เป็นเพราะคำคำหนึ่งของฉัน เขาทรมานฉันทั้งคืนเลย คนอะไร ใจแคป!
ถ้าไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้เช้าต้องทำงานละก็ ฉันไม่รู้ว่าลู่จือสิงจะยอมปล่อยฉันเมื่อไหร่
เป็นเพราะเมื่อคือลู่จือสิงไม่ดูเวล่ำเวลา อีกวันฉันตื่นมาเกือบจะทำงานสายไปเลย
“ซูซู? ซูซู? ที่รักครับ?”
พอตื่นมาฉันก็ไม่คุยกับลู่จือสิงอีกเลย สุดท้ายแล้วเขามันน่าด้าน ตามตื้อฉันอยู่ได้
ข้างหน้าเป็นไฟแดงพอดี เขาเอามือมาดึงฉัน
ฉันดันเขาด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย “ไม่ต้องมาแตะต้องฉัน”
“ฉันไม่แตะต้องเธอก็ได้ ยังโกรธอยู่หรอ?”
“หึ”
ฉันหึใส่เขาแล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเลย
คนอะไรเนี่ย เพราะเรื่องบ้าบอเลยมาทรมานกัน คิดถึงเรื่องเมื่อวานที่ฉันขอให้เขาหยุด เขายังไม่ยอมปล่อยฉัน พูดถึงแล้วก็หงุดหงิน
ฉันว่ายอมไม่ได้ ลู่จือสิงโกรธเมื่อไหร่ก็เอาฉันโยนบนเตียงแบบนี้ ต้องดัดนิสัยนี้สะแล้ว
ให้ฉันสู้กับเขา ฉันสู้ไม่ไหวแน่นอน เถียงฉันก็เถียงไม่ไหวเขา
มีทางเดียวที่จะทำได้คือ ไม่คุยกับเขา ให้เขารู้ว่าตัวเองทำผิดอะไรบ้าง
คิดแบบนี้แล้ว ระหว่างทางฉันไม่คุยกับเขาสักคำหนึ่งเลย
แต่พอรถจอดข้างล่างบริษัทแล้ว ฉันจะเปิดประตู แต่เขากลับล็อกไว้ไม่ให้ฉันลง
“เปิดประตู!”
“ไม่ได้ เธอต้องหายโกรธก่อน ฉันถึงจะเปิดประตูให้”
ฉันจะบ้าตายเพราะเขาแล้ว ก่อนหน้านั้นไม่เห็นเป็นคน
ขี้โกงแบบนี้มาก่อนเลย
“นายจะเปิดไม่เปิด?”
“ไม่เปิด”
“ถ้านายไม่เปิด คืนนี้ฉันจะแยกนอนกับนาย ในเมื่อเรายังไม่ได้จดทะเบียนสมรส”
“ห้องไหนละที่ฉันเข้าไปไม่ได้?”
พอเขาพูดแบบนี้ฉันหน้าแดงทันที”ลู่จือสิง!”
พอฉันพูดจบ ลําจือสิงเอียงตัวมาในวินาทีที่ฉันไม่ทันตั้งตัว เขาก้มลงมาจูบฉันเบาเบาอย่างกระทันหัน”พอแล้ว หายโกรธได้แล้ว ฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
คำพูดเต็มทั่วท้อง อยู่ดีดีก็อ้อนแบบนี้ ฉันฝืนต่อไปไม่ไหวเหมือนฉันกำลังงอแงเหมือนเด็กสะงั้น
กำลังโกรธ แต่ก็โกรธไม่ลงอีกแล้ว
ฉันดันมือเขาแล้วบอกว่า”เปิดประตูให้ฉันก่อน ฉันจะไปทำงานแล้ว ”
เขาไม่ได้พูดอะไร ยื่นมือมาลูกหัวฉัน”ไม่ดื้อนะครับที่รัก”
หลอกเด็กหรือไงห๊ะ?
ฉันกลับใจแข็งไม่พอ หลุดยิ้มออกมา”รีบเปิดประตู”
“โอเค เชื่อฟังที่ภรรยาบอก”
ฉันทนเขาไม่ไหมจริงๆ ได้ยินเสียงปลดล็อกประตูแล้วก็รีบออกจากรถทันที
พอเดินถึงครึ่งทางฉันอดไม่ได้ที่จะหันหลังไปหาเขา ปรากฎว่าเขากำลังมองฉันจากบนรถอยู่
เเค่เสี้ยววินาทีความโกรธเหมือนหายไปหมดเลย
เรามันไม่เอาไหนเลยจริงๆ
“แหมๆๆ จู๋จี๋กับประธานลู่ที่หน้าบริษัทอีกแล้วนะ”
ฉันเดินมาถึงหน้าลิฟต์ ก็ได้ยินเสียงเซี่ยงฉิงทันที
หน้าฉันแดงขึ้นมาทันที “บังเอิญจัง”
“ฉันมาเวลาหน้าทุกวันจ๊ะซูยุ่นของฉัน แต่ว่าไปในสายตาเธอมีแต่ประธานลู่จะมีฉันได้ไงละ ”
พอได้ยินเธอแนะนำตัวแล้ว รอยยิ้มบนหน้าฉันเจือจางไปเล็กน้อย เห็นเธอยื่นมือมาฉันก็ยื่มมือไป”ได้ยินชื่อมานานแล้ว”
“ประธานลู่ไม่เคยพูดถึงฉันให้เธอฟังหรอ”
เต็มไปด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง แต่ก็รู้ดี ถ้าตอนนี้ฉันถามลงไปอีก ฉันก็จะเป็นฝ่ายแพ้
ถึงแม้ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ได้ยินผู้หญิงคนอื่นพูดถึงคนที่ตัวเองรักแล้วไม่หึงไม่หวง แต่ต่อหน้าหลินเมิ่งเซียแล้ว ถึงแม้ฉันจะเก็บคำที่เธอพูดมาใส่ใจ แต่ฉันก็ต้องทำเป็นไม่ใส่ใจอะไรเลย”เขาไม่ค่อยพูดถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องสักเท่าไหร่ นะ”
“จริงหรอ?คิดไม่ถึงนะเนี้ย ว่าอันที่จริงแล้วฉันเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย”
สีหน้าเธอไม่เปลี่ยน ไม่ยอมรับไม่ได้ว่าหลินเมิ่งเซียเป็นคนที่มีฝีมือจริงๆ
ฉันยิ้มนิดๆ”อันนี้ฉันก็ไม่ค่อยทราบนะ แต่เขาไม่เคยพูดถึงคุณหลินอันนี้เรื่องจริง”
“ไม่เป็นไร ฉันไปทำงานก่อนนะ คุณซู”
เธอพูดแล้วมองมาที่ฉันด้วยสายตา ฉันไม่ชอยสายตาที่เธอมองมาทางฉันมากๆ พอเห็นเธอเดินไป รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
ซ้างชิงเดินมา”หลินเมิ่งเซียพูดอะไรกับเธอ?”
ฉันมองไปที่เธอ”เธอถามว่าลู่จือสิงเคยพูดถึงเธอต่อหน้าฉันไหม”
“ถุย ไร้ยางอาย!”
พอเห็นอาการของเซี่ยงฉิง รู้สึกสบายใจมากขึ้น “ฉันก็รู้สึกเธอไม่รู้จักอายจริงๆ”
ลู่จือสิงของแต่งงานอย่างประกาศแบบนี้ เธอยังพูดกับฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ผู้หญิงที่รู้จักอายสักนิดยังรู้เลยว่าอะไรคือไร้ยางอาย ใครจะไปเหมือนเธอเห็นได้ชัดว่าหาเรื่องกันชัดๆ
“เธอไม่ต้องไปฟังมันพูดเลอะเทอะ ผู้หญิงคนนี้เคยบอกในบริษัทว่าจะตามจีบประธานลู่ ก่อนหน้านี้ยังพูดว่าเธอกับประธานลู่........”
เซี่ยงฉิงพูกถึงครึ่งทางก็หยุดพูดกระทันหัน
ฉันรู้ว่าเธอมีเรื่องปิดบังฉันไว้ ขมวดคิ้วทันที “ลู่จือสิงกับเธออะไร?”
ปกติเซี่ยงฉิงมีอะไรก็พูดอะไร แต่ตอนนี้กลับลังเลว่าจะพูดไม่พูด ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้มันต้องไม่ง่าย ฉันหยิกเธอ”พูด”
“ซูยุ่น เออ ฉัน......”
ฉันรู้ว่าเธอจะหันหลังหนี ฉันรีบยกมือไปดึงเธอไว้”กลับมาพูดให้รู้เรื่องก่อนค่อยไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้