หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 172

ฉันไม่ชินกับการถูกเนื้อต้องตัวคนแปลกหน้าจึงยกมือขึ้นผลักออกไปโดยไม่รู้ตัว “ปล่อยฉันนะ!”

“ชนคนอื่นแล้วคิดจะหนีไปง่ายๆ เหรอ”

ชายคนนั้นไม่เพียงแต่ไม่ยอมปล่อย แต่เขายังดึงฉันไปไว้ข้างๆ ตัว จนฉันทั้งกลัวและเริ่มโกรธขึ้นมานิดๆ

หลี่เจียนียื่นมือออกไปผลักชายคนนั้นและดึงฉันกลับไป “พวกคุณหยุดอยู่แค่นั้นเลยนะ ถ้าขืนทำอะไรพวกเราอีก ฉันจะแจ้งตำรวจ!”

ชายคนนั้นเมาอยู่แล้วและแรงของหลี่เจียนีก็ไม่ใช่น้อย เมื่อถูกเธอผลักแบบนั้นเขาจึงเซถอยหลังไปสองสามก้าว

หลังจากที่หลี่เจียนีเข้ามาขัดขวางไว้ ผู้คนที่อยู่รอบๆ ก็มองมาอย่างตื่นเต้น ทว่าไม่มีใครกล้ายื่นมือออกมาช่วย

ฉันควานหาโทรศัพท์มือถือตั้งใจจะโทรแจ้งตำรวจ แต่ชายสวมเสื้อเชิ้ตสีแดงที่ยืนอยู่ทางขวาก็มาแย่งโทรศัพท์ของฉันไป “เรียกตำรวจอะไร? ถ้าตำรวจเห็นกูจะต้องยอมรับผิด เธอจะแจ้งอะไรตำรวจ?”

ชายที่สวมเสื้อเชิ้ตสีแดงพูดพลางก้าวเข้ามาผลักไหล่ฉันอย่างแรงจนฉันทรงตัวไม่อยู่เซถอยหลังไปหลายก้าว

ฉันคิดว่าตัวเองกำลังจะล้ม แต่ไม่คิดว่าจะมีมือคู่หนึ่งมาช่วยรับฉันจากทางด้านหลัง

“พวกนายคิดจะทำอะไร”

มีเสียงทุ้มต่ำและนุ่มลึกของผู้ชายดังขึ้น เมื่อหันไปมองจึงพบเป็นว่าเป็นเสียงของชายอายุประมาณสามสิบปีที่ดูหล่อเหลาคนหนึ่ง จมูกของเขาโด่งเป็นสันและมีคิ้วคมเข้ม

เมื่อสังเกตเห็นสายตาของฉัน เขาก็ก้มลงมองฉันตอบ

ฉันยิ้มให้เขา “ขอบคุณมากค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

เขาพูดขณะเดินมายืนอยู่ข้างหน้าพวกเรา มองชายที่เมาอยู่ทั้งสามคนและหันไปทางพนักงานเสิร์ฟที่อยู่ข้างๆ “เจ้าของร้านของพวกคุณอยู่ไหน”

ไม่รู้ทำไมว่าพนักงานเสิร์ฟจึงมีท่าทีนอบน้อมเป็นอย่างมาก

ชายคนนั้นพูดเพียงไม่กี่คำ ไม่นานก็มีคนออกมาลากชายขี้เมาทั้งสามคนโยนออกไปจากบาร์

เขาไม่ใช่คนธรรมดาๆ แน่ๆ

แม้จะชื่นชมหนุ่มหล่อ แต่ฉันก็ยังชินกับการรักษาระยะห่างกับเพศตรงข้าม หลี่เจียนียังโสด ฉันจึงดันเธอไปข้างหน้าแล้วกระซิบที่ข้างหู “ขอบคุณสิ ใช้โอกาสนี้ขอวีแชทเลย”

หลี่เจียนีหยิกฉันไปหนึ่งที ฉันขำ ปกติเธอเป็นคนตรงไปตรงมา ตอนนี้พอมีโอกาสเธอกลับทำตัวเหมือนเด็กสาวอายุสิบแปดปีที่ไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า

ฉันผลักเธอจากด้านหลังอีกครั้ง ในที่สุดก็ได้ยินเธอพูดออกมาว่า “ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อครู่นี้ด้วยนะคะ”

ฟางเจียเจียกับจงเสี่ยวหงยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ ฉันเองก็อดหัวเราะไม่ได้

“ผมแซ่จงครับ ชื่อของผมคือชวี่ ชวี่ที่แปลว่าดวงอาทิตย์ที่ขึ้นทางทิศตะวันออก”

“สวัสดีค่ะ ฉันแซ่หลี่ ชื่อเจียนี เจียนีที่แปลว่าผู้หญิงที่ดี”

ในเมื่อแนะนำตัวกันเรียบร้อยแล้ว ฉันกับฟางเจียเจียจึงแนะนำชื่อของตัวเองกันบ้าง

จงชวี่มองพวกเราทั้งสี่คนก่อนจะบอกว่า “ดึกมากแล้ว ให้ผมไปส่งพวกคุณดีกว่า”

“คุณจงไปส่งเจียนีเถอะค่ะ ส่วนฉันจะเรียกให้สามีมารับ”

จงชวี่มองฉันและชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ไม่ช้าเขาก็ยิ้มให้ “งั้นเรารอสามีคุณมาก่อนแล้วค่อยไปดีกว่า”

ฉันรู้ว่าเขากลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นอีก ฉันเองก็เพิ่งรู้สึกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่ปฏิเสธและโทรเรียกให้ลู่จือสิงมารับ

ตอนนี้เป้ยเปยหลับไปแล้ว รอไม่นานลู่จือสิงก็มารับฉัน

ทันทีที่มาถึงเขาก็ดึงฉันไปข้างๆ แล้วมองจงชวี่อย่างไม่ไว้ใจ “คนนี้ใคร?”

“นี่คุณจง เมื่อกี้เกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย แต่ได้เขาช่วยไว้”

ฉันรีบดึงลู่จือสิงไว้เพราะกลัวว่าเขาจะพูดอะไรให้เกิดเรื่องยุ่งขึ้นมาอีก “เอาละ คุณจง สามีของฉันมาแล้ว ฉันคงต้องไปก่อน ฝากเจียนีด้วยนะคะ”

จงชวี่พยักหน้า “งั้นลาละครับ”

“ลาก่อน”

การกล่าวลาครั้งนี้อาจจะเป็นการร่ำลากันอย่างแท้จริง

เห็นได้ชัดว่าหลี่เจียนีก็คิดแบบเดียวกันกับฉัน พรุ่งนี้เธอยังต้องไปทำงานและคงไม่มีเวลาไปส่งฉันที่สนามบิน

“ซูยุ่น?”

ลู่จือสิงเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ฉัน ฉันเพิ่งได้สติเมื่อได้ยินเสียงของเขา จากนั้นจึงพยักหน้าให้ “ฉันรู้แล้ว”

ฉันจับประตูเตรียมจะลงจากรถ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกเบลอๆ ขึ้นมา

เมื่อครู่นี้ฉันเสียการควบคุม เพราะรสชาติของไวน์มันดีมาก ฉันเลยอดใจไม่ไหวดื่มไปสองแก้ว

ฉันเป็นนักดื่มที่แย่มาก ตอนนี้ผลของไวน์ที่ดื่มเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์และฉันก็รู้สึกว่าหน้าของตัวเองร้อนขึ้นมาก

“คุณดื่มเบียร์มาหรือ”

ลู่จือสิงหรี่ตามองฉันอย่างคนที่จับสังเกตได้ว่าฉันเมา

ฉันยังไม่ถึงกับเมาจนขาดสติ พอเขาถามแบบนี้ฉันจึงเลี่ยงที่จะบอกความจริง “ฉันชิมไวน์ไปแค่จิบเดียวเอง”

เขาทำเสียงฮึในลำคอ “จิบเดียว?”

ฉันไม่ตอบ “ขึ้นไปข้างบนกันเถอะ ถ้าเป้ยเปยตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใครคงไม่ดีแน่ๆ”

อาจเป็นเพราะถูกฉันชักจูงไปทางอื่น ลู่จือสิงจึงไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก

ถึงแม้ว่าไวน์สองแก้วจะไม่ถึงกับทำให้ฉันเมาไม่ได้สติ แต่พอมันเริ่มออกฤทธิ์ ปฏิกิริยาการตอบสนองของฉันก็ช้าลงเล็กน้อย

ฉันเริ่มมีสติมากขึ้นหลังจากอาบน้ำเสร็จ แต่ทันทีที่ออกมาจากห้องน้ำ ลู่จือสิงก็อุ้มฉันขึ้นพาดบ่าของเขาทันที

ฉันตกใจและกรีดร้องออกมา “อ๊ะ...”

พอนึกถึงเป้ยเปยขึ้นมาฉันก็รีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองก่อนจะลดเสียงลงถามเขา “คุณคิดจะทำอะไรน่ะ”

เขาอุ้มฉันเข้าไปในห้องโดยไม่ตอบอะไร

ฉันถูกเขาโยนลงบนเตียง ที่ถึงแม้ว่าจะมีฟูกนุ่มๆ แต่ฉันก็ยังรู้สึกเจ็บนิดๆ อยู่ดีเมื่อเขาโยนลงมาแบบนี้

เขามองฉันแล้วส่งเสียงฮึในลำคออย่างเย็นชา กางมือออกคร่อมตัวฉันไว้ “คุณถามว่าผมจะทำอะไรงั้นเหรอ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้