ฮ่องเต้คลั่งรักมัดใจสนมตัวร้าย นิยาย บท 19

“จู่ๆ พระสนมเหลียนเฟยก็ได้รับอภัยโทษ น่าจะเป็นเพราะงานเลี้ยงฉลองส่วนพระองค์ในวันมะรืน”

ในตำหนักข้าง สู่หงค่อยๆ วิเคราะห์ให้ซือหลิงหลงที่อยู่บนเตียงฟังว่า “งานเลี้ยงฉลองส่วนพระองค์วันมะรืน คือวันที่ฝ่าบาททรงเชิญเชื้อพระวงศ์และครอบครัวของพระสนมมาร่วมงานเลี้ยงปีละสองครั้งในวัง สนมชายาที่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานล้วนมีญาติเป็นขุนนางใหญ่และเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงที่มีหน้ามีตาในราชสำนัก ย่อมรวมถึงบิดาของพระสนมเหลียนเฟยด้วยเจ้าค่ะ”

“ถึงหม่อมฉันจะไม่ทราบว่าเหตุใดฝ่าบาทจึงลงโทษพระสนมเหลียนเฟยกะทันหัน แต่บิดาของพระสนมเหลียนเฟยเป็นถึงเสนาบดีในเวลานี้ และตำแหน่งเสนาบดีก็มีศักดิ์ฐานะสูงส่งในราชสำนัก หม่อมฉันคิดว่า ขอเพียงพระสนมเหลียนเฟยไม่ได้ก่อความผิดใหญ่หลวงอะไรที่ไม่อาจให้อภัยได้ กอปรกับเห็นแก่หน้าท่านเสนาบดี ฝ่าบาทไม่น่าจะทรงถือสาหาความพระสนมเหลียนเฟยจริงๆ”

แม้ซือหลิงหลงจะอ่านนิยาย ทว่านางกลับไม่ชอบศึกษาความสัมพันธ์อันซับซ้อนในวัง ดีที่สู่หงมีใจละเอียดอ่อน ซ้ำยังหัวไวยิ่งนัก จึงช่วยชดเชยข้อบกพร่องในส่วนนี้ให้ซือหลิงหลงได้มาก

หลังจากฟังคำวิเคราะห์ของสู่หงแล้ว ซือหลิงหลงเห็นว่ามีเหตุผลทีเดียว จึงอดถอนใจไม่ได้

‘นึกไม่ถึงว่าการเป็นฮ่องเต้ แม้กระทั่งโปรดสตรีสักคนยังต้องให้ขุนนางเห็นชอบ...ชิ ไอ้ฮ่องเต้บ้า ช่างน่าสมเพชชะมัด’

หากเฮ่อเหลียนเย่ว์ได้ยินนางก่นด่าเช่นนี้เข้า ไม่แน่อาจจะกริ้วจนตาย

โชคดีที่เฮ่อเหลียนเย่ว์ไม่มาและไม่ได้ยินคำพูดนี้

อันที่จริง เขามีความคิดอื่นในการปล่อยตัวไป๋เชียนเชียนออกจากตำหนักเย็น

ในราชสำนักมีความสัมพันธ์อันสลับซับซ้อน ขั้นต่อไป เขาจะลงมือเล่นงานติ้งซานกง เสนาบดีอย่างไป๋เซี่ยงหมิ่นผู้นี้ย่อมไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป ถึงขั้นเพื่อเอาใจไป๋เซี่ยงหมิ่น ไม่ให้อีกฝ่ายเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับติ้งซานกง ตนจึงต้องให้ประโยชน์อีกฝ่ายไว้บ้าง

ส่วนประโยชน์ที่ว่านี้ก็คือ การคืน “ความโปรดปราน” ให้พระสนมเหลียนเฟย

นี่คือวิถีแห่งความสมดุลในฐานะฮ่องเต้

การกลับสู่ฐานันดรศักดิ์เดิมของพระสนมเหลียนเฟยนั้น ผู้คนทั้งวังกำลังรอดูเรื่องน่าขบขันของซือหลิงหลงอยู่ไม่น้อย

อย่างไรเสียตอนนั้นในวังมีข่าวลือว่า ฮ่องเต้ทรงลงทัณฑ์พระสนมเหลียนเฟยเพราะเห็นแก่หลางกุ้ยเหริน ซือหลิงหลงเองก็เพิ่งมารู้ในภายหลัง ว่าที่แท้ตนเป็นแพะรับบาปถึงเพียงนี้ แล้วใครที่ไหนจะมาฟังเหตุผลของนาง

ในวันงานเลี้ยงฉลองส่วนพระองค์ ซือหลิงหลงเปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดที่หน่วยตัดเย็บส่งมาให้แต่เช้า เป็นเนื้อผ้าดิ้นมันวาวจากเครื่องบรรณาการชุดใหม่ ตัวผ้าบางเบาแต่อบอุ่น ที่สำคัญคืองดงามยิ่ง

“หม่อมฉันได้ยินว่าผ้าดิ้นมันวาวนี้เป็นของใหม่ที่เพิ่งส่งมาจากเจียงหนาน ทั้งวังมีเพียงไม่กี่พับ ฝ่าบาททรงเลือกผ้าผืนนี้ให้พระสนมเองด้วยพระหัตถ์ แสดงว่าฝ่าบาททรงใส่พระทัยพระสนมนะเจ้าคะ” จูซาพล่ามไม่หยุดปากขณะปรนนิบัติแต่งตัวให้ซือหลิงหลง

“ต่อให้พระสนมเหลียนเฟยออกจากตำหนักเย็นแล้วอย่างไรกันเล่า ก็ไม่เห็นว่าฝ่าบาทจะโปรดนางเลย”

สู่หงขมวดคิ้วมุ่นฟังอยู่ด้านข้าง แล้วส่งสายตาเตือนจูซา ทว่าจูซาทำเป็นเมินสายตานั้น ยังคงพูดต่อไป ซือหลิงหลงเริ่มลูบใบหูไปมา

“หุบปากเสียที ข้าฟังจนเบื่อแล้ว”

เมื่อผู้เป็นนายเอ่ยปาก จูซาถึงได้หุบปากอย่างไม่ใคร่พอใจ

ซือหลิงหลงย่อมไม่สนใจอีกฝ่าย นางเอาแต่ลูบไล้เนื้อผ้าบนตัวอย่างแผ่วเบา ต้องบอกว่างานฝีมือสมัยโบราณนั้นประณีตมาก เนื้อผ้าอ่อนนุ่มแต่อบอุ่นและบางเบา กระโปรงยาวกรอมพื้นเหมือนสายรุ้งพลิ้วลงมา ราวกับเปล่งประกายสดใสยามเดินเยื้องย่าง ลายปักที่ชายกระโปรงก็ยิ่งวิจิตรงามล้ำ

‘นี่เสื้อผ้าที่ไหนกัน แบบนี้เรียกว่างานศิลปะโดยแท้’

ครั้นเฮ่อเหลียนเย่ว์เข้ามา สิ่งที่ได้ยินเป็นเพียงประโยคทอดถอนใจ ขณะที่มุมปากกำลังจะโค้งขึ้น ก็ได้ยินประโยคครึ่งหลังจากก้นบึ้งหัวใจของซือหลิงหลงว่า

‘หากเอาเจ้านี่ไปขาย คาดว่าจะขายได้เงินมากโข’

ราคาของเราเพียงแค่ 1/4 ของผู้ให้บริการรายอื่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฮ่องเต้คลั่งรักมัดใจสนมตัวร้าย