“เป็นลู่จือสิง! พระเจ้า เขาเหมือนจะรอใครอยู่นะ!”
“เป็นเขา เป็นเขาจริงๆ ด้วย ฉันเคยเห็นเขาในโทรทัศน์อยู่ เขาหล่อมาก ไม่คิดว่าตัวจริงจะเป็นผู้ใหญ่และดูมีรสนิยมยิ่งกว่า!”
เพื่อนร่วมงานกำลังถกเถียงกันอยู่ที่ด้านหลังฉัน ส่วนตัวฉันที่ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับไร้ความรู้สึกไปพักใหญ่
หลี่เจียนีดันฉันจากทางด้านหลัง: “มารับเธอแน่ะ รีบไปซิ!”
ฉันอึ้งไปซักพัก พอรู้ตัวก็ไปหลบที่ด้านหลังหลี่เจียนี ผลคือผู้หญิงคนนี้หักหลังด้วยการผลักฉันไปอยู่ตรงหน้าลู่จือสิง: “ประธานลู่ คนนี้คุณมารับไปเถอะค่ะ พวกเราเตรียมจะแยกย้ายกันอยู่แล้วนะค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่เจียนี ฉันก็อดไม่ได้ที่จะเตะเท้าเธอไปที
แต่ยังไม่ทันให้ฉันได้ขยับเท้าดี ก็มีเสียงลู่จือสิงดังมาจากด้านบน: “ซูยุ่น ผมมารับคุณกลับบ้านครับ”
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาฉันก็สบเข้ากับดวงตาสีดำคู่หนึ่งของเขา วันนี้ฝนตก เขากำลังถือร่มสีดำเรียบๆ คันหนึ่งอยู่ หลังจากนั้นแสงจากดวงไฟด้านหลังฉันได้สาดเข้ามาตกกระทบใบหน้าของเขา
เห็นๆ อยู่ว่าฉันกับเขารู้จักกันมานานขนาดนี้ แม้ในระหว่างทางจะมีหย่าร้างกันบ้าง และ
เป้ยเปยก็มีอายุหนึ่งขวบครึ่งแล้ว แต่หัวใจของฉันในตอนนี้กลับเต้นเร็วกว่าทุกช่วงเวลาที่ผ่านมาเสียอีก
พอเห็นฉันไม่ขยับตัว เขาก็ยื่นมือมาจูงมือฉันเอาไว้ จากนั้นได้หันมามองเพื่อนร่วมงานของฉัน: “ผมมารับซูยุ่นกลับบ้านครับ ขอบคุณพวกคุณมากนะครับที่ช่วยดูแลเธอตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา”
แม้น้ำเสียงของเขาจะติดเย็นชาอยู่บ้าง แต่ทุกคำพูดของเขาที่เข้ามาในโสตสัมผัสของฉันกลับทำให้ใจฉันร้อนผ่าว
มือซ้ายถูกเขาจูงไว้อย่างแน่นหนา ฉันยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาก็พาฉันเดินไปข้างหน้าแล้ว
เพื่อนร่วมงานยังแอบถกเถียงกันอยู่ด้านหลังฉัน: “โอ้พระเจ้า ซูยุ่นกับลู่จือสิงมีความสัมพันธ์แบบไหนกันเนี่ย?”
“เธอตาบอดหรืออย่างไร! ความสัมพันธ์แบบไหนเธอยังดูไม่ออกอีกหรือ?”
……
ฉันเดินออกมาไกลแล้ว จึงไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก จากนั้นความรู้สึกนึกคิดก็ค่อยๆ กลับมาทีละน้อยๆ ฉันเงยหน้าขึ้นเหม่อมองดูเขา: “คุณไม่ได้อยู่ที่เมือง A หรือคะ?”
“ใครบอกคุณล่ะว่าผมอยู่ที่เมือง A?”
ฉันถูกเขาถามกลับ จึงมาคิดๆ ดูก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ฉันเองก็ไม่ได้ถามว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่เขาอยู่ที่เมือง A นั่นจริงๆ ยิ่งไม่มีทางมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้เลย
มิน่าตอนที่ฉันกำลังทานข้าวอยู่เขาถามฉันว่าจะไปไหนต่อ ตอนนั้นมัวแต่ตอบส่งๆ เขาไป ไม่ได้คิดอะไรมาก นึกไม่ถึงว่าเขาจะมารับฉัน!
จู่ๆ สีหน้าฉันก็แข็งขึ้น ฉันนึกเรื่องที่สำคัญมากออกมาได้: “เมื่อกี้เพื่อนร่วมงานไม่ใช่ว่าเห็นคุณเข้าแล้วนะคะ?”
“ใบหน้าผมดูไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยหรือครับ?”
คำพูดของเขาได้ทำลายความคิดสุดท้ายของฉัน ฉันจึงยกมือขึ้นมาปิดหน้า: “อยู่ดีๆ ทำไมคุณถึงมาล่ะคะ?”
ฉันจะไปอยู่แล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าในช่วงรอยต่อสุดท้ายนี้กลับป้องกันเอาไว้ไม่ได้!
แม้ว่าอาจจะไม่ได้เจอกันอีกในอนาคต แต่แบบนี้……
ช่างเถอะ เรื่องก็เกิดขึ้นมาแล้ว ฉันก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก
หลังจากที่ใจสงบลงแล้ว ฉันก็หันข้างไปมองลู่จือสิง: “อยู่ดีๆ ทำไมคุณถึงมาหรือคะ บริษัททางนั้น……”
“จัดการเรียบร้อยแล้ว คุณวางแผนจะกลับเมือง A เมื่อไหร่ครับ?”
ฉันเม้มปากแล้วก็ดึงเซฟตี้เบลลงมา: “รออีกสักระยะหนึ่งแล้วกันคะ เพราะบ้านก็ยังขายไม่ออกเลยค่ะ”
พอฉันพูดจบ บนมือก็อบอุ่นขึ้นมา พบว่าลู่จือสิงกุมมือฉันเอาไว้
“คุณกลับเมือง A ก่อนเถอะ เรื่องบ้านเดี๋ยวผมหาคนมาช่วยจัดการให้ครับ”
ฉันขมวดคิ้ว: “ฉันขอคิดดูอีกทีนะคะ”
“คุณมีอะไรให้ต้องคิดอีก เรื่องทางนี้ก็จัดการพอสมควรแล้ว หรือว่าไม่อยากกลับเมือง A ครับ?”
ได้ยินสิ่งที่เขาพูดฉันก็อดยิ้มไม่ได้: “ฉันไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าจะไม่กลับ”
“ผมจะกลับวันอังคารหน้า ให้เวลาคุณสามวันในการเก็บข้าวของ แล้วอังคารหน้ากลับบ้านไปด้วยกันกับผมนะครับ”
กลับบ้าน
คำง่ายๆ เพียงแค่สองคำของเขาก็ทำให้ฉันเลือกโยนชุดเกราะทิ้งไป เบ้าตาร้อนผ่าว ในที่สุดฉันก็ไร้แรงที่จะต้านทานอีกต่อไป: “ค่ะ”
ทันทีที่ฉันพูดจบ เขาก็จูบลงมาอย่างหนักหน่วงราวกับเม็ดฝนที่โปรยลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า
แล้วเขาก็เอามือสอดเข้าไปในชายเสื้อฉันอย่างง่ายดาย เล็บมือเย็นเฉียบทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น ไม่กี่วินาทีต่อมามือของเขาก็เคลื่อนมาที่ด้านหน้าของฉัน
เขาทั้งนวดทั้งคลึงจนฉันอดใจไม่ไหวเกือบจะส่งเสียงร้องออกมา
เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะสูญเสียการควบคุมจึงรีบกัดริมฝีปากเอาไว้
ลู่จือสิงสังเกตเห็น จึงยิ้มออกมาในทันที จากนั้นก็ขยับมือเบาๆ จนฉันสั่นสะท้านไปหมด แล้วเขาก็กดตัวลงมา พูดชิดข้างใบหูฉันว่า: “ซูยุ่น ส่งเสียงออกมา”
ฉันส่ายศีรษะ “ไม่เอา——โอ้!”
ฉันรีบกัดริมฝีปาก เขารูดซิปกางเกงบนตัวฉันลงโดยไม่รอให้ฉันมีปฏิกิริยาเคลื่อนไหว จากนั้นมือหนึ่งจับเอวฉันแล้วดันขึ้น ส่วนอีกมือหนึ่งดึงกางเกงลงมาแล้วถอดออกไปจากตัวฉัน
เมื่อคืนเขาเพิ่งหาฉันจนพบ และตอนนี้เขาก็ก้มลงมาจูบริมฝีปากฉันพร้อมกับพูดว่า: “ซูยุ่น ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน คุณคิดถึงผมบ้างมั้ยครับ?”
เมื่อเขาพูดเสร็จ ฉันก็ได้ยินเสียงตรงบริเวณหัวเข็มขัดนั่น แล้วทั่วร่างกายก็ร้อนระอุและอ่อนนิ่มไปหมด ฉันอดไม่ได้ที่จะโอบแขนเขาเอาไว้เพื่อรั้งไม่ให้ตัวเองไหลลงมาจากกำแพง
เขาถอดชุดของตัวเองออกมา แล้วค่อยๆ เขยิบๆ มาตรงหน้าฉัน: “มันก็คิดถึงคุณเช่นกันครับ”
พอได้ยินคำพูดเหลวไหลของเขา ใบหน้าฉันก็ร้อนฉ่า เขาราวกับยิ่งลำพองใจมากขึ้น ในที่สุดฉันก็อดใจไม่อยู่กัดลงไปบนริมฝีปากของเขา: “คุณหุบปาก——โอ้?”
ไม่คิดว่าเขาจะอาศัยจังหวะที่ฉันไม่ทันระวังยกขาฉันขึ้น จากนั้นก็เข้าไปทั้งอย่างนี้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้