ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าลู่จือสิงจะเริ่มแบบนี้ ฉันดึงมือเขาเข้ามาโดยไม่รู้ตัว และเขาก็พูดข้างหูฉันอย่างไม่มียางอายว่า:“ฉันช่วยเธออาบนะ เมียจ๋า”
เสียงที่แผ่วเบาที่นุ่มนวลของเขา และลมหายใจอุ่นๆกระทบหูของฉัน เดิมที่ฉันก็ถูกคลุมไปด้วยเมฆหมอกจากน้ำอุ่นอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในตอนนี้เลย ขาทั้งสองข้างของฉันอ่อนลง เขาก็กักตัวฉันทันที และจับมือฉันไปไว้ที่กำแพงด้านข้าง :“กางออก”
“ฉันไม่——อ่า!”
เขาไม่ให้โอกาสฉันเลยสักนิด และเข้ามาโดยไม่หยุดพัก
ท่วงท่านี้ทำให้ฉันถูกข้าศึกยึดครองได้ทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ดุดันขึ้น ฉันรู้สึกว่าหัวของฉันว่างเปล่าและสั่นไปทั้งตัว
“ทำไมเร็วจัง?”
เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นข้างหูของฉัน และฉันเพิ่งรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ทั้งเขินอายและโกรธจึงยกมือขึ้นจับเขา แต่ความไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงนั้น ทำให้ตกอยู่ภายใต้ตัวของลู่จือสิง น้ำเสียงพูดเป็นการหยุดเขา หรือเป็นการกระตุ้นเขากันแน่เนี่ย
ลูุ่จือสิงดึงมือของฉันไว้ และการเคลื่อนไหวนั้นก็ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะชนกำแพง
เขาเอามือมาขวางตรงหน้าฉัน สักพักเขาก็หยุดแล้วกอดฉัน
พักสักเดี๋ยว แล้วก็เอาผ้าเช็ดตัวมาพันฉันแล้วจะอุ้มออกไป
ฉันไม่เชื่อว่าลู่จือสิงจะปล่อยฉันไปเร็วขนาดนี้ ตอนที่เขาอุ้มฉันขึ้นมา ฉันตกใจและผลักเขาออก:“คุณปล่อยฉัันลงนะ!”
“เดี๋ยวก่อน”
เขาเดินไปสองสามก้าวจากนั้นก็หยุด ก้มลงมามองที่ฉันแล้วยิ้ม:“ซูซู ตอนนี้ฉันจะวางเธอลงแล้วนะ”
เขามองจนฉันขนลุกไปทั้งตัว ฉันไม่ได้สังเกตทางด้านหลัง จนกระทั่งฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังเย็นๆ และพบว่าเขาอุ้มฉันมานั่งที่เก้าอี้พิเศษตรงหน้าเขา
ฉันเพียงแค่มองไปที่มันและใบหน้าของฉันก็ร้อนผ่าว
ฉันรีบลุกขึ้น แต่ไม่ทันที่จะก้าวออกไป ลู่จือสิงก็กดฉันไว้ “จะไปไหน?”
“คุณ คุณปล่อยฉันไปนะ”
“ซูซู แต่ว่าเก้าอี้นี้ดีนะ”
เขายิ้มไปพลางจูบฉันไปพลาง ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองแช่อยู่ในน้ำอุ่น ไม่รู้ว่าทำไมมือที่ดันเขาไว้ยิ่งนานยิ่งอ่อนแรงลง
“อ้าออก”
ฉันตอนนั้นสับสน ลู่จือสิงบอกให้ทำอย่างไร ฉันก็ทำยังอย่างนั้น
เมื่อฉันเห็นเก้าอี้ที่ฉันนั่งอยู่ก็รู้ว่าคืนนี้ไม่ได้ผ่านไปง่ายๆแน่ๆ คิดไม่ถึงว่าเช้าวันรุ่งขึ้นฉันจะลุกขึ้นจากเตียงไม่ไหว
โชคดีที่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน ไม่อยากนั้นฉันคงอยากจะตบลู่จือสิงให้ตายเลยจริงๆ
เมื่อคืนฉันเหนื่อยมาก ฉันลืมตาขึ้นมามองเวลาแล้วก็รีบนอนต่อในทันที
เมื่อฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งลู่จือสิงก็ไม่ได้อยู่บนเตียงแล้ว ฉันลุกขึ้นนั่ง และเห็นเก้าอี้ที่ทรมานฉันจนเหนื่อยมากเมื่อคืนนี้ ใบหน้าของฉันก็ร้อนผ่าว
“ตื่น?”
ตอนนี้ลู่จือสิงเข้ามาพร้อมอาหารเช้า รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาทำให้ฉันยกมือโยนหมอนไปไว้ข้างๆ
เมื่อคืนฉันขอร้องเขาตั้งหลายรอบ ทุกรอบก็จะบอกว่าสุดท้ายแล้ว ครั้งสุดท้ายแล้ว ผลสรุปคือรอบสุดท้ายอีกหลายๆรอบ
เมื่อคืนเขาคุกคามฉันไปห้ารอบ สำหรับเขาหกรอบ แต่สำหรับฉันมันเกินหกรอบ
พอนึกถึงเมื่อคืนฉันก็ไม่รู้จะอยู่ในห้องนี้ยังไงเลย:“เราจะกลับกันเมื่อไหร่?”
เขาถืออาหารเช้าเข้ามา วางไว้บนโต๊ะข้างเตียง:“รีบไปไหน วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์
ฉันรู้ว่าเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อ
ลู่จือสิงดูเหมือนจะมองเห็นความคิดของฉันออก และส่งอาหารเช้าให้ฉัน:“ไม่ต้องรีบ กินอาหารเช้าก่อนแล้วก็กลับ”
ฉันเหลือบมองและหยิบอาหารเช้ามามองแล้วมองอีก
เมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน ฉันตื่นขึ้นมาก็คิดถึงเป้ยเปย
ในตอนที่ฉันกับลู่จือสิงกลับไปถึงก็ได้ยินเสียงเป้ยเปยหัวเราะ ป้าจ้าวกำลังเล่นเป็นเพื่อนเป้ยเปยอยู่
พอเห็นฉันก็รีบวางของเล่นในมือแล้วมากอด
หนึ่งวันที่ไม่ได้เห็นลูก ฉันก็รีบอุ้มเป้ยเปยขึ้นมา:“เป้ยเปย คิดถึงแม่ไหม?”
“คิดถึง”
อีกไม่ถึงสามเดือนเป้ยเปยก็จะอายุสองขวบแล้ว เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามปีผ่านไปแล้ว
ฉันรู้ว่าเมื่อคืนป้าจ้าวเป็นคนดูแลเป้ยเปย ฉันเลยรีบขอบคุณป้าจ้าว
ฉันกับลู่จือสิงกลับมาแล้ว ก็ไม่ต้องป้าจ้าวอยู่แล้ว
“คุณแม่ คุณกับคุณพ่อเมื่อคืนไม่ได้กลับมาบ้าน”
ฉันกำลังดื่มน้ำอยู่ จู่ๆเป้ยเปยก็ถามฉัน ลู่จือสิงที่อยู่ข้างๆก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูซะอย่างนั้น
ฉันเหลือมองไปที่เขา “ขอโทษนะเป้ยเปย เมื่อคืนพ่อกับแม่มีเรื่องต้องไปทำ”
“อ่อ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้คุณพ่อกับคุณแม่ยังมีเรื่องต้องทำไหม?”
เมื่อได้ยินที่เป้ยเปยตอบฉันก็ถึงกับสำลักน้ำ ฉันกำลังจะพูด แต่ลู่จือสิงที่ไม่มียางอายคนนั้นก็พูดขึ้นมาก่อน:“มีเรื่องต้องทำ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เป้ยเปยเป็นเด็กดีนอนหลับง่ายได้ไหม?”
“ลู่จือสิง คุณพูดมั่วซั่วอะไรน่ะ!”
“ฉันไม่ได้พูดมั่วซั่วนะ”
เขามองมาที่ฉันและยักไหล่ทำเป็นไร้เดียงสา
ฉันยังคิดอยากจะบอกเป้ยเปยถึงสิ่งที่ลู่จือสิงพูด แต่เป้ยเปยเงยหน้ามองมาที่ฉัน:“เป็นเรื่องสำคัญมากเลยหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้