“ไม่มีค่ะ”
ฉันตอบอย่างไม่ลังเล แต่ทว่าฉีซิ่วหรานกลับเงียบไม่พูดไม่จาไปหลายวินาที: “อืม คุณไปพักผ่อนเถอะ ดึกแล้ว
“ค่ะ”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ภายในใจของฉันกลับรู้สึกไม่สงบ
จะไม่พูดก็ไม่ได้ กลับมาเมืองAครั้งนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเกินความคาดหมายของฉัน
ฉันคิดไม่ถึงว่าจะสามารถเกิดเรื่องราวเช่นนี้ได้ ตอนนี้สถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้แล้ว ฉันอยากจะกลับแต่ก็เป็นห่วงเป้ยเปย ถ้าไม่ไปกลับ ระหว่างฉันกับลู่จือสิง……
ไม่อยากจะคิดแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งทำให้ฉันเจ็บปวดใจ
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะช่วงบ่ายวันนีที่ฉันนอนหลับไปชั่วครู่นึง ถึงตอนค่ำฉันนอนอยู่บนเตียง นอนยังไงก็นอนไม่หลับ
คำพูดของลู่จือสิงวันนี้ตอนบ่ายกับคำพูดของฉีซิ่วหรานผสมผสานเข้าด้วยกัน ฉันรู้สึกว่าด้านในสมองของตัวเองเหมือนกับว่ามีคนตัวเล็กสองคนกำลังต่อยตีกัน
“คุณกลับมาเมืองAครั้งนี้ มีสักนิดไหม ที่เป็นเพราะผม?”
“คุณกับลู่จือสิง ยังมีโอกาสกลับมาอยู่ด้วยกันไหม?”
ฉันลุกมาขึ้นนั่ง ดื่มน้ำไปหนึ่งแก้ว บังคับตัวเองไม่ให้คิดเรื่องใดๆอีก
กลับไปนอนบนเตียง ในสมองของฉันว่างเปล่า ไม่ได้คิดอะไรอีก ผ่านไปเร็วมาก ฉันก็นอนหลับไป
ฉันฝัน ฝันถึงมีอยู่วันนึงฉันอุ้มเป้ยเปยเดินผ่านตรงหน้าเขาไป เขาทำราวกับว่าเหมือนไม่รู้จักฉัน จับมือกับผู้หญิงคนอื่นเดินผ่านฉันไป
เป้ยเปยที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ไม่หยุดที่จะเรียกเขา “คุณพ่อ คุณพ่อ” เขาหันหน้ากลับมามองเป้ยเปย พูดกับเป้ยเปยอย่างชัดถ้อยชัดคำ: “ผมไม่ได้เป็นพ่อของหนู”
ฉันไม่อยากจะเชื่อจึงรีบหยุดคำพูดของลู่จือสิง: “คุณกำลังพูดอะไร ลู่จือสิง!”
เขามองฉันด้วยสายตาเย็นชา: “ผมพูดผิดตรงไหน? คุณพูดว่าเป้ยเปยเป็นลูกของคุณคนเดียว ดังนั้นเขาก็ไม่มีพ่อ ผมไม่ได้เป็นพ่อของเขา!”
“ลู่จือสิง!”
ฉันตกใจตื่นขึ้นมา จึงพบว่าตัวเองฝันไป
จิตใต้สำนึกสั่งให้ฉันมองไปยังเป้ยเปยที่อยู่ด้านข้าง เขากำลังนอนหลับสนิทมาก
คิดไปถึงคำพูดที่อยู่ในฝันของลู่จือสิงเมื่อกี้นี้ ฉันรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกายของตัวเองเหน็บหนาวขึ้นมา
ฉันไม่อยากที่จะคิด ถ้าหากวันไหน เรื่องราวที่อยู่ในฝันได้เปลี่ยนเป็นความจริง ฉันควรจะอธิบายกับเป้ยเปยอย่างไร
เพราะว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉัน
เพราะว่าฝันนี้ หลังจากเที่ยงคืนฉันก็นอนไม่หลับ นอนลืมตามองดูเพดานอยู่บนเตียงจนถึงรุ่งสางของเช้าวันต่อมา
จนกระทั่งแสงแดดทะลุเข้ามา ฉันจึงได้นอนหลับไปชั่วครู่หนึ่ง
แต่ทว่าเวลาแปดโมงกว่าเป้ยเปยก็ตื่นขึ้นมาเพราะหิว ฉันจะไม่ลุกขึ้นไปชงนมให้เป้ยเปยดื่มก็ไม่ได้
เมื่อคืนนอนหลับไม่เต็มอิ่ม เมื่อคืนก่อนก็นอนหลับไม่เต็มอิ่ม ทำให้ใต้ตาดำของฉันที่อยู่ใต้ตารุนแรงมากขึ้น
ในเวลาที่เดินออกไปไม่รู้ว่าลู่จือสิงเข้ามาเมื่อไหร่ เขานั่งอยู่ในห้องรับแขก ได้ยินเสียงก้าวเดินของฉัน ก็เงยหน้าขึ้นมามอง: “อาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร”
ฉันพยักหน้าเบาเบา รู้ว่าเขาเข้ามาส่งอาหารเช้า: “ขอบคุณค่ะ”
“เมื่อคืนคุณนอนหลับไม่เต็มอิ่ม?”
ฉันยกมือขึ้นลูบดวงตาของตัวเอง และไม่ได้ปฏิเสธ: “อืม ติดเตียงเล็กน้อย”
ในช่วงเวลาที่เขามองฉันฉับพลันนั้นก็ยิ้มออกมา: “ทำไมเมื่อก่อนผมไม่พบว่าคุณติดเตียง”
จิตใต้สำนึกสั่งให้ฉันเปิดปากโต้แย้ง: “คุณไม่ได้นอนกับฉัน คุณจะรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้ติดเตียง?”
ลู่จือสิงคิ้วขมวดขึ้น: “คุณแน่ใจว่าผมไม่เคยนอนกับคุณ?”
มองไปที่เป้ยเปย ยื่นมือไปหยิบขวดแก้วมาป้องกันตัวเองไว้ ก้าวเท้าเดินออกไป
ในห้องรับแขก หลี่จื้อประคองลู่จือสิงไปที่โซฟา ช่วงเวลาที่มองเห็นฉัน หลี่จื้อถอนหายใจออกมาแรงๆ : “คุณซูครับ จริงๆแล้วผมไม่ได้อยากมารบกวนคุณเลย แต่ประธานลู่เมามาก โวยวายจะมาที่นี้ให้ได้ ผมไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ ทำได้แค่มาส่งเขาที่นี้”
เมื่อเห็นว่าเป็นพวกเขา ฉันก็ถอนหายใจออกมา ขมวดคิ้วขึ้นแล้วก้าวเดินเข้าไป: “ฉันนึกว่าเป็นขโมย”
หลี่จื้อยิ้มเบาเบา: “ระบบความปลอดภัยของที่นี้ดีมาก คุณซูไม่ต้องเป็นห่วง”
ฉันมองไปยังลู่จือสิงที่นอนอยู่บนโซฟา เขากำลังยื่นมือไปดึงเนคไทของตัวเอง ปกติเขาเป็นคนรักษาภาพลักษณ์ แต่ตอนนี้กำลังดึงเทคไทของตัวเอง แค่คิดก็รู้ว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร เขาเมาหนักมากจริงๆ
“คุณซู ผมเป็นผู้ชายแต่จริงๆแล้วผมไม่สามารถที่จะดูแลประธานลู่ได้ คืนนี้ก็ต้องรบกวนคุณแล้วครับ”
หลี่จื้อพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป ฉันรีบยื่นมือออกไปจับเขาเอาไว้: “เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณหลี่จื้อ คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ในเมื่อเขาเมาแล้ว ความจริงแล้วคุณต้องไปส่งเขาที่บ้านคุณเฉิน คุณนำเขามาส่งให้ฉันที่นี้ ถึงเวลานั้นอาจจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเขากับคุณเฉินไหมคะ?
หลี่จื้อหัวเราะพร้อมเกาศีรษะ ไม่ได้ตอบคำถามของฉัน: “คุณซู ประธานลู่ต้องการที่จะมา คุณก็รู้นิสัยของประธานลู่! ถ้าไม่เช่นนั้นเมื่อตื่นขึ้นมา ผมไม่รู้ว่าจะถูกไล่ออกไหม”
“คุณก็พูดเองว่าเขาเมา คนเมาพูดอะไรออกมาเชื่อได้เหรอ?”
“คนเมามักจะพูดความจริง คุณซู คุณก็ช่วยผมหน่อยเถอะ ก่อนที่ประธานลู่จะเมาเขาสั่งให้ผมมาส่งที่นี้ ถ้าไม่เช่นนั้นเวลาที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าไม่ได้อยู่ที่นี้ ผมต้องตายแน่ๆครับ——”
ฉันรู้สึกว่าคำพูดของหลี่จื้อดูแปลกๆ แต่ก็พูดไม่ออกว่าตรงไหนที่แปลกๆ เห็นใบหน้าที่ราวกับอ้อนวอน ก็ใจอ่อนลงเล็กน้อย : “ได้ค่ะ ฉันจะช่วยคุณ——”
“ขอบคุณคุณซูมากครับ ผมกลับก่อนนะครับ ถ้ายังไม่กลับ แฟนของผมต้องเลิกกับผมแน่ๆ!”
ฉันเปิดปากจะพูด ยังไม่ทันได้พูดจบ หลี่จื้อก็ไปอย่างรวดเร็วไม่เห็นแม้แต่เงา
มองประตูที่ปิดลง ฉันทำได้เพียงยอมรับชะตาชีวิตหันหลังเดินกลับไปที่ลู่จือสิง
“ลู่จือสิง คุณลุกขึ้นมาก่อน”
บนร่างกายของเขามีแต่กลิ่นเหล้า เนคไทถูกเขาดึงจนยับเยิน ฉันอยากจะช่วยดึงเนคไทของเขาออก แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือเขาผลิกฝ่า ดึงฉันลงไปที่โซฟา:“ซูยุ่น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้