คำพูดของชวี่ชิงหนานทำให้ฉันได้สติกลับมา ฉันเงยหน้าไปมองที่เขา งงงวยเล็กน้อย ผ่านไปชั่วครู่หนึ่งจึงจะเปิดปากพูด “รอให้เป้ยเปยหายดีแล้ว เป้ยเปยหายดีแล้ว ฉันก็กลับแล้ว”
“อืม” เขาพยักหน้า ตักโจ๊กให้เป้ยเปยกินต่อ “เมือวานซืนตอนเช้ามืด เฉิยฮวนเหยียนฆ่าตัวตาย”
“ฉันรู้แล้ว”
ฉันนำโจ๊กที่เขาเอามาให้ฉันเปิดออก ก้มหน้าลงไปเริ่มที่จะกิน
“ช่วงนี้ลู่จือสิงถูกสื่อมวลชนจับตามอง คุณกับเป้ยเปยระวังตัวด้วย”
“อืม”
เป็นโจ๊กหมูไข่เยี่ยวม้า ฉันชอบกิน
ฉันก็กินไปอีกคำ เงยหน้าขึ้นไปพบว่าชวี่ชิงหนานกำลังมองมาที่ฉัน “คุณยังกลับไปที่คอนโดมีเนียมของลู่จือสิงไหม?
คำพูดของทำให้ฉันมึนงง ในเวลานี้ฉันเพิ่งจะตระหนักถึงคำถามนี้
เมื่อคืนวานนี้ฉันกับลู่จือสิงเพิ่งจะทะเลาะกันจนกลายเป็นเช่นนี้ ฉันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลับไปอีก
เพียงแค่เป็นสถานที่ที่พักอยู่ไม่กี่วัน แต่ทว่าไม่รู้เพราะอะไร เมื่อคิดว่าจะไม่กลับไปอีก คาดไม่ถึงว่าฉันจะรู้สึกไม่สบายใจ
ฉันถอนสายตากลับมา จ้องมองมาที่โจ๊ก ในช่วงเวลาฉับพลันนั้นความอยากกินอาหารก็ไม่มีแล้ว “ไม่กลับไปแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นคุณกับเป้ยเปยก็กลับไปพักที่คอนโดมีเนียมที่เลขาฟางเป็นคนจัดเตรียมให้ก่อนหน้านี้เถอะ คุณไม่ต้องกังวล ไม่มีคนคอยจับตามองผม ดังนั้นไม่มีใครรู้”
ฉันพยักหน้า แต่ความจริงแล้วฉันไม่ได้กังวลเรื่องนี้
เป้ยเปยก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ถึงแม้ว่ายังมีไข้นิดหน่อย แต่ว่าหมอบอกว่า กลับไประวังนิดหน่อยก็ได้แล้ว
ดังนั้นช่วงบ่ายฉันก็จัดการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล ช่วงบ่ายชวี่ชิงหนานมีธุระ เขาให้ฟางหลินเข้ามารับฉัน
“คุณซู”
ฟางหลินยิ้มกับฉันนิดหน่อย ไม่เอ่ยเรื่องฉันกับลู่จือสิงวันนั้นแม้แต่น้อย
เขาไม่เอ่ยถึงเรื่องวันนั้นแม้แต่น้อย ทำให้ฉันไม่รู้สึกเขินอาย
ฉันก็ยิ้มกับเขานิดหน่อย “รบกวนคุณแล้ว เลขาฟาง
“คุณซูไม่ต้องเกรงใจ”
ฉันพักอยู่ที่คอนโดมิเนียมที่ชวี่ชิงหนานได้เตรียมไว้ให้ห้าวัน ภายในเวลาสามวันในที่สุดเป้ยเปยก็ไข้ลดลง เรื่องที่เฉินฮวนเหยียนฆ่าตัวตายยังมีเรื่องตามหลังมา ทำให้เกิดเรื่องใหญ่ ฉันกับเป้ยเปยถูกขุดคุ้ยออกมา
แต่โชคดีที่เป้ยเปยถูกฉันอุ้ม ถึงแม้ว่าจะถูกขุดคุ้ยออกมา รูปถ่ายก็เป็นฉันที่กอดเป้ยเปย ถึงแม้ว่ารูปจะเยอะ แต่ทั้งหมดก็มองไม่เห็นใบหน้าของเป้ยเปย
เพียงแต่เร็วมาก ข่าวที่เกี่ยวข้องกับฉันและเป้ยเปยก็ถูกป้องกันไว้อย่างรวดเร็ว
วันนั้นชวี่ชิงหนานมาส่งฉันที่เมืองD แต่ทว่าคิดไม่ถึงว่าเมื่อถึงสนามบิน ฉันคาดไม่ถึงว่าจะได้พบกับฉีซิ่วหราน
“ซูยุ่น”
ฉันจ้องมองไปที่ฉีซิ่วหรานก้าวเดินเข้ามา อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “คุณมาได้อย่างไร?”
เขายื่นมาลูบเป้ยเปย “เพิ่งจะมาเข้ามา รับคุณกลับไปเมืองD”
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เขามองฉันเล็กน้อยไม่ได้ตอบคำถามของฉัน “เป้ยเปยไม่เป็นไรแล้วใช้ไหม?”
ฉันส่ายหน้าไปมา “ไม่เป็นไรแล้ว เมื่อสองวันก่อนมีไข้ตอนนี้ไม่มีไข้แล้ว”
“ดีแล้ว พวกคุณรีบเข้าไปเช็คอินเถอะ จะถึงเวลาขึ้นเครื่องบินแล้ว”
ชวี่ชิงหนานเตือนสติฉัน ฉันมองไปที่เขา และมองไปที่ฉีซิ่วหราน “คุณไม่ได้บินเที่ยวบินเดียวกับฉันใช่ไหม?”
“อืม” เขาตอบกลับมา “ต้องการให้ผมช่วยอุ้มเป้ยเปยไหม?”
ฉันรีบส่ายหน้า .ไม่ต้อง ฉันอุ้มเอง”
เขาพูดพลาง รับกระเป๋าเดินทางของฉันจากมือของชวี่ชิงหนาน
ในเวลาที่ขึ้นเครื่องบินฉันเพิ่งจะเข้าใจ ฉีซิ่วหรานปรากฏตัวออกมาที่นี่ เดาว่าอาจจะเป็นชวี่ชิงหนานพูดกับเขา
ประโยคนี้ของเขาทำให้ฉันอึดอัดในใจ แม่ของฉีซิ่วหรานชอบฉันจริงๆ ทุกครั้งเวลาที่กลับมาหาเป้ยเปย ก็มักจะคิดหาวิธีทำให้ฉันกับฉีซิ่วหรานคบหาดูใจกัน
จะไม่พูดก็ไม่ได้ แม่ของฉีซิ่วหรานมีความคิดเสรีมาก โดยทั่วไปแล้วคนอื่นที่เป็นแบบครอบครัวพวกเขา ฉันมีเป้ยเปยแล้ว จะชอบฉันได้อย่างไร
ปฏิกิริยาตอบโต้ของแม่ฉีซิ่วหรานเร็วมาก เดิมทีเธอพูดว่าจะช่วยดูแลเป้ยเปย แต่ว่าฉันรู้แม่ของฉีซิ่นหรานเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตเป็น ดังนั้นจึงปฏิเสธอย่างสุภาพ
ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ แม่ของฉีซิ่วหราน ก็แนะนำให้ฉันรู้จักกับคุณป้าคนหนึ่ง
ปีนี้คุณป้าอายุสี่สิบกว่าแล้ว ปีนี้ลูกสาวเพิ่งจะเข้ามหาวิทยาลัย ก่อนหน้านี้เธออยู่ที่บ้านของพี่สาวของฉีซิ่วหราน เพียงแต่ตอนนี้หลานชายของฉีซิ่วหรานเข้าชั้นประถมแล้ว ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีคุณป้าแล้ว
พรุ่งนี้นัดเจอกันตอนสิบโมง แปดโมงกว่าฉันก็ตื่นแล้ว
อีกห้านาทีสิบโมง กระดิ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น
ด้านหน้าประตูก็มีผู้หญิงอายุสี่สิบปีกว่ายืนอยู่ ถึงแม้ว่าจะแต่งตัวไม่ทันสมัย แต่สวมใส่เสื้อผ้าที่ดูสะอาด ฉันประทับใจกับคุณป้าตั้งแต่ครั้งแรก
“สวัสดีค่ะป้าฝาน ฉันคือซูยุ่น”
“สวัสดีค่ะ คุณซู”
ป้าฝานคุณเข้ามาเถอะ พวกมานั่งคุยกัน”
นั่งพูดคุยกับป้าฝานครึ่งชั่วโมงกว่า ก็พบว่าป้าฝานคุณสมบัติดีมาก การปฏิบัติต่อคนอื่นก็นุ่มนวล จุดเด่นสองข้อนี้ ฉันก็ตกลง
ป้าฝานแค่ช่วยฉันดูแลตอนกลางวัน เดือนละสี่พันหยวน หนึ่งเดือนมีวันหยุดสี่วัน
เธอไม่ได้มีความเห็นที่แตกต่าง พวกเราเซ็นสัญญากันเร็วมาก
หลังจากจัดการปัญหาของเป้ยเปยได้แล้ว ฉันก็ต้องออกไปหางานทำ
หลังจากสัมภาษณ์แล้วสองวัน ในที่สุดฉันก็ได้เข้าไปทำงานในบริษัทสื่อมวลชน
สองปีแล้วที่ไม่ได้ทำงาน โชคดีที่ยังไม่นานมาก ฉันใช้เวลาหนึ่งเดือนค่อยค่อยปรับตัวกับงานใหม่และชีวิตใหม่
หลังจากคืนนั้นที่ลู่จือสิงไปแล้ว พวกเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ฉันนึกว่าระหว่างพวกเราไม่สามารถจะกลับมา ทว่าคิดไม่ถึงว่า ออกไปทำงานนอกสถานที่ครั้งนี้ คาดไม่ถึงว่าจะทำให้ชีวิตที่เงียบสงบของฉันต้องจบลงอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้