไม่คิดว่าขั้นแรกที่จะแก้โครงเรื่องได้คือเธอต้องตาย!
เฮ่อเหลียนเย่ว์กำลังจะเดินเข้าไป แต่เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งและในที่สุดเขาก็ออกคำสั่ง “ฝูไท่ เปิดประตู”
ปกติแล้วประตูตำหนักเย็นจะปิดอยู่เสมอและจะมีคนเฝ้าประตูสองคนเฝ้าอยู่ด้านนอก แต่ส่วนใหญ่พวกเขามักจะเข้ามาหลบอยู่ข้างในด้วยความขี้เกียจ เพราะอย่างไรแล้วประตูก็ลงกลอนไว้จึงไม่สามารถมีใครมาที่นี่ได้
พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันนี้จะมีพระผู้เป็นเจ้ามายังตำหนักเย็นแห่งนี้
ประตูไม้เคลือบสีแดงเก่าๆ เปิดออกช้าๆ สิ่งแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือสวนอันรกร้าง เฮ่อเหลียนเย่ว์ก้าวเข้าไปด้านในและเขาก็เห็นสุนัขจิ้งจอกของตนกำลังนั่งกินไก่ย่างอยู่บนพื้นอย่างมีความสุขกับไป๋เชียนเชียนที่สวมชุดสีขาวเรียบๆ กำลังหันหลังมาทางประตูและนั่งยองๆ อยู่ข้างหน้าเสวี่ยซา
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวด้านหลัง ไป๋เชียนเชียนก็แสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นและถอนหายใจกับเสวี่ยซาอย่างอ่อนแรง “น่าสงสารเสียจริง หิวโหยถึงเพียงนี้ ฝ่าบาทรักเจ้ามาก ไม่รู้ว่าหากพระองค์รู้ว่าหลางกุ้ยเหรินทรมานเจ้าเช่นนี้ เขาจะปวดใจเพียงใด”
เมื่อไป๋เชียนเชียนพูดเช่นนี้ ซือหลิงหลงที่อยู่หลบอยู่ในกระท่อมข้างๆ ก็แทบจะกระทืบเท้าด้วยความโมโห
‘ฉันยอมเสียแรงกายแรงใจเพื่อช่วยเธอแต่เธอกลับใช้โอกาสนี้สร้างปัญหาให้ฉันเรอะ!’
‘เธอไม่ควรชื่อไป๋เชียนเชียนแต่ควรชื่อไป๋เหยี่ยนหลาง*มากกว่า!’ (ไป๋เหยี่ยนหลาง หมายถึง คนอกตัญญู)
‘ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นนางเอก ฉันจะเตะเธอลงมหาสมุทรแปซิฟิกซะตอนนี้เลย!’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฮ่องเต้คลั่งรักมัดใจสนมตัวร้าย