หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 170

คืนนี้ลู่จือสิงท่าจะเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ เขาอุ้มฉันทำตั้งแต่ห้องรับแขกไปจนมาถึงในห้องนอน

ตอนที่ถูกเขากดอยู่บนเตียงนอนก็เพิ่งทำไปแล้วรอบหนึ่ง เขากดเข้ามาจากนั้นก็เพิ่มความเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้น ปากยังพูดแต่คำที่ไม่น่ายกโทษให้ออกมา: “คิดถึงผมบ้างมั้ย หือ?”

ฉันรู้สึกชาไปทั้งตัว สติเหมือนจะล่องลอยไปกับสายลมที่ว่างเปล่า

“หือ? พูดซิว่าคิดถึงผม รีบพูดมา!”

เขายืนกรานจะให้ฉันพูดให้ได้ จากนั้นก็เพิ่มแรงกระแทกให้รุนแรงมากขึ้น ฉันถูกกระตุ้นจนเกือบจะร้องไห้ออกมา จึงกอดเขาแล้วร้องขอความเมตตา: “คิดถึงซิคะ คุณช้าหน่อย——อืม ช้าลงหน่อยค่ะ!”

“เด็กดี!”

พูดเสร็จเขาก็ก้มศีรษะปิดกั้นทุกคำพูดของฉันไปจนหมด

“อืม——”

ชั่วพริบตาเดียว ก็ไม่มีอะไรอยู่ในสมองของฉันเลย เหลือไว้แค่เพียงความว่างเปล่า

หลังจากที่ได้พักอย่างหาได้ยาก ขณะที่ฉันยังหายใจหอบอยู่ เขาก็พลิกตัวฉัน……

วันต่อมา ฉันตื่นขึ้นมาก็ปวดเมื่อยและอ่อนปวกเปียกไปตลอดทั้งตัว

ฉันขยับตัวก็พบว่าลู่จือสิงยังอยู่ข้างตัวฉัน เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ฉันร้องเรียกเขาอย่างไรเขาก็ไม่สนใจไยดี ฉันจึงตีเขาไปทีหนึ่งด้วยความโมโห อดไม่ได้ที่จะถีบเขาอีกด้วย: “ทำไมคุณ——คุณจะทำอะไรคะ!”

ฉันถีบเขาไม่สำเร็จ เพราะเขายกขามากดขาฉันเอาไว้

เมื่อคืนฉันโทรบอกป้าฝานว่าต่อไปไม่ต้องมาแล้ว ส่วนเรื่องเงินเดือนจะโอนเข้าบัญชีของเธอเอง

อ้างอิงจากนาฬิกาชีวิต เวลานี้จึงยังเช้าอยู่

ฉันเหนื่อยไปตลอดทั้งตัว อีกทั้งไม่ต้องไปทำงานแล้ว เวลานี้จึงยังไม่อยากตื่นนอน

ลู่จือสิงโน้มตัวลงมาจูบฉัน ฉันรีบเอามือขวางเอาไว้: “คุณอย่าแตะต้องฉันนะคะ!”

“ผมจะจูบ!”

“ไม่ได้!”

เมื่อคืนฉันยังอ่อนแออยู่ แต่ตอนนี้จะไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้ร่างกายฉันเด็ดขาด

ฉันไม่ได้โง่เสียหน่อย ผู้ชายจะมีความต้องการในเรื่องอย่างว่ามากขึ้นในตอนเช้า ถ้าจูบนิดจูบหน่อยแล้วยุ่งขึ้นมา ฉันจะทำอย่างไร?

“อ้า——จะทำอะไรคะ!”

พอฉันพูดจบ เขาก็ดึงทั้งฉันทั้งผ้าห่มเข้าไปไว้ในอ้อมกอดของเขาจากนั้นก็ก้มลงจูบ

โชคดีที่เขาแค่จูบฉันเฉยๆ ไม่ได้ทำสิ่งอื่นแต่อย่างใด

ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วก็หรี่ตาอยากจะนอนต่อ

“ยังเช้าอยู่เลย คุณนอนต่ออีกหน่อยแล้วกันครับ”

ฉันร้อง ฮึ ขึ้นมาจากนั้นก็หลับไปจริงๆ

เมื่อฉันตื่นขึ้นมาอีกทีก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเป้ยเปย และเสียงของลู่จือสิง จึงผงะไปสักพัก แล้วหยิบนาฬิกาปลุกที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาดู สิบโมงกว่าแล้ว

ฉันไม่ได้นอนมากอย่างนี้มานานแล้ว ต้องโทษนายลู่จือสิง!”

“คุณแม่ครับ!”

พออาบน้ำออกมา เป้ยเปยก็วิ่งเข้ามาหาฉัน

ลู่จือสิงยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มให้ฉัน: “ผมไปทำอาหารก่อนนะครับ คุณอยู่เล่นกับเป้ยเปยสักครู่แล้วกัน”

ฉันเลิกคิ้ว ไม่ได้ห้ามอะไรเขา

เดี๋ยวนี้ลู่จือสิงเหมือนจะชอบทำอาหารมากเป็นพิเศษ เขามากี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็เป็นคนทำให้ทานตลอด

แต่ก็ไม่ควรตามใจผู้ชายจนเคยชิน ในเมื่อเขาชอบทำอาหารก็ให้เขาทำไป อีกหน่อยจะได้ไม่ต้องอะไรๆ ก็ให้ฉันเป็นคนทำ ตัวเองไม่ทำอะไรเลย

อีกหน่อย……

จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าคำๆ นี้ออกจะยาวไกลไปสักหน่อย จึงก้มศีรษะลงมาจูบเป้ยเปยทีหนึ่ง แล้วพาไปเล่นที่ด้านข้าง

ลู่จือสิงทำกับข้าวสี่อย่าง น้ำแกงหนึ่งอย่าง ฝีมือในการทำอาหารไม่เลวเลยทีเดียว

พอทานอาหารเสร็จ ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากฉีซิ่วหราน

ช่วงนี้ฉีซิ่วหรานงานยุ่งมากเป็นพิเศษ หลังจากที่เขาไปเมือง S เราก็โทรคุยกันเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น เมื่อเดือนที่แล้วเขากลับมาครั้งหนึ่ง อยู่ได้แค่สองวันแล้วก็ต้องกลับไป

หายากที่เขาจะโทรมา ฉันรีบอุ้มเป้ยเปยไปไว้ในอ้อมกอดของลู่จือสิง: “ฉันรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”

ลู่จือสิงยื่นมือมารับเป้ยเปย แต่ก็ไม่ลืมที่จะถามขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า: “ใครโทรมาครับ?”

“เมื่อกี้ใครโทรมาครับ?”

ผู้ชายขี้ระแวงคนนี้ ฉันกรอกตาแล้วก็พูดออกไปโดยไม่ปิดบัง: “เป็นฉีซิ่วหรานค่ะ”

“ฉีซิ่วหราน ทำไมคุณยังติดต่อกับเขาอยู่อีก เขาไม่ได้ย้ายไปเมือง S แล้วหรือ?”

“ทำไมฉันจะติดต่อกับเขาไม่ได้คะ เขาเป็นเพื่อนของฉันนะคะ!”

“เพื่อนอะไรกัน เห็นชัดๆ ว่ามีเจตนาที่ไม่ดี!”

คำพูดของลู่จือสิงทำให้ฉันไม่สบายใจ ฉันผลักเขาอย่างแรง แล้วมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา: “เขามีเจตนาที่ไม่ดี แต่เขาก็เป็นสุภาพบุรุษนะคะ ลู่จือสิง!”

“ซูยุ่น คุณหมายความว่าเขาดีกว่าผมใช่มั้ย? งั้นทำไมคุณไม่เลือกเขาล่ะ?”

คำพูดของเขาทำให้ฉันโมโหมากจริงๆ: “ฉันทำไมจะ——อื้อ!”

“ผมไม่อนุญาตให้คุณพูด ซูยุ่น คุณอย่าพูดคำที่บาดใจคนแบบนั้นออกมา ผมเจ็บตรงนี้!”

เขากอดฉันแน่น แล้วดึงมือฉันมากดตรงหน้าอกของเขา

เพียงชั่วพริบตา อารมณ์ฉุนเฉียวทั้งหมดของฉันก็ราวกับมลายหายสิ้นไป

ฉันเม้มริมฝีปากอยู่พักหนึ่งถึงจะพูดออกมาว่า: “ฉันกับฉีซิ่วหรานไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะคะ”

“ผมรู้ แต่ผมแคร์คุณเท่านั้น”

ยากนักที่เขาจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทำให้ใบหน้าฉันร้อนผ่าวในทันที

ฉันรู้ว่าเขาใส่ใจเรื่องของฉีซิ่วหรานและฉันเป็นอย่างมาก แต่ระหว่างฉันกับเขาไม่ได้เป็นเพียงเพื่อนธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น

หลังจากที่คิดอยู่พักหนึ่ง ฉันก็เอ่ยปากพูดต่อ: “ตอนที่ฉันเพิ่งมาถึงเมือง D ในช่วงแรกก็ยังผ่านไปได้ด้วยดี แต่หลังจากนั้นฉันก็ตั้งท้องเป้ยเปย ท้องโตขึ้นๆ ทุกเดือน ช่วงนั้นฉันออกจะลำบากอยู่บ้าง แต่ที่ฉันยังจำได้ก็คือ วันนั้นฉันล้มลงไปบนพื้นหิมะ เวลานั้นไม่มีใครอยู่ตรงปากทางเข้าซุปเปอร์มาร์เกตเลยซักคน ถ้าไม่ได้ซิ่วหรานมาช่วยเอาไว้ ก็ไม่รู้ว่าฉันและเป้ยเปยจะมีโอกาสได้มาพบคุณอีกครั้งหรือไม่”

“ซูยุ่น——”

“คุณฟังฉันพูดให้จบก่อน”

“คุณพูดครับ!”

ฉันหันไปมองเขาจากนั้นจึงพูดต่อ: “ต่อมาเขาก็ช่วยฉันอยู่หลายเรื่องมาก ตอนฉันคลอดเป้ยเปย จริงๆ แล้วฉันกลัวมาก ตื่นตระหนกตกใจทำอะไรไม่ถูกไปซะหมด แต่ทั้งหมดนี้เป็นเขาที่คอยช่วยฉันเอาไว้……ลู่จือสิง ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับฉีซิ่วหราน เขาไม่ได้เป็นเพียงเพื่อนธรรมดาๆ เท่านั้น สำหรับฉันเขาเป็นดั่งพี่ชายคนหนึ่งเลยค่ะ”

“ขอโทษครับ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้