เดิมฉันคิดว่าเขาจะยอมนอนดีดีแล้ว คนอย่างเขาขี้โกงจริงๆ
ดึงฉันไว้บอกว่า”ไม่ได้ อย่างเธอคือจุ๊บหน้า !”
ฉันทำตาขาวให้เขา”จุ๊บหน้าไม่ใช่จุ๊บหรอ?”
“ฉันรู้สึกว่าเธอยังโกรธ พรุ่งนี้......”
ฉันทนไม่ไหม รีบจูบเพื่อปิดปากเขาที่เอะอะโวยวายทันที
ลู่จือสิงหยุดปากสะที ฉันจ้องไปที่เขา”นอนได้ยัง?”
เขายกมือมาลูกหัวฉัน ก้มลงจูบหน้าผากฉันทีหนึ่ง “ได้แล้ว นอนเหอะ ”
เสี่ยววินาที ฉันรู้สึกไม่เรี่ยวแรงไปเลย
คืนนี้ฉันนอนไม่หลับเท่าไหร่ กว่าจะนอนหลับ วันต่อมาถ้าไม่ใช่ลู่จือสิงเรียกฉันละก็ ฉันไม่ตื่นแน่นอน
“ซูยุ่น?”
ฉันได้ยินเข้าเรียกฉันอย่างมืนๆ คิดว่าเขานอนไม่หลับตอนกลางคืนแล้วตื่นมาทำฉัน
“ซูยุ่น ถ้ายังไม่ตื่น ไปทำงานสายแล้วอย่าโทษฉันละกัน! ”
พอได้ยินเขาพูดว่าทำงานสาย ฉันก็ตื่นทันที รีบลืมตาขึ้นมา
แสงจากหน้าต่างผ่านเข้ามา ฉันขมิบตาแล้วมองไปที่ลู่จือสิง “กี่โมงแล้ว”
“จะเก้าโมงแล้ว”
“พระเจ้า! ทำไมนายไม่เรียกฉันเช้ากว่านี้ ฉันจะทำงานสายแล้วนะ นายนี่มัน..... ”
เขายื่นเสื้อผ้ามาให้ฉัน อย่างไม่เร่งไม่รีบ “รีบไปทำไม ฉันซื้อข้าวเช้ามาให้แล้ว เธอเข้าไปอาบน้ำ5นาที ออกมากินข้าวแต่งหน้า1ชั่วโมงยังไม่พอ?”
พอคิดไปคิดมา ก็ถูกของเขา
ฉันเห็นข้าวเช้าที่วางบนโต๊ะ โล่งอกไปที
ถ้ายังต้องออกไปกินข้าวเช้า ฉันสายแน่ๆ
เขาให้ฉันทำงานสาย1ชั่วโมงแล้วนะ ถ้าฉันยังมาสายอีก พูดอะไรไม่ออกจริงๆ
พอกินข้าวเสร็จก็9โมงแล้ว ฉันรีบแต่งหน้าลุกเบาเบาแล้วก็ออกไปเลย
ฉันยุ่งจนลืมไปเลยว่าลู่จือสิงบินวันนี้สิบเอ็ดโมง จนกระทั่งออกบ้านแล้วเจอเขา ฉันพึ่งนึกได้กะทันหัน”นายทำไมยังอยู่ตรงนี้? เก้าโมงครึ่งแล้ว รีบไปสนามบินสิ”
“ฉันจะส่งเธอไปบริษัท”
ท่าทางเข้าจริงจัง ฉันมองไปที่เข้าแล้วก็พยักหน้า
เก้าโมงครึ่งเป็นเวลาทำงานแล้ว บนถนนเลยไม่ค่อยมีคน
ลู่จือสิงจับมือฉันเข้าไปที่บริษัท เดิมฉันก็เขินอายแต่พอนึกได้ว่าเขาจะไปแล้ว ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย
จากโรงแรมไปบริษัทประมานเจ็ดร้อย แปดร้อยเมตร เดินสิบหน้าทีก็ถึงแล้ว
ลู่จือสิงปล่อยมือฉัน ฉันกำลังจะพูด เขากอดฉันกะทันหันแล้วจุ๊บลงมา “กลับมาเร็วๆนะ”
ฉันชะงักไปสักพัก คิดไปคิดมา ยกมือไปลูบเขา “อืม ฉันจะกลับให้เร็วที่สุด”
“อย่าก่อเรื่องละ”
เขาบีบมือฉัน พูดอย่างตักเตือน
ฉันตลกเล็กน้อย “ฉันจะก่อเรื่องอะไรได้บ้าง”
ลู่จือสิงกระแอมเบาเบา เวลาไม่เยอะแล้ว ฉันก็ไม่พูดอะไรกับเขาเยอะ รีบเข้าไปบริษัททันที
พอวิ่งไปก้าวสองก้าว ฉันอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเขา กลับพบว่าเขายื่นมองฉันจากบันไดข้างล่าง ทันใดนั้น ฉันอยากจะถามเขา อยู่ต่อได้ไหม
แต่สุดท้ายแล้ว สติฉันก็ชนะความรู้สึกได้ ยับยั้งความรู้สึกไว้ ยิ้มให้เขา หันหลังวิ่งไปที่ลิฟต์
ก่อนจะกลับ เจิ้งเยว่กอดฉัน ฉันบอกให้เธอครั้งหน้ามีเวลาให้มาเมืองA
เค้าตอบยิ้มๆว่า จะมาตอนที่ฉันแต่งงานกับลู่จือสิง
เดิมไม่ค่อยคุ้นชินกับเมืองJ กลับคิดไม่ถึงว่า พอจะกลับ กลับรู้สึกไม่อยากจากยังไงไม่รู้
วันที่ผ่านมาเป็นงานหนักหน่วง วันนี้ฉันตื่นแปดโมงเพื่อตื่นมาจัดของ นอนในเครื่องบินไป สองชั่วโมง
ฉันบอกกับลู่จือสิงว่าจะกลับวันนี้ พอฉันลงจากเครื่องบินเปิดโทรศัพท์ปุบ เขาก็โทรมาปั๊บ ฉันเดินไปทางที่กระเป๋าและบอกกับเขามาลงเครื่องแล้ว เขาบอกว่ารออยู่ข้างนอกแล้ว
เมืองA ช่วงนี้หนาวเหมือนกัน แต่ความหนาวไม่เหมือน เมือง J เมือง J จะหนาวแห้งๆ แต่เมือง A หนาวจนฉันไม่ได้รับความอบอุ่นเลย
พอนึกถึงว่าลู่จือสิงรอฉันข้างนอก พอเอากระเป๋าเสร็จ ฉันก็รีบวิ่งออกไปเลย
ลู่จือสิงบอกว่าเขามารอฉัน แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาจะพาเป้ยเปยมาด้วย
ไม่ได้เจอเป้นเปยมาสิบเอ็ดวันแล้ว พอเจอเป้ยเปยฉันเกือบจะร้องไห้ออกมาเลย
“เป้ยเปย!”
“มาม๊า!”
ฉันยกมืออุ้มเป้ยเปยจากมือลู่จือสิง เป้ยเปยถูกห่อเหมือนลูกบอลนุ่มๆ ฉันอุ้มไว้ในมือ รู้สึกได้ว่าไม่ผอมลงก็โล่งอกไปที
เป้ยเปยยังเด็ก ฉันเพื่อทำงานจากเขาไปตั้งหลายวัน รู้สึกผิดนิดๆ
“เป้ยเปยคิดถึงแม่ไหม?”
“คิดถึง มาม๊า เป้ยเปยคิดถึงมาม๊า”
พอได้ยินเป้ยเปยกอดคอฉันแล้วบอกว่าคิดถึงฉัน ฉันรู้สึกอ่อนไปทั้งตัว
เงยหน้าขึ้นไปมองลู่จือสิง เขาเอื้อมมือมากอดฉันกับเป้ยเปย “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะซูยุ่น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้