เมื่อซือหลิงหลงได้พบกับนักร้องที่เฮ่อเหลียนเย่ว์ส่งมา สิ่งแรกที่เธอคิดก็คือไอ้ฮ่องเต้บ้ากำลังแก้แค้นเธอ
เขาคงคิดว่าเธอทรมานสัตว์เลี้ยงของเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกวิธีนี้เพื่อทรมานเธอเช่นกัน
แต่ซือหลิงหลงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเรื่องนี้เลย
‘ก็แค่เรียนร้องเพลงเอง เรียนก็เรียนสิ เจ๊เป็นสายคาราโอเกะอยู่แล้ว!’
ในวันนั้น ขณะที่ซือหลิงหลงกำลังตั้งใจเรียนร้องเพลง เธอก็ได้ยินเสียงกระแสไฟฟ้าดังขึ้นในหัวของเธอ จากนั้นเสียงกลไกของเครื่องจักรก็ดังขึ้นอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ระบบนี้ปรากฏขึ้น
ยังคงเป็นท่วงทำนองที่อยู่ในกรอบเหมือนเดิม
‘ขอเตือนนายท่าน โครงเรื่องของนางเอกยังไม่ได้รับการแก้ไข นายท่านโปรดโฟกัสที่โครงเรื่องและอย่าหมกมุ่นกับเรื่องสนุกจนไม่สนความคืบหน้า’
‘ฉันไม่ได้หมกมุ่นกับเรื่องสนุกจนไม่สนความคืบหน้าสักหน่อย’ ซือหลิงหลงโต้
ระบบไม่ปรานีแม้แต่นิดเดียว ‘ท่านหมกมุ่น’
เลี้ยงสัตว์ ร้องเพลง ทั้งหมดนี้จัดอยู่ในประเภทเรื่องสนุกไร้สาระที่ทำลายความก้าวหน้าในสารบบ
‘คุณนี่มันน่ารำคาญจริงๆ ฉันบอกว่าไม่ก็ไม่สิ’ ซือหลิงหลงแสดงออกว่าไม่อยากคุยกับอีกฝ่ายก่อนจะรับปากแบบส่งๆ ‘รู้แล้วจ้า รู้แล้ว ฉันมีแผนแล้ว’
ระบบเงียบเสียงลงอีกครั้งราวกับตัดสินใจแล้วว่าจะแก้แค้นเธอ
‘เนื่องจากนายท่านเพิกเฉยต่อการแจ้งเตือนของระบบ ระบบจะไม่ตอบรับคำขอในภารกิจของนายท่านเป็นเวลาสามสิบวัน’
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ระบบก็กล่าวเสริมว่า ‘กราบสวัสดี’
จากนั้นเสียงกระแสไฟฟ้าก็ดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่เสียงในหัวจะกลับสู่ความเงียบสงบ
ซือหลิงหลงตกตะลึง
เมื่อกี้เจ้าระบบนี่...โมโหฉันเหรอ
บทลงโทษคือจะไม่สนใจอีกฝ่ายเป็นเวลาสามสิบวัน...เจ้าระบบนี่เป็นเด็กประถมหรือไง
แล้ว...ทำไมต้องแน่วแน่ในการเปลี่ยนเป็นภาษาออนไลน์ในตอนท้ายแบบนี้ตลอดด้วย
อีกด้านหนึ่ง เฮ่อเหลียนเย่ว์กำลังยุ่งอยู่กับการสั่งให้องครักษ์เงารวบรวมสิ่งผิดกฎหมายที่ติ้งซานกงทำในช่วงปีที่ผ่านมาโดยไม่ได้สนใจข่าวคราวของตำหนักข้างๆ เมื่อเขาได้สติคืนมา ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่ารอบตัวเขาเงียบสงบมาสักพักแล้ว
ตอนที่เขากำลังจะถามถึงสถานการณ์ของซือหลิงหลง เขาก็ได้ยินนางกำนัลรายงานว่า
“ฝ่าบาท นางกำนัลคนสนิทของหลางกุ้ยเหรินขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
เฮ่อเหลียนเย่ว์เลิกคิ้ว เขารู้อยู่แล้วว่านางผู้นั้นประพฤติตัวเรียบร้อยได้ไม่ถึงวันหรอก
“ให้เข้ามา”
หลังจากเฮ่อเหลียนเย่ว์พูดจบ ไม่นานนางกำนัลก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางนุ่มนวลและสง่างาม จากนั้นก็ทำความเคารพเขาอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงนุ่มนวลของนางแฝงไปด้วยความตึงเครียด
“ข้าน้อยนามว่าจูซาเป็นคนสนิทของหลางกุ้ยเหริน” พูดอยู่ดีๆ เสียงของจูซาก็ค่อยๆ ปนไปด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ฝ่าบาท องค์ชายเสวี่ยซา...หายตัวไปเพคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเฮ่อเหลียนเย่ว์ก็มืดครึ้มลงในทันใด
ใครหายไปนะ...
...
เสวี่ยซาหายไป
นางกำนัลที่ดูแลอาหารเช้าหาเสวี่ยซาไม่เจอ นางจึงคิดว่าซือหลิงหลงพาเด็กน้อยไปเดินเล่น
จนเมื่อครึ่งชั่วโมงให้หลัง นางเห็นซือหลิงหลงเดินกลับมาคนเดียว นางจึงแน่ใจว่าองค์ชายหายตัวไปจริงๆ!
การทำสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของฮ่องเต้หายถือเป็นความผิดใหญ่หลวง
ทุกคนในตำหนักไม่กล้าพูดอะไร คนกลุ่มใหญ่แทบพลิกตำหนักหลิงหัวหาแต่ก็ไม่พบแม้แต่ขนจิ้งจอกสักเส้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฮ่องเต้คลั่งรักมัดใจสนมตัวร้าย