หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 176

ฉันไม่คิดว่าลู่จือสิงจะทำอะไรแบบนี้ อยู่ๆ เขาจูบฉันอย่างกะทันหัน ยิ่งเมาแรงของเขาก็ยิ่งมากและยิ่งคาดเดาการกระทำไม่ได้

นอกจากฉันจะผลักเขาออกไม่สำเร็จ ฉันยังถูกเขาดันไปสองสามก้าวจนถอยไปติดโซฟา จากนั้นลู่จือสิงกดฉันลงไปบนโซฟานั้น

กลิ่นเบียร์ที่โชยมาจากตัวของเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนจะเมาขึ้นมานิดๆ

“ลู่จือสิง...”

ฉันยังอยากจะคุยเรื่องเมื่อเช้ากับเขาให้รู้เรื่อง ทว่าเขาได้จัดการเขี่ยชุดนอนของฉันออกไปแล้ว

ทันใดนั้นเขาก็โน้มใบหน้าลงมาแล้วประทับริมฝีปากลงบนหน้าอกของฉันจนฉันไม่ทันตั้งตัว

ฉันทนไม่ไหวจึงส่งเสียงร้องออกมา “อื้อ...”

“ซูซู”

ไม่รู้ว่าลู่จือสิงไปเอาชื่อเล่นนี้มาจากไหน เขาโน้มศีรษะลงมาแนบหูของฉันแล้วเรียกด้วยเสียงต่ำพร่าจนร่างกายของฉันอ่อนยวบ ตอนแรกฉันยกมือขืนขวางตั้งใจจะหยุดเขา แต่ตอนนี้กลับกลายว่าฉันยกมือขึ้นกอดเขาไว้แทนอย่างอดใจไม่อยู่

เฮ้อ... ผู้หญิงนี่ช่างหูเบาจริงๆ

ฉันไม่รู้ว่าลู่จือสิงเมาจริงๆ หรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรฉันก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงช่วยเขาจัดการทำความสะอาดอีกแล้ว

วันต่อมาเมื่อฉันตื่นขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ในชุดนอนชุดใหม่เป็นที่เรียบร้อย กลิ่นเบียร์ที่ตัวของลู่จือสิงก็ถูกแทนที่ด้วยกลิ่นหอมของเจลอาบน้ำ

เมื่อคืนเขาคงลุกไปอาบน้ำด้วยตัวเอง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขาไม่ได้เมา

ฉันค่อยๆ ขยับขาออก แต่ไม่คิดว่าจะยังหนักแรงอยู่

ทันทีที่ขยับ มือของลู่จือสิงที่ทาบอยู่บนเอวก็รั้งฉันเข้าไปอย่างแรง จนตัวของฉันถูกดึงไปซุกไว้แนบอกของเขา

ในเดือนพฤศจิกายนอากาศในเมือง A เริ่มหนาวแล้ว ภายในห้องไม่ได้เปิดเครื่องทำความร้อนไว้ ทว่าร่างกายที่อุบอุ่นเหมือนเตาผิงของลู่จือสิงทำให้ฉันไม่ขยับไปไหนและปล่อยให้เขากอดไว้อย่างนั้น

“ซูซู”

เวลาที่เขาเรียกฉันด้วยชื่อเล่นมันดูราวกับว่าเขากำลังออดอ้อน ตลอดคืนนั้นไรหนวดของเขาเริ่มยาวขึ้นมา คางของเขาซุกอยู่ที่หลังของฉัน ทำให้ไรหนวดเหล่านั้นทิ่มจนฉันรู้สึกชายิบๆ ที่หลัง จนอดขยับตัวไม่ได้ “อย่าเอาหนวดตำฉัน”

“อืม”

เขาตอบฉันเบาๆ แต่ไม่หยุดการกระทำ

ฉันรู้ว่าเขาจงใจจึงยกเท้าขึ้นเตะเขา “ลู่จือสิง!”

ในที่สุดเขาก็ยอมปล่อย “ซูซู”

“หืม”

ฉันตอบรับเบาๆ ขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา พอเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงกว่าแล้วจึงรีบผลักเขาเบาๆ “คุณรีบลุกได้แล้ว ไม่ต้องเข้าบริษัทหรือ”

“เช้านี้ไม่มีธุระอะไร”

ฉันรู้สึกขัน “คุณเป็นอย่างนี้ พนักงานในบริษัทเขาจะมองคุณยังไง”

“คนอื่นจะมองยังไงผมไม่สน ผมสนแต่คุณเท่านั้น”

ฉันไม่คิดว่าลู่จือสิงจะพูดคำหวานเก่งขึ้นขนาดนี้

เมื่อนึกถึงหัวข้อสนทนาที่ถูกเขาขัดจังหวะเมื่อคืนขึ้นมาได้ ฉันจึงตัดสินใจว่าจะพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจน “ตอนเช้าเมื่อวานที่ฉันบอกว่าจะไม่ไปทำงานที่เฟิงเหิง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิคุณนะ สารภาพตรงๆ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น ยังคงติดอยู่ในใจฉัน แต่ว่าเมื่อวานตอนเย็นคุณก็ขอโทษฉันแล้ว และฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร”

เมื่อเห็นเขาเงียบฉันจึงหยุดนิดหนึ่งก่อนจะตีเขาเบาๆ “คุณฟังอยู่หรือเปล่า?”

“อื้ม”

พอได้ยินเขาตอบรับฉันก็พูดต่อไปว่า “แม้ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นมันจะเลวร้ายมาก แต่ฉันก็ตระหนักได้ถึงปัญหาบางอย่าง ลู่จือสิง... ที่ฉันออกไปทำงานไม่ใช่แค่เพื่อจะทำงานเฉยๆ... ฉันเรียนจบการตลาด ฉันเลือกการวางแผนการตลาดเพราะว่าฉันชอบ งานนี้ทำให้ฉันตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง... แม้ฉันจะรู้ว่าคุณดูแลฉันได้อย่างแน่นอนไม่ว่าฉันจะผลาญเงินคุณเก่งแค่ไหน แต่ว่าฉันออกไปทำงานเพราะฉันหวังว่าชีวิตของฉันจะมีอะไรมากกว่าครอบครัว ฉันหวังว่าฉันจะมีงานทำ หวังว่าชีวิตของฉันจะยอดเยี่ยมยิ่งกว่านี้”

ฉันเม้มริมฝีปาก หันหลังกลับไปแล้วเงยหน้ามองเขาตรงๆ “ที่ฉันพูดมาทั้งหมด คุณเข้าใจไหม”

“ผมเข้าใจ ซูยุ่น แต่ผมยังติดหนี้คำขอโทษคุณอย่างจริงจัง”

เขาพูดแล้วหยุดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะโน้มศีรษะลงมาจูบฉันแล้วพูดว่า “ผมขอโทษนะ”

พอรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ฉันกลัวว่าเขาจะไม่ยอมเข้าบริษัท จึงเร่งให้เขาออกไปโดยไม่รอให้เขามีโอกาสได้พัก

ทันทีที่เขาก้าวออกไป ชวี่ชิงหนานก็โทรศัพท์เข้ามา

ฉันบอกเขาไปแล้วว่าฉันจะกลับมาที่นี่ แต่ไม่ได้บอกว่าจะกลับมาตอนไหน

ก่อนหน้านี้ชวี่ชิงหนานไปต่างประเทศเพื่อเจรจาโครงการบางอย่างและเพิ่งกลับถึงจีนเมื่อวานนี้ เมื่อวานฉันทักทายที่เขากลับมาและคุยเรื่องเป้ยเปยกับเขา แต่ลืมบอกไปว่าฉันกลับมาแล้ว

“ซูยุ่น”

“ฉันเองค่ะพี่”

เขายิ้ม “คุณกลับเมือง A แล้วหรือ”

ฉันรู้สึกอายเล็กน้อย “เพิ่งกลับมาวันสองวันนี้เองค่ะ เมื่อเย็นวานฉันลืมบอก”

เขาหัวเราะนิดหนึ่ง “ผมแค่จะบอกว่าผมกดกริ่งประตูอยู่นานมาก แต่ไม่มีใครอยู่เลย ตอนแรกกะว่าจะมาเยี่ยมเป้ยเปย ไม่คิดเลยว่าพวกคุณจะกลับไปที่เมือง A แล้ว”

ฉันแปลกใจเล็กน้อย: "คุณไปที่เมือง D ทำไมคะ"

“ผมเพิ่งมาถึงเมื่อเช้า พรุ่งนี้มีนัดประชุม ทันทีที่ลงจากเครื่องบินผมกะว่าจะแวะพักที่บ้านคุณสักแป๊บหนึ่ง แต่คุณก็กลับเมือง A ไปแล้ว”

ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อย “ฉันลืมบอกคุณเสียสนิท”

“ไม่เป็นไร คุณไปทำธุระต่อเถอะ เดี๋ยวผมจะไปนอนพักที่โรงแรมสักหน่อย”

ฉันคิดว่าชวี่ชิงหนานคงกำลังเหนื่อยและอ่อนเพลียจึงไม่ได้พูดอะไรอีก

ทันทีที่วางสายฉันก็พบว่าลู่จือสิงกลับมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรก็ไม่รู้ เขามองฉันด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก “คุณคุยโทรศัพท์กับใครหรือ?”

ฉันชะงักและนิ่งงันไป ก่อนจะบอกไปตามตรงว่า “ชวี่ชิงหนานน่ะ เขาไปที่เมือง D เพราะอยากเจอเป้ยเปย แต่ว่าฉันกลับมาที่นี่ก่อน... ว่าแต่ทำไมอยู่ๆ คุณถึงกลับมาล่ะ?”

ทันทีที่พูดจบ สีหน้าของเขาก็ทมึงถึงขึ้นอย่างฉับพลัน “คุณสนิทกับชวี่ชิงหนานขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้