พื้นผิวของแผ่นหินนั้นค่อนข้างขรุขระ คุกเข่าไปได้ระยะหนึ่งก็รู้สึกเจ็บไปถึงขั้วหัวใจ
เมื่อคิดว่าต้องคุกเข่าเป็นเวลาหกชั่วโมง ซือหลิงหลงก็รู้สึกสิ้นหวัง
เฮ่อเหลียนเย่ว์ไม่เข้าใจ
‘ฉันแค่...อยากกลับบ้าน’
แม้ว่าในโลกนั้นเธอจะไม่มีญาติแต่เธอก็ยังมีบ้าน
พี่ชายอันธพาลของเธอเลี้ยงเธอมาตั้งแต่ยังเป็นทารกและสร้างบ้านให้เธอหนึ่งหลัง ตอนนี้เขากำลังรอให้เธอกลับไป
แต่ทำไมการมีชีวิตมันถึงยากขนาดนี้
น้ำตาหยดลงบนแผ่นหินอย่างเงียบๆ และระเหยเป็นไอเพราะแสงแดดภายในเสี้ยววินาที ซือหลิงหลงยกมือเช็ดหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่ยอมให้น้ำตาหยดที่สองไหลลงมา
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร จู่ๆ ซือหลิงหลงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอีกครั้ง จิตใต้สำนึกสั่งให้เธอเงยหน้าขึ้นและชั่ววินาทีนั้นเธอก็คิดว่าเธอตาลาย
ที่ปลายถนนอีกด้านคือเฮ่อเหลียนเย่ว์ที่กลับมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มรูปงามตีหน้าขรึม แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชาและโทสะ
ซือหลิงหลงนิ่งไปชั่วขณะ
‘ลงโทษด้วยการคุกเข่ายังไม่พอเลยกลับมาทุบตีฉันเหรอ’
ซือหลิงหลงครุ่นคิดอย่างหนักว่าควรลุกขึ้นและวิ่งหนีไปดีไหม
แต่ที่นี่คือวัง เธอจะหนีไปไหนได้
เธอหนีไอ้บ้านี้ไม่พ้นหรอก
ขณะที่ซือหลิงหลงกำลังตัวสั่นงกๆ และมองเฮ่อเหลียนเย่ว์ที่เดินมาตรงหน้าเธออีกครั้งพร้อมข้าราชบริพารที่อยู่เงียบๆ กลุ่มหนึ่ง เธอก็ได้ยินเฮ่อเหลียนเย่ว์พูดอย่างเย็นชาว่า “สำนึกผิดแล้วใช่ไหม”
ซือหลิงหลงมึนเล็กน้อย เธอพยักหน้าให้เขาด้วยความงุนงง
‘ผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว!’
เมื่อเฮ่อเหลียนเย่ว์มองท่าทางหวาดกลัวที่ดูน่าสงสารของเธอ ความโกรธในใจของเขาก็สงบลงมาก เขาส่งเสียงฟึดฟัดก่อนจะพูดว่า “ลุกขึ้น”
ซือหลิงหลงยังคงมึนอยู่และไม่อยากจะเชื่อ
‘ไอ่ฮ่องเต้บ้าปล่อยฉันไปแบบนี้เลยเหรอ’
เมื่อเฮ่อเหลียนเย่ว์ได้ยินว่าเธอยังกล้าเรียกเขาว่าไอ้ฮ่องเต้บ้า เขาก็จ้องเธออย่างอดไม่ได้
ถ้ากล้าเรียกว่าไอ้ฮ่องเต้บ้าอีกครั้ง ข้าจะสั่งให้เจ้าคุกเข่าที่นี่ทั้งวันเลย!
เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด
เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาจะสั่งสอนบทเรียนให้เธอ
แล้วก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาเดินไปไกลแล้วแต่เขาได้ยินเสียงสะอื้นน่าสงสารของเธอบอกว่าอยากกลับบ้าน เขาจึงกลับมาอีกครั้ง
เฮ่อเหลียนเย่ว์มองซือหลิงหลงด้วยใบหน้าเย็นชาแต่ดูเหมือนว่าฝูไท่ที่อยู่ข้างๆ จะคอยแอบดูทุกอย่าง เขายิ้มและเดินออกไปพยุงซือหลิงหลงที่กำลังมึนงงให้ลุกขึ้น
แม้ว่าซือหลิงหลงจะคุกเข่าเพียงไม่ถึงหนึ่งในสี่ชั่วยามแต่หัวเข่าของเธอก็ยังเจ็บเมื่อเธอลุกขึ้นยืนและเท้าของเธอก็ไม่มั่นคง ฝูไท่กำลังจะเข้ามาประคองแต่จู่ๆ ก็มีมือยื่นออกมา มือใหญ่ประคองแขนและจับให้เธอยืนให้มั่น
ซือหลิงหลงมองเฮ่อเหลียนเย่ว์ที่อยู่ตรงหน้าพลางพูดเบาๆ ว่า “ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”
เฮ่อเหลียนเย่ว์ส่งเสียงในลำคอก่อนจะหันไปมองฝูไท่ที่ยืนยิ้มตาหยีอยู่ข้างๆ จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็เคร่งขรึมทันที “มัวแต่ดูอะไรอยู่ ไปเคลื่อนเกี้ยวมาเสียสิ”
เรื่องแค่นี้ต้องให้ข้าสั่งเองรึ
ฝูไท่ขานรับและรีบไปจัดการ
ซือหลิงหลงรู้สึกสับสนมาก ความเจ็บปวดในใจที่เธอรู้สึกในตอนที่คุกเข่าเพียงลำพังเมื่อครู่หายไปแล้วและเธอก็อดลอบมองฮ่องเต้ที่อยู่ข้างกายไม่ได้
‘ไอ้ฮ่องเต้บ้า...น่าจะเป็นคนปากร้ายใจดีสินะ’
เฮ่อเหลียนเย่ว์ยังคงทำหน้านิ่ง ไม่มองเธอเพราะกลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้และเผลอตีเธอเข้า
ในฐานะฮ่องเต้ หัวใจของเขาต้องแข็งกว่าใครทั้งนั้นและเขาก็ไม่เคยใจอ่อนมาก่อน
แต่เขาเห็นว่าเธอยังมีประโยชน์จึงไม่อยากละทิ้งเธอในตอนนี้
ขณะที่เฮ่อเหลียนเย่ว์กำลังคิด เขาก็ได้ยินคนบางคนถามแบบหยั่งเชิง ‘ไอ้ฮ่องเต้บ้าไม่ได้ชอบฉันใช่มั้ยนะ เขาทนเห็นฉันทรมานไม่ได้อะไรแบบนั้นเหรอ’
เฮ่อเหลียนเย่ว์พยายามไม่ถลึงตาใส่เธอ
ผู้หญิงคนนี้ช่างกล้าคิดจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฮ่องเต้คลั่งรักมัดใจสนมตัวร้าย