ลู่จือสิงหายหน้าไปแปดวันแล้ว และจิตใจของฉันค่อยๆ สงบลง
วันนี้อากาศปรอดโปร่ง ฉันจึงเข็นรถเข็นพาเป้ยเปยลงไปเดินเล่น
ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ ในชุมชนมีผู้คนจำนวนไม่น้อยออกมาเดินเล่น รวมทั้งยังมีเด็กๆ ออกมาวิ่งเล่นกันมากมาย
เมื่อเป้ยเปยโตขึ้นฉันคิดว่าเขาคงไม่เหงาแน่ๆ
แดดกำลังดีฉันจึงเข็นเป้ยเปยเดินเล่นไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน
เป้ยเปยมักจะลืมตามองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นสิ่งใหม่ๆ เสมอ
ฉันเดินมาหยุดอยู่หน้าแปลงดอกไม้แปลงหนึ่งเพื่อให้เป้ยเปยได้ดูดอกไม้ แต่ทันใดนั้นก็มีเด็กคนหนึ่งพุ่งตรงมาหาเรา
เด็กคนนั้นวิ่งมาเร็วมากจนเกือบจะชนเข้ากับรถเข็นเด็ก ฉันเอื้อมมือไปขวางไว้โดยอัตโนมัติ แต่เด็กคนนั้นยืนไม่มั่นคงจึงล้มลงไปกับพื้น
ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปดึงเด็กน้อยขึ้นมา แต่ทันใดนั้นก็ถูกใครคนหนึ่งผลักเข้าเสียก่อน “เธอผลักเฮ่าเฮ่าของเราทำไม!”
ฉันกลัวเป้ยเปยจะร่วงลงมาจึงไม่กล้าคว้ารถเข็นเด็กเอาไว้เพื่อพยุงตัวขึ้น เมื่อยืนไม่มั่นคงจึงล้มลงไปกองกับพื้น
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นไปก็พบกับสายตาที่ดุร้ายของหญิงอายุราวๆ ห้าสิบปีคนหนึ่ง ส่วนเด็กชายคนนั้นก็ร้องไห้ราวกับได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส
ฉันอดขมวดคิ้วไม่ได้ พอจะเอ่ยปากอธิบายก็ถูกผู้หญิงคนนั้นผลักอีกครั้ง “เฮ่าเฮ่าของเราหกล้มจนเจ็บ! เธอต้องชดใช้ค่าเสียหาย!”
ฉันเคยได้ยินเรื่องพวกมิจฉาชีพบนถนนมาก่อน แต่ยังไม่เคยเจอพวกมิจฉาชีพกับตัวแบบนี้
ตอนแรกฉันว่าจะขอโทษพวกเขาดีๆ แต่พอหญิงวัยกลางคนคนนี้พูดแบบนี้ฉันก็โกรธขึ้นมา ฉันลุกขึ้นยืนและดึงรถเข็นเด็กมาไว้ด้านหลัง “คุณน้า คุณมีเหตุผลบ้างไหม? ลูกของคุณเกือบจะชนลูกของฉันฉันเลยเอื้อมมือไปหยุดไว้ ทำไมถึงเอาแต่หาว่าฉันผลักเขา? ถ้าไม่เชื่อลองถามลูกคุณดูสิ!”
“เธออย่ามาเถียง ฉันเห็นอยู่ทนโท่ว่าเธอผลักเฮ่าเฮ่าของเรา!”
ปากคอเราะร้ายจริงๆ!
ขนาดวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ มีผู้คนและเด็กๆ ออกมาสนุกสนานกันข้างนอกมากมาย ฉันก็ยังมาเจอเจ้าหล่อนเข้าจนได้
ฉันตั้งใจเข็นรถพาเป้ยเปยไปจากตรงนี้เพราะขี้เกียจเถียง แต่คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะยื่นมือมาขวางฉันไว้ “เธอจะไปทั้งอย่างนี้หรือ?”
ฉันหันกลับไปมองอย่างเย็นชา “แล้วถ้าใช่ล่ะ? ฉันไม่ได้ผลักใคร ทำไมถึงจะไปไม่ได้? คุณน้า ที่คุณผลักฉัน ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเลย!”
“หืม... เธอต่างหาก เธอเป็นคนผลักฉัน!”
เดิมทีหญิงวัยกลางคนคนนั้นถูกฉันต้อนจนไม่มีอะไรจะพูด นึกไม่ถึงว่าเด็กแสบนี่จะพูดกลับขาวเป็นดำหน้าตาเฉย ตอนนี้ฉันโกรธจนตัวสั่น มองตรงไปที่เด็กคนนั้น “เด็กน้อย เธอโกหก ระวังนะ จมูกของเธอจะยาวขึ้นยาวขึ้นเรื่อยๆ! ถ้าเธอไม่พูดความจริง วันพรุ่งนี้จมูกของเธอจะยาวมาก แล้วเด็กคนอื่นๆ ก็จะหัวเราะเยาะเธอ!”
เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้กลัวคำคู่ของฉันและหยุดร้องทันที เขามองฉันตัวสั่นเทา “จริงเหรอ? จมูกจะยาวขึ้นจริงๆ เหรอ?”
“จริงสิ...”
“เธอหยุดขู่ลูกฉันนะ! เธอเป็นคนผลัก! เธอต้องชดใช้ค่าเสียหาย!”
เป็นอันว่าฉันเข้าใจละ วันนี้หากฉันไม่ “ชดใช้” ค่าเสียหาย ผู้หญิงคนนี้ก็คงไม่มีทางปล่อยฉันไป
แต่ถ้าฉันไม่ชดใช้ซะอย่าง แล้วยังไงล่ะ เธอจะทำอะไรฉันได้!
ฉันเหลือบมองเด็กน้อยนิดหนึ่ง “ระวังล่ะ พรุ่งนี้จมูกเธอจะยาวขึ้น!”
พอฉันพูดจบเด็กชายก็รีบยกมือขึ้นจับจมูกของตัวเองทันที
ชัดเจนเลยว่าเขาโกหก... ผู้ใหญ่ไม่มีความละอาย เด็กก็ถูกสอนมาไม่ดี
ฉันไม่อยากสนใจเรื่องนี้อีกจึงหันหลังเดินออกไป แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับยื่นมือมาดึงตัวฉันไว้
“คุณทำอะไรน่ะ ปล่อยฉัน!”
“เธอผลักเฮ่าเฮ่าของเราล้ม จะหนีไปง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง”
“ฉันไม่ได้ผลักลูกของคุณ ฉันจะพูดอีกครั้ง ปล่อยฉัน!”
“ถ้าเธอไม่ชดใช้ก็ห้ามไปไหน!”
แม้จะไม่อยากคุยกับเขา แต่ที่เขาพูดมันก็ถูก... มือของฉันยังเข็นเป้ยเปยอยู่
ท้ายที่สุดฉันก็ค่อยเดินช้าลง เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็ไล่ตามมาทัน “ช่วงนี้ที่บริษัทมีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อย”
ฉันบอกออกไปอย่างไร้อารมณ์ “ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
ฉันคิดว่าเขาจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขากลับเงียบ
เมื่อมาถึงชั้นล่างของบ้าน ฉันจึงเปิดประตูนิรภัยเข้าไปที่โถงทางเดิน
ฉันไม่ได้ปิดประตูเหมือนครั้งก่อนเพราะถึงอย่างไรลู่จือสิงก็ใช้ลายนิ้วมือของเขาแสกนเข้ามาได้
ตลอดทางเข้าไปที่ลิฟต์ ทั้งเขาและฉันไม่มีใครพูดอะไรเลยสักคำ
จนกระทั่งมาถึงประตูบ้านของฉัน ลู่จือสิงที่อยู่ข้างๆ ฉันก็พูดขึ้นว่า “ซูยุ่น เรื่องโทรศัพท์วันนั้นมันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ”
ฉันเงยหน้ามองเขาและคิดว่ามันตลกดี “ฉันคิดว่ายังไงเหรอ?”
เขายกมือขึ้นจรดระหว่างคิ้วคล้ายกับว่าเหนื่อยเต็มกำลัง “ซูยุ่น ฉันบอกแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเฉินฮวนเหยียนไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด ไม่ใช่แบบนั้น... ที่โทรมาวันนั้นก็เพราะว่าเกิดเรื่องนิดหน่อย และสายจากเฉินฮวนเหยียนก็ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ”
ฉันหัวเราะอย่างเย็นชา “ใช่สิ มีบางอย่างเกิดขึ้นเกี่ยวกับเฉินฮวนเหยียน”
เขาเถียงไม่ออก “ใช่ มันเกี่ยวกับเธอ”
ฉันมีสีหน้าเย็นชา “ถึงบ้านฉันแล้ว ฉันไม่ต้อนรับคุณ คุณห้ามเข้ามา”
ฉันพูดพลางเข็นเป้ยเปยเข้าไปแล้วปิดประตูตามหลัง
เดิมทีฉันคิดว่าลู่จือสิงจะบุกเข้ามาเหมือนครั้งก่อน แต่คราวนี้เขาแค่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูไม่ได้ขยับไปไหน
ฉันแค่คิดว่ามันแปลกๆ แต่พอนึกถึงสิ่งที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้ ฉันจึงบังคับตัวเองว่าไม่ต้องไปสนใจเขาอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้