"ขอโทษ"
นิ้วหัวแม่มือของเขาวางลงบนใบหน้าของฉัน ราวกับว่าได้วางลงในหัวใจของฉัน
ฉันกระพริบตาและจ้องมองเขา "เรื่องอุบัติเหตุของคุณ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
ใครบางคนในตระกูลลู่นั้นวิตกกังวลเรื่องผมดังนั้นจึงเริ่มที่จะทำอะไรรุนแรงแล้ว
เริ่มทำอะไรรุนแรงเมื่อหมดสิ้นความหวัง
ฉันก็พอจะเข้าใจ "ขาของคุณ----"
"ขาผมไม่ได้เป็นอะไร ในตอนที่เกิดอุบัติเหตุผมรู้ตัวอยู่แล้ว พยายามเลี่ยงมัน ถึงแม้ว่าผมจะวิ่งเข้าไปหา แต่อาการบาดเจ็บนั้นไม่ได้รุนแรง"
"มือของคุณล่ะ?"
"ก็แค่รอยถลอก"
"ฉันไม่เชื่อ เมื่อกี้คุณ----"
"ซูยุ่น จริงๆคุณยังรักผม ผมรู้"
เขากล่าวอย่างแน่ใจมาก หากว่าฉันยังไม่ยอมรับอาจหมายถึงฉันนั้นพยายามหาเรื่องเขาอีก
ฉันไม่ได้ตอบเขา ภายในใจฉันยังคงคิดเกี่ยวกับอุบัติเหตุของเขา "คุณไม่ไปโรงพยาบาล มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆใช่ไหม?"
"เป็น"
เขากล่าวอย่างรวดเร็วแต่มันทำให้ฉันตื่นตระหนก "งั้นคุณก็รีบ------" หลังจากคิดๆดูแล้ว รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ฉันจึงแก้คำพูด "ไม่ใช่ว่ามีหมอประจำตัวหรอกเหรอ? ทำไมคุณไม่เรียกหมอประจำตัวมา คุณเป็นแบบนี้ตอนนี้ จะไม่เรียกได้อย่างไร!"
ฉันวิตกในเรื่องเขามากและอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับคว้ามือฉันไว้ "หมอรักษาไม่ได้หรอก ซูยุ่น ปัญหาของผม หมอไม่สามารถรักษาได้เลย"
เขามองมาที่ฉัน การแสดงออกในสายตาของเขาดูจริงจังมาก ฉันรู้สึกว่าสมองของฉันนั้นว่างเปล่า
อะไรรักษาไม่หาย?
จะรักษาไม่หายได้อย่างไร?
“ลู่จือสิง คุณเชื่อฉัน รักษาได้ แค่เพียงคุณไม่ยอมแพ้ คุณ----”
"ไม่ ต่อให้ผมไม่ยอมแพ้ก็รักษาไม่ได้!"
คำพูดของเขาทำให้น้ำตาของฉันกลับมาไหลอีกครั้ง เมื่อครู่เมื่อฉันรู้ว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรง ฉันนั้นมีความสุขมาก แต่ตอนนี้ฉันกลับได้ยินว่าเขาบอกว่าปัญหาของเขานั้นไม่สามารถรักษาได้แล้ว
"ทำไม?"
ทำไมจะรักษาไม่ได้!
เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของฉัน “เป็นเพราะแผลในใจผมมีแค่คุณเท่านั้นที่รักษาได้”
ลู่จือสิงพูดพลางคว้ามือของฉันไปวางไว้บนหน้าอกเอา
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ฉันก็รู้ว่าฉันโดนเขาหลอกเข้าแล้ว
ฉันสลัดมือของเขาออกโดยไม่รู้ตัว แต่เขากลับคว้ามือฉันไว้แน่น "ซูยุ่น อย่าผลักไสผมอีกเลย"
เขากระชับกอดฉัน คางของเขาวางบนไหล่ของฉัน ความเย่อหยิ่งและความเย็นชาโดยปกติแล้วนั้นหายไปหมดแล้ว แต่กลับเป็นเหมือนเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้น ทุกคำพูดจาราวกับกำลังออดอ้อน
อ้อมกอดของเขานั้นรัดแน่น ลมหายใจของกำลังโอบอุ้มฉัน ในเวลานี้ฉันไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ความคิดสติของฉันก็ค่อยๆกลับมาทีละน้อย "คุณปล่อยฉันก่อน"
ยากนักกว่าเขาจะปล่อยอ้อมกอด ฉันรีบลุกขึ้นจากตักของเขาแล้วก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว
เขาชำเลืองมองฉันและไม่กล่าวอะไร เขาผลักวีลแชร์แล้วไปเปิดประตู
ในตอนนั้นฉันรู้สึกงุนงง มีคนสองคนเข้ามาพร้อมอาหารจากนั้นนำอาหารไปวางไว้บนโต๊ะอาหารด้านข้าง
ในเวลานั้นฉันจึงรู้ตัวว่าที่แท้เมื่อครู่มีคนมาเคาะประตู ไม่น่าล่ะลู่จือสิงจึงยอมปล่อยกอดฉัน
ลู่จือสิงบอกว่าเขาไม่ได้รับบาดตรงไหนอีกแล้ว แต่เมื่อฉันมองไปที่ผ้าก๊อซที่พันรอบตัวเขาฉันก็รู้สึกหวาดกลัว
หลังจากอาบน้ำอุ่นแล้วฉันก็พบว่าฉันเหนื่อยล้ามาก หลังจากที่ฉันได้ทำงานในโครงการนั้นเป็นเวลาตลอดสองเดือน มันไม่ง่ายเลยที่โครงการจะเสร็จสิ้น ฉันวางแผนที่จะพักผ่อน แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ได้รับข่าวเรื่องอุบัติเหตุของลู่จือสิง
เมื่อฉันเดินออกมา ฉันก็เริ่มหาว ลู่จือสิงจ้องมองฉันราวกับว่ากำลังมีความสุข "คุณพักผ่อนก่อนเถอะ อีกสองสามวัน รอเรื่องราวจบลง ผมกับคุณจะกลับเมืองDด้วยกัน"
ตอนนี้ภายในใจของฉันนั้นกำลังวุ่นวาย ฉันคาดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้ที่ฉันรีบมายังเมืองAนั้นจะทำให้ความสัมพันธ์ของฉันและลู่จือสิงกลายเป็นเช่นนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะยอมรับว่าเขาทำผิด แต่ที่ฉันบอกไปว่าฉันกลัวเขานั้นฉันไม่ได้ล้อเล่นเลย
ระหว่างฉันและเขานั้น จนกระทั่งตอนนี้ฉันไม่รู้เลยว่าเรื่องราวในปีนั้นอะไรที่เป็นเรื่องจริง อะไรที่เป็นคำโกหก
เรื่องจริงเรื่องโกหกฉันแยกไม่ออกเลยจริงๆ นอกจากตอนนี้ฉันรู้ว่าเขารักฉันจริงๆ นอกจากนี้ฉันก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว
ไม่มีความรู้สึกปลอดภัยและไม่มีความไว้วางใจที่มากพอ อันที่จริงเรื่องระหว่างฉันกับลู่จือสิงนั้นมันไม่เหมาะสมที่จะเริ่มต้นกันอีกครั้ง
เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่วุ่นวายเหล่านี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปเมื่อไหร่
อาจเป็นเพราะว่าเมื่อคืนนี้ฉันเข้านอนไว เมื่อฉันตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้นฉันพบว่าตัวฉันนั้นถูกลู่จือสิงกอดเอาไว้
ท้องฟ้านั้นมีแสงแดดแล้ว แต่ผ้าม่านนั้นปิดกั้นเอาไว้ แสงภายในห้องจึงไม่ได้สว่างมากนัก
ฉันเงยหน้ามองเขา คิ้วที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้าฉัน เขานอนหลับสนิท ต่อให้ฉันจ้องมองเขาแบบนี้ เขาเองก็ไม่สามารถรับรู้ได้
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเช้าที่สงบ แต่หัวใจของฉันกลับสับสนเหลือเกิน
อาจเป็นเพราะว่ารีบร้อนของเมื่อวาน ร่างกายของฉันเหนื่อยล้ามาก ฉันหลับไปอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ลู่จือสิงก็นั่งอยู่บนวีลแชร์และเขากำลังคุยโทรศัพท์ เสียงของเขาค่อนข้างเบา อาจเป็นเพราะว่าเขากลัวฉันจะตื่น
ฉันลุกขึ้นนั่งบนเตียง นั่งมองเขายืนอยู่ในระยะไม่ไกลและกำลังคุยโทรศัพท์ ปรากฎภาพย้อนอดีตที่ทำให้ย้อนนึกถึงช่วงระยะเวลาที่ฉันและลู่จือสิงเพิ่งแต่งงานกัน
เขาคงสังเกตเห็นการจ้องมองของฉัน ทันใดนั้นเขาก็หันกลับมามองฉัน
ฉันผงะไปชั่วครู่และหลบสายตาโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเขาเห็นฉันเขาก็ยิ้มออกมาจากนั้นเขาก็เดินเข้ามาทีละก้าวพร้อมกับถือโทรศัพท์ไว้เช่นนั้น เขาก้มศีรษะและจูบฉัน "อรุณสวัสดิ์ ซูยุ่น"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้