หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 118

“ซูยุ่น เธอเป็นอะไร?”

ฉันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของฉีซิ่วหราน เมื่อดึงสติกลับมาก็เห็นว่าตอนนี้ตัวเองกำลังใช้ตะเกียบคีบอะไรก็ไม่รู้อยู่นอกจานข้าว

ฉันอายเล็กน้อย

“ไปเจอเรื่องอะไรมาหรือเปล่า? ทำไมคืนนี้ดูใจลอยชอบกล”

ฉันไปเจออะไรมาน่ะหรือ?

ฉันไม่ได้เจออะไรทั้งนั้น แค่วันนี้ลู่จือสิงมีบางอย่างผิดปกติ

แต่ฉันบอกเรื่องนี้กับฉีซิ่วหรานไม่ได้ เมื่อคิดอะไรไม่ออกจึงได้แต่ยิ้มแหยๆ “ไม่มีอะไร”

ฉีซิ่วหรานขมวดคิ้วแต่ไม่ถามอะไรอีก

อาหารเย็นมื้อนี้ผ่านไปอย่างเงียบเชียบกว่าปกติ เมื่อฉีซิ่วหรานไปแล้วฉันจึงจัดการเอาเสื้อผ้าไปซัก

ฉันมองไปยังที่นอนของเป้ยเปยและอดนึกถึงลู่จือสิงขึ้นมาไม่ได้

วันนี้เขาแทบไม่พูดอะไรเลย แถมยังไม่พยายามตามฉันเข้ามาด้วย

ยิ่งคิดก็ยิ่งว้าวุ่น ตอนนี้เอง เสียงออดประตูก็ดังขึ้น

แว๊บแรกฉันคิดว่าคงเป็นฉีซิ่วหราน เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ฉันรู้จักในเมือง D ยิ่งมาหาฉันกลางดึกขนาดนี้ ยังไงก็ต้องเป็นเขาแน่ๆ

ฉันเปลี่ยนชุดจากชุดนอนเป็นชุดลำลองและเดินไปเปิดประตูโดยไม่ได้มองตาแมว “ฉีซิ่วหราน นาย...”

ฉันชะงักไปเมื่อเห็นว่าเป็นลู่จือสิง แล้วสีหน้าของฉันก็เยือกเย็นลงอย่างฉับพลัน “คุณมาทำไม?”

“ซูยุ่น ฉันไม่สบาย”

อยู่ๆ เขาก็ทิ้งตัวลงมาหาฉัน ตอนแรกฉันตั้งใจจะผลักเขาออก แต่มาถึงตอนนี้ฉันกลับทำไม่ได้

ตอนนี้ตัวของลู่จือสิงร้อนอย่างกับไฟเลยทีเดียว มิน่าเล่าวันนี้เขาถึงดูแปลกๆ

“คุณเป็นอะไรน่ะ”

ตอนแรกฉันมีคำพูดมากมายจะพูด แต่พอเขาเป็นแบบนี้ ฉันจึงต้องหักใจอย่างช่วยไม่ได้

เขาไม่บอกอะไรนอกจากบอกว่าไม่สบาย

ไม่สบาย ไม่สบาย... ฉันมองเขาด้วยความโกรธที่เริ่มคุกรุ่น ทว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากช่วยประคองเขาเข้าไป

“คุณมาวัดไข้ก่อน”

ฉันพูดพลางส่งปรอทวัดไข้ให้เขา

ลู่จือสิงนั่งลงบนโซฟา สภาพของตอนนี้ดูไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ที่ร่วงโรย ดูไร้ชีวิตชีวาต่างจากเวลาปกติโดยสิ้นเชิง เขาปิดเปลือกตาลงเล็กน้อยพลางเอนหลังพิงพนักแล้วเรียกชื่อฉัน “ซูยุ่น ซูย่น...”

เสียงนี้ทำให้ฉันนึกอยากจะปาผ้าขนหนูในมือใส่เขา

แต่สุดท้ายฉันก็ทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้นไม่ลง ฉันหยิบปรอทวัดไข้มาแล้วบอกเขาว่า “ยกแขนขึ้น”

“ฟู่...”

อยู่ๆ เขาพ่นลมหายใจออกทางปาก จนฉันสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ลู่จือสิงชอบสวมชุทสูทและเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ ตอนแรกฉันจึงไม่ทันสังเกตว่าที่แขนของเขามีเลือดออก

“ลู่จือสิง เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงเลือดไหล!”

ฉันมองเลือดที่เปื้อนมือและสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ครู่หนึ่งเขาจึงเงยหน้ามองฉัน “ซูยุ่น”

ขณะที่เขาเรียกฉัน ฉันรู้สึกว่านัยน์ตาของตัวเองเริ่มแดงเรื่อ

“เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่”

“ฉันไม่สบาย”

เขายกมือขึ้นมาโอบฉันและกดศีรษะของฉันลงแนบอกของเขา ร่างกายของเขาร้อนรุ่มไปทั้งตัว

ฉันรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่ๆ แต่ฉันทำอะไรได้ไม่มากนักจึงพยายามผละออกจากอ้อมกอดเขา “คุณรอเดี๋ยวนะ!”

เขาใช้มือข้างหนึ่งรั้งฉันไว้ “เธอจะไปไหน?”

“ฉันจะไปเรียกฉีซิ่วหรานมาช่วย!”

“อย่า!”

เมื่อนึกถึงเลือดบนฝ่ามือของตัวเองฉันก็ไม่กล้าเสียเวลาไปมากกว่านี้ คราวนี้ลู่จือสิงไม่พูดอะไรอีกและทิ้งน้ำหนักตัวมาที่ฉัน

ฉันยกมือขึ้นพยุงเขา เมื่อเดินไปได้ครึ่งทางก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “ฉีซิ่วหราน ขอยืมรถนายหน่อยได้ไหม”

“ระวังตัวด้วยนะซูยุ่น ถึงโรงพยาบาลแล้วบอกฉันด้วยนะ”

ฉันพยักหน้าให้และไม่มัวชักช้าอยู่อีก รีบประคองลู่จือสิงไปโรงพยาบาลทันที

ฉันสอบใบขับขี่ไว้นานแล้วแต่แทบไม่ได้ขับรถ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันขับรถเร็วขนาดนี้

เมื่อรถติดไฟแดงฉันก็อดหันไปมองลู่จือสิงไม่ได้ เขามองฉันแล้วยิ้มให้ “ซูยุ่น เธอยังเป็นห่วงฉันอยู่”

ฉันกัดฟันและยิ้มเยาะ “คุณบอกเองนี่ว่าคุณเป็นพ่อของเป้ยเปย ถ้าคุณตายฉันจะอธิบายกับเป้ยเปยยังไงล่ะ”

เขายิ้มนิดหนึ่ง ไม่ตอบคำพูดของฉัน ตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดเซียวจนน่ากลัว

ปกติต้องใช้เวลาขับรถถึงครึ่งชั่วโมง แต่ฉันใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็พาลู่จือสิงมาถึงโรงพยาบาล

“หมอคะ! หมอ!”

เวลาดึกๆ แบบนี้ที่โรงพยาบาลมักมีแพทย์อยู่ไม่มากนัก โชคดีที่พอฉันพยุงลู่จือสิงเข้าไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีพยาบาลเข้ามาช่วย “สามีของคุณเป็นอะไรคะ”

“เขา...”

“มีไข้สามสิบเก้าองศา แผลอาจจะอักเสบ”

ลู่จือสิงเอ่ยขึ้นมาขัดจังหวะ พอฉันได้ยินที่เขาพูดก็เลิกสนใจสิ่งที่พยาบาลพูดเมื่อครู่ เงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณไปโดนอะไรมา?”

“โดนอะไรมา?”

ฉันกับพยาบาลถามขึ้นมาพร้อมกัน

เขาเหลือบมองฉัน ก่อนจะหันไปตอบพยาบาลว่า “ถูกแทง”

ฉันตื่นตกใจ “ถูกแทง... คุณถูกแทงได้ยังไง ลู่จือสิง เกิดอะไรขึ้น...”

เขากุมมือฉันไว้ ฉันเพิ่งสังเกตว่าตัวเองกำลังสั่นเทิ้มไปทั้งตัว “ไม่ต้องกลัว ฉันไม่เป็นไร”

ฉันกัดฟันแน่น ปล่อยให้เขากุมมือไว้อย่างนั้น “ลู่จือสิง คุณจะให้ฉันมารับรู้ทำไม!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้