“หิวไหม?”
กำลังเดินไป ลู่จือสิงก็ยกมือมาจับมือฉันไว้
พอนึกถึงเรื่องที่เจิ้งเยเยพูดแล้วก็รู้สึกอายนิดๆ รีบดิ้นเพื่อจะเอาออก “ทำอะไรของนาย?”
“มือเธอเย็น”
แค่คำสามคำที่ออกจากปากเขา เอาสะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย
ฉันรีบหันไปมองเจิ้งเยเย ปรากฏว่าเธอไปแล้ว
มองไปที่ลู่จือสิง ก็ไม่ได้จะเอามือออก ยิ้มแล้วถามเขาว่า “มานานแค่ไหนแล้ว?”
“ถ้าฉันบอกว่าฉันมานานแล้ว เธอจะรู้สึกสงสารฉันไหม”
กะล่อน
ฉันหึเบาเบาในลำคอ ไม่อยากคุยเรื่องนี้กับเขาอีกแล้ว”ไปเหอะ กลับกัน พรุ่งนี้นายบินกี่โมง”
“สิบเอ็ดโมอง”
“อ้อ”
ฉันไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยได้แค่กระหึ่มเบาเบา
ก่อนที่เขายังไม่มาฉันไม่รู้สึกว่าคิดถึงเขามากขนาดนี้ พอเขาจะไปแล้วกลับรู้สึกไม่อยากให้ไปแปลกๆ
แต่ฉันก็รู้ดี ต่างคนก็มีงานของตัวเอง ฉันคงจะมามัวแต่ยุ่งงานของตัวเองแล้วให้เขาทิ้งงานเพื่อมาอยู่กับฉันไม่ได้
นี้ก็ไม่เวอร์เกินไป
ฉันกำลังนึกถึงเรื่องนี้ ไม่ได้มองทางดีดี ถ้าไม่ใช่ลู่จือสิงดึงฉันไว้ละก็ ฉันคงหน้าทิ่มลงไปที่ไฟแดงแล้ว
“เธอคิดอะไรอยู่ของเธอ ทำไมไม่ดูทางละ”
ฉันถูกเขาดึงเข้าไปกอดไว้ในอก เขาก้มหน้ามองฉันด้วยสีหน้าตึงๆ
ฉันพึ่งได้กลิ่นเหล้าจากตัวของลู่จือสิง ขมวดคิ้วแล้วถามเขาว่า “นายเมาหรอ?”
“เธอรู้สึกว่าฉันเมาหรอ?”
ฉันมองเขาไปแวบเดียว สีหน้าเขาไม่ได้เปลี่ยนอะไร รู้ว่าตัวเองคิดมากไป
ระดับลู่จือสิงแล้วไม่เมาง่ายๆหรอก
ประมาน 3 ทุ่ม ยังไม่ค่อยดึกเท่าไหร่ ร้านข้างทางยังไม่เก็บ กลิ่นของปิ้งย่างลอยมาทำให้ท้องฉันว่างลงไปเยอะเลย
ลู่จือสิงเหมือนรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ ถามคำถามที่เขาถามเมื่อกี้อีกครั้งหนึ่ง”กินมื้อดึกไหม?”
ฉันอยากกลับเช้าหน่อย กำลังส่ายหัว ท้องกลับดังขึ้นมาในตอนนี้ทันที
เขาก้มลงมาฉันทันที ลู่จือสิงมองฉันยิ้มๆ”เอาน่า อย่าปากไม่ตรงกับใจไปเลย เธอไม่หิว ฉันหิวแล้ว โอเคไหม?”
พูดอยู่เขาก็ลากฉันไปที่ร้านข้างทาง
ฉันยกหัวมองเขา กำลังจะอ้าปากเตือนเขา นี้คืออาหารข้างทางสกปรกกว่าหม้อไฟเยอะ
แต่เห็นเข้าดูกระดี๊กระด๊าขนาดนี้ ก็ขี้เกียจพูด
เดิมคิดว่าเขาจะไม่กิน แต่เขากินไปเยอะพอสมควร ปีกไก่ไปสามชิ้น และยังมีเล็กๆน้อยๆอีก
ฉันมองของที่ว่างไว้บนโต๊ะข้างหน้า หันกลับไปพูดกับเขา “ก่อนหน้านั้นนายบอกว่าเป็นอาหารขยะไม่ใช่หรอ?”
เขามองมาที่ฉัน”นานๆกินครั้งก็ไม่เป็นไร”
มันตกใจเล็กน้อย ฉันหิวจนไม่อยากคุยกับเขา เลยก้มกินของตัวเองไป
ลมหนาวพัดมา แต่ฉันกับลู่จือสิงกลับรู้สึกอุ่นทั้งตัว
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีสักวัน ที่จะได้มานั่งกินอาหารข้างทางกับลู่จือสิงแบบนี้
เห็นอาหารที่ถูกกินหมดแล้วเหลือแต่จานเปล่า ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้ม”กินเสร็จแล้ว เรากลับกันเหอะ”
พอกลับถึงโรงแรมก็ประมาณสิบเอ็ดโมงแล้ว ฉันอาบน้ำเตรียมของให้เขาเสร็จ ก็สิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว
แต่ต่อมาสิ่งที่เขาพูด ทำให้ฉันอยากบ้าตาย “คืนนี้ไม่ให้เธอ ให้เธอคิดถึงฉัน”
ฉัน——
ฉันยกมือก็ดันเขาออกทันที แล้วขึ้นเตียงไปคนเดียว
คนอะไร ได้คืบจะเอาศอก!
เกินไป!
ฉันดึงผ้าห่มมาคลุมหัวตัวเอง ไม่นานลู่จือสิงก็ขึ้นมา
เขาดึงผ้าห่มของฉันไป ฉันปัดเขาทิ้ง พอปัดไปปัดมาเขากลับไม่ดึงแล้ว
สักพักใหญ่เขาถึงพูดขึ้นว่า “อากาศหนาวขนาดนี้ เธอเอาผ้าห่มไปหมดแล้ว จะฆ่าสามีตัวเองตายหรือไง”
ฉันกำลังจะยกขาไปถีบเขา แต่เขาใช้ขามาทับขาฉันไว้ก่อน ใช้มือดึงผ้าห่มไปและตัวฉันก็ตามไปด้วยกับผ้าห่มในเวลาที่ฉันไม่ทันตั้งตัว มือเขาซุกเข้ามากอดเอวฉันไว้อย่างเร็ว
แรงฉันไม่เยอะไปกว่าเขา ถูกเขาล็อกไว้ในอ้อมกอดได้ง่ายดาย
“ปล่อยมือ”
คิดถึงคำพูดที่เขาพูดเมื่อกี้ ฉันละอยากเอากาวสองหน้าปิดปากเขาไว้ คำดีดีละพูดไม่เป็น
“โกรธหรอ?”
ฉันขี้เกียจคุยกับเขา กำลังเตรียมตัวปิดตานอน เขากลับไม่ปล่อยฉัน “อย่าโกรธเลยนะซูซู พรุ่งนี้ฉันจะกลับแล้ว ถ้าเธอยังโกรธแบบนี้ เธอเชื่อไหมฉันจะแบกเธอกลับบ้านพรุ่งนี้เลย”
ฉันละยอมใจเขา”บินพรุ่งนี้ไม่ใช่หรอ? ทำไมยังไม่นอนละ?”
“เธอจุ๊บฉันก่อน ฉันจะนอนเดี๋ยวนี้”
ใครจะไปรู้ว่าภายนอกที่ดูหยิ่งยโสอย่างประธานลู่จะทำเหมือนเป็นเด็กต่อหน้าฉัน ฉันโกรธจนเกือบหัวเราะออกมา
คิดว่าตอนนี้ก็ดึกแล้ว ก็ไม่เถียงกับเขา เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ได้อีก ฉันจูบลงไปที่หน้าเขายังเร็ว “พอแล้ว นอนได้แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้