หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 126

ฉันส่ายศีรษะไปมา: “ผ่านช่วงระยะเวลานี้ก่อนเถอะ กลับมาครั้งนี้ ไม่รู้ว่าลู่จือสิงคิดจะทำเรื่องอะไร ฉันคิดไว้ว่าจะพักไม่กี่วันก็กลับแล้ว”

เขาเงียบไม่พูดจาอยู่พักนึง “ก็ดี ไม่ต้องไปส่ง ผมออกไปเอง คุณก็ดูแลเป้ยเปยเถอะ”

“ได้ค่ะ”

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ชว่งเวลาที่เข้านอนตอนค่ำฉันมักจะนอนหลับไม่สนิท เช้าวันต่อมาก็ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่

คุณฟางหลินเป็นคนจัดการคนเข้ามาวันล่ะสามครั้้ง ฉันอยู่ในคอนโดส่วนใหญ่ไม่ต้องจัดการทำเรื่องอะไรเลย ก็แค่ดูแลเป้ยเปย

เวลาบ่ายสองโมงคุณฟางหลินก็โทรศัพท์เข้ามาหาฉัน บอกกับฉันว่ารถจอดรออยู่ชั้นล่างแล้ว

ฉันอุ้มเป้ยเปยลงไปชั้นล่าง ก็มองเห็นคุณฟางหลินแล้ว

“คุณซู เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม?”

“ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณคุณมากนะคะ ลำบากคุณแล้วค่ะ”

จะไม่ให้พูดได้ยังไง ในเมื่อคุณฟางหลินให้ความใส่ใจจัดการให้ทุกเรื่อง ถึงแม้ว่าฉันจะนอนไม่หลับ แต่ก็ไม่ตำหนิเขา

ลู่เว่ยกั๋วอยู่โรงพยาบาลของเขตทหาร จงฮุ่ยหรานได้ส่งที่อยู่อย่างละเอียดมาให้ฉันเรียบร้อยแล้ว ฉันอุ้มเป้ยเปยลงจากรถ คุณฟางหลินก็

ลงมาจากที่นั่งด้านข้างคนขับ “คุณซู พวกเรารอคุณด้านนอกนะครับ เมื่อถึงเวลาที่คุณจะออกมา โทรศัพท์บอกผมก็พอครับ”

“ลำบากคุณแล้วค่ะ”

เป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ใช้เวลาเกือบจะสิบนาทีเพื่่อตามหาเขตห้องพักรักษาผู้ป่วยจึงจะหาเจอ

ลู่เว่ยกั๋วพักอยู่ชั้นห้า ลิฟท์ก็ทะยานสูงขึ้นนเรื่อยๆ หัวใจของฉันก็เต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ

“ติ๊ง”เสียงดังขึ้น พร้อมกับประตูลิฟท์เปิดออก

ก็มีคนเดินเข้ามา ฉันชะงักไปเล็กน้อยจึงจะรู้ว่าถึงแล้ว รีบอุ้มเป้ยเปยเดินออกไป

ห้อง513

เกือบจะเดินไปจนสุดทางตัน ฉันก้าวเดินไปเรื่อยๆ คาดไม่ถึงว่าจะมีความคิดที่จะเดินถอยกลับไป

ยืนอยู่ด้านหน้าประตูห้อง ฉันยังไม่ทันได้เคาะประตู คุณจงฮุ่ยหรานก็เปิดประตูออกมาเเล้ว:“ซูยุ่น เธอมาแล้ว!”

ฉันงงงวยไปเล็กน้อย มองเห็นดวงตาที่เริ่มแดงของจงฮุ่ยหราน เม้มปาก “ท่านจง”

“ซูยุ่น!”

ท่านลู่เว่ยกั๋วที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยเรียกชื่อขึ้นมา สองปีกว่าแล้วที่ไม่ได้พบเจอกัน แต่เหมือนกับว่าท่านลู่่เว่ยกั๋วแก่ขึ้นอีกสิบปี

ฉันจ้องมองไปที่เขา ในช่วงเวลานี้ ความรู้สึกมากมายกำลังถาโถมเข้ามา

ลู่เว่ยกั๋วคนนี้กับคนก่อนหน้านั้นที่เคยชี้นิ้วใส่หน้าฉันและยังพูดกับฉันว่าจะไม่มีวันให้ฉันแต่งงานกับคนในตระกูลลู่!

ฉันเม้มปาก อุ้มเป้ยเปยเดินเข้าไป: “เป้ยเปย เรียกคุณปู่สิลูก”

ก็เป็นช่วงเวลานี้เหมือนกัน ที่ฉันเพิ่งคิดขึ้นได้ว่าควรจะให้เป้ยเปยเรียกคุณปู่

ตอนนี้เป้ยเปยสามารถพูดคำว่าแม่ คุณอา คุณน้า ดอกไม้ พวกคำศัพท์ที่ง่ายๆ คุณปู่เป็นคำที่ออกเสียงง่าย เขาเลยเรียนรู้ได้เร็ว

ปกติฉันพูดหนึ่งประโยค เขาก็จะพูดตามฉันเป็นประจำ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เป้ยเปยไม่ยอมเปิดปากพูด

สายตาของท่านลู่เว่ยกั๋วทอดมองไปยังเป้ยเปย ทอดมองไปยังเป้ยเปยตลอดเวลา ในแววตาที่สะท้อนถึงการรอคอยทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวด

ฉันก้มศีรษะลงไปสัมผัสกับหน้าผากเป้ยเปยเบาเบา: “เป้ยเปย เรียกคุณปู่สิลูก”

ก็ยังไม่ยอมเปิดปากเรียก ฉันมองไปที่ท่านลู่เว่ยกั๋ว รู้สึกเขินอายเล็กน้อย: “ท่านลู่ ขอโทษนะคะ เป้ยเปยเขา กลัวคนแปลกหน้าค่ะ”

ท่านลู่เว่ยกั๋วเงยหน้าขึ้นมามองฉัน ขยับปาก คล้ายกับว่าอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายทำเพียงแค่พยัคหน้า:“ไม่เป็นไร”

เหมือนกับเป็นเพราะว่าอาการเจ็บป่วย เมื่อก่อนท่านลู่เว่ยกั๋วดูเป็นคนร่างกายเเข็งแรง ตอนนี้ผอมจนเห็นเส้นเอ็นทุกเส้นบนหลังมืออย่างชัดเจน

ปีนี้ท่านอายุหกสิบปีกว่าแล้ว เมื่อสองปีก่อนที่ได้พบกับท่านในเวลานั้น ท่านดูไม่เหมือนคนแก่อายุหกสิบปี แต่ตอนนี้ เส้นผมก็ได้เปลี่ยนเป็นสีขาว ผิวหน้าก็เต็มไปด้วยรอยย่น

เสียงก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ดังกังวานน่าเกรงขาม ตอนนี้เปิดปากพูดออกมา ก็ไม่เหมือนเสียงที่น่าเกรงขามอย่างเมื่อก่อน

“เมื่อสมัยนั้นฉันเป็นคนเลอะเทอะ เธอกับจือสิง——”

กำลังจะพูดเรื่องนี้ ในช่วงเวลานนั้นเสียง“ติ๊งต๊อง”ที่ประตูก็ดังขึ้น ลูู่จือสิงเดินถลันเข้ามาด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

เขามองมาที่ฉัน หลังจากนั้นจึงหันกลับไปมองลู่เว่ยกั๋ว:“ผมได้พูดไปแล้วไม่ใช่เหรอ?ผมสามารถเป็นคนจัดการให้ท่านได้เจอกับเป้ยเปย ทำไมท่านต้องให้ซูยุ่นพาเป้ยเปยมา?”

ลู่จือสิงกัดฟันกรอด ด้วยสีหน้าเย็นชา ฉันรีบลุกขึ้นยืน กำลังอยากที่จะพูด ในช่วงเวลาฉับพลันนั้นเขาก็ยื่นมือไปอุ้มเป้ยเปยกลับมาจากลู่เว่ยกั๋ว จากนั้นก็ยัดใส่เข้ามาในอ้อมอกของฉัน:“ตามผมมา!”

เขาพูด พร้อมกับดึงมือฉันเดินออกมาด้านนอก

จิตใต้สำนึกของฉันบอกให้หันกลับไปมองลู่เว่ยกั๋ว ท่านยังนั่งอยู่ตรงนั้น แววตาที่เต็มไปด้วยความเงียบเหงาทำให้ฉันรู้สึกใจอ่อน”

ฉันพยายมต่อต้าน กลับพบว่าลู่จือสิงดึงคับแน่นกว่าเดิม ทำได้เพียงเปิดปากเรียกเขา:ลู่จือสิง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”

เขาไม่ได้ปล่อยฉัน เพียงแค่หันหน้ากลับมามองฉัน:คุณกลับไปกับผมก่อน หลังจากนั้นผมจะอธิบายให้คุณฟัง ซูยุ่น คุณ——”

เขาเหมือนจะอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายก็หยุดไป

จิตใต้สำนึกของฉันบอกว่าคนโง่มากๆก็ดูออกว่าลู่จือสิงต้องมีเรื่องไม่ชอบใจแน่นอน ไม่ได้ถามอะไรอีก เดินตามเขาเข้าไปในลิฟท์

ในลิฟท์มีแค่ฉันกับเขาและเป้ยเปย ลู่จือสิงก้มมองมาที่ฉัน คิ้วขมวดขึ้นเป็นปม “คุณจะมาทำไมไม่บอกผมสักคำ?”

ฉันอ้าปากจะพูด อยากจะพูดว่าฉันจะไปที่ไหนก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะใช้อดกลั้นไม่ใช้คำพูดที่ทำร้ายออกไป:“ฉันคิดไว้ว่าจะมาไม่กี่วันก็จะกลับแล้ว ไม่ได้คิดที่จะอยู่นาน”

เขายิ้มด้วยความเจ็บปวด “ซูยุ่น คุณเกลียดผมจริงๆเหรอ?”

ฉันคาดไม่ถึงว่าเขาจะถามคำถามเช่นนี้ ในช่วงเวลานี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปว่าอย่างไร

“ช่างเถอะ”

เขาพูดพึมพำกับตัวเอง “ต่อจากนี้คุณอย่ากลับมาเมืองAอีก ถ้าหากว่าคุณไม่อยาากจะเจอผม”

ฉันจ้องมองไปที่เขา ในใจรู้สึกเจ็บปวด เปิดปากอยากจะพูดอธิบาย แต่ทว่าตอนนี้ตัวเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรถึงจะดี

ประตูลิฟท์เปิดออก ฉันเดินออกมาพร้อมกับเขา ถึงหน้าประตูโรงพยาบาล ในช่วงเวลาฉับพลันนั้นมีคนจำนวนมากกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้