หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 101

คำพูดของลู่จือสิงฟังออกอย่างชัดเจนว่ากำลังประชด

เขามองไปที่ฉีซิ่งหราน สายตาฉายแววความชั่วร้าย

ฉันรู้ฉีซิ่วหรานอยากจะพูดอะไร แต่ฉันไม่อยากให้ลู่จือสิงรู้ความสัมพันธ์ของฉันและชวี่ชิงหนานเลยซักนิด

ก่อนที่ฉีซิ่วหรานจะพูด ฉันมองไปที่เขาและพร้อมกับส่ายหัว

เรารู้จักกันมานาน อาจมองตาก็รู้ใจอยู่บ้างเล็กน้อย

ฉันมองไปที่เขา แล้วลดสายตาลงเล็กน้อย ฉันเข้าใจเขากำลังตระหนักถึงอะไรอยู่

ฉันไม่ได้พูดอะไร ฉีซิ่วหรานยื่นมือออกไปพร้อมทักทาย :"ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณลู่ ผมฉีซิ่วหราน"

"เช่นกันครับ คุณฉีซิ่วหราน"

ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือป่าว คำพูดสั้นสั้นของลู่จือสิงแอบแฝงไปด้วยความโกรธไว้ไม่น้อย

ไม่รู้ว่าเขามีอะไรให้โกรธ ฉันนะสิที่ต้องเป็นคนโกรธ ถูกเขาเรียกให้ไปมาหลายรอบขนาดนี้

ฉันทำได้แค่เก็บอารมณ์ แล้วพูดกับเขาว่า:"คุณลู่ แหวนที่คุณบอก ฉันหาหลายครั้งแล้ว แต่ก็หาไม่เจอ ถ้าคุณคิดว่าแหวนนั้นฉันเป็นคนเอาไป ฉันมีวิธีหนึ่ง......."

"คุณมีวิธีอะไรละ?คุณซู"

ลู่จือสิงมองมาที่ฉันพร้อมกับแม้มปาก แถมยังเน้นชื่อฉันอีกด้วย

ฉันรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ฉันเงยหน้ามองไปที่เขาแล้วกัดฟันด้วยความโกรธเล็กน้อย: "ฉันไม่มีวิธีไหนนอกจากคืนเงินให้คุณ"

"คืนเงินตามราคา?"

น้ำเสียงของเขาดูไม่พอใจ ฉันกลั้นความโกรธไว้จนฉันกลั้นไม่ไหว ฉันตบลงไปที่โต๊ะพร้อมหับมองไปที่ดวงตาสีดำของเขา "คุณลู่คะ คุณคิดเท่าไหร่ก็ว่ามาค่ะ เวลาของคุณมันมีค่า ฉันไม่อยากจะเสียเวลาของคุณ!!"

ฉันเพิ่งพูดจบลง สีหน้าของลู่จือสิงก็ลดลงมา :"คุณซู นี้คือน้ำเสียงที่จะมาเจรจากันเหรอ?"

ฉันกำลังจะพูด ฉีซิ่งหรานสกิดฉันเล็กน้อย

ฉีซิ่วหรานมองมาที่ฉันแล้วส่ายหัว หมายความว่าเขาจะช่วยจัดการ

"คุณซู คุณฉีซิ่วหราน ถ้าคุณสองคนจะมาจู๋จี๋กันที่นี้ ก็ขอให้ไปที่อื่นนะครับ"

คำพูดของลู่จือสิงมันฟังดูน่าเกลียดมาก ฉันเลยบอกกลับไปว่า:"นี้คุณ กรุณาพูดให้เกียรติกันหน่อย!!"

"ถ้าคุณอยากให้คนอื่นเคารพคุณ คุณควรเคารพคนอื่นก่อนใช่ไหมครับ?"

"ผม....."

"คุณลู่ครับ วันนี้เรามาคุยเรื่องแหวนกันนะครับ อย่าไปซีเรียสกันเรื่องอื่นเลย"

ฉีซิ่วหรานพูดอยู่ อยู่อยู่ก็หยุดกะทันหัน :"และอีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณลู่ต้องไปซีเรียส"

"นี้คือเรื่องของผมและซูยุ่น แล้วคุณมีสิทธิอะไรมาพูดเรื่องนี้"

ฉันคิดไม่ถึงเลย อยู่ดีๆทั้งสองคนก็ทะเลาะขึ้นมา

ฉีซิ่วหรานกับลู่จือสิงตอบโต้กันไปมา ฉันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉันฟังจนสมองจะแตกแล้ว ฉันลุกขึ้นแล้วมองหน้าของลู่จือสิง:

"คุณลู่ แหวนวงนั้นฉันหาไม่เจอจริงๆค่ะ ถ้าคุณไม่เอาค่าเสียหาย งั้นคุณก็ไปฟ้องร้องได้เลยค่ะ ฉันยังมีงานต้องทำ ขอลาก่อน!"

พูดจบ ฉันก็เดินออกไป

เดินออกไปด้วยความโกรธ พอลมเย็นพัดมาทำให้ฉันตื่นขึ้นไม่น้อย

"ซูยุ่น"

ฉีซิ่วหรานเดินตามฉันมา ฉันหันไปยังไม่ทันพูดอะไร เขาก็ขอโทษก่อน:"ขอโทษนะ"

ฉันหยุดไปสักพัก "ไม่ใช่ความผิดของคุณ ฉันรู้อยู่แล้ว ลู่จือสิงเป็นคนที่จัดการไม่ง่าย"

"แล้วเธอมีแผนอะไรละ"

ลู่จือสิงขอคืนดีฉัน?

ฉันรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้เหมือนที่ฉันไม่มีทางยอมมอบอำนาจการเลี้ยงดูเป้ยเป่ยให้คนอื่น แต่เขาพูดว่าหากเขาขอคืนดีละ?

ทันใดนั้นฉันรู้สึกได้ถึงผู้หญิงทุกคนล้วนปากแข็งความจริงแล้วใจอ่อนแทบตาย

ฉันไม่กล้าจะตอบคำถามของฉีซิ่วหราน เลยตอบไปว่า:"ฉีซิ่วหราน นายไม่รู้จักเขาดี ไม่มีหรอกสมมุติ"

ฉีซิ่วหรานไม่ได้พูดอะไรอีก ฉันถอนหายใจ ก้มหน้าลงดูเวลา:"เรากลับกันเหอะ ดึกแล้ว"

"อืม"

ฉีซิ่วหรานตอบกลับแล้วยกมือโบกแท็กซี่

ระหว่างทางกลับบ้านฉันกับฉีซิ่วหรานไม่พูดไม่จาอะไรกันเลย ในรถมีแต่ความสงบ

พอกลับถึงโรงแรม แม่ฉีซิ่วหราน ก็วิดีโอคอลมาเลยทำให้บรรยากาศไม่อึดอัดมาก

ไม่เจอเป้ยเปยมาวันหนึ่ง อยากกลับไปเมืองD ตั้งแต่คืนนี้เลย

หลังจากวิด๊โอคอลจบลงก็ประมาณสิบโมงแล้ว ฉันกลับห้องไปเตรียมตัวอาบน้ำ

พอกลับถึงห้องก็ลืมโทรศัพท์ไว้ห้องฉีซิ่วหราน กำลังจะไปเอา ก็มีคนมาเคาะประตูขึ้นก่อน

ไม่ได้คิดอะไรมากมายก็นึกว่าฉีซิ่วหรานเอาโทรศัพท์มาให้

"ฉี......"

พอเปิดประตู นึกไม่ถึงเลยว่าเป็นลู่จือสิง

เขายืนอยู่หน้าประตู ดวงตาสีดำจ้องมาที่ฉัน ฉันไม่คิดอะไรมาก เตรียมตัวจะปิดประตู แต่เขากลับเข้ามาที่ห้องอย่างหน้าตาเฉย

ฉันตะลึงไปแปบนึง ฉันดึงแขนของลู่จือสิงไว้แล้วพูดว่า :"นายเป็นบ้าอะไรเนี่ยลู่จือสิง"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้