หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 290

ฉันใจเต้นไปชั่วขณะจริงๆ ถึงอย่างพวกเราก็เดินเข้าไปใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง เดินไปกลับ ยังไงก็ใช้เวลาชั่วโมงกว่า

ใครจะรู้ว่าฉันเพิ่งพูดจบ ลู่จือสิงเอียงมองฉัน เลิกคิ้วเล็กน้อย หลังจากนั้นก็โค้งเอวไปทันที: "ขึ้นมา"

ฉันนิ่งอึ้งเล็กน้อย เขายื่นมือมาดึงฉันเล็กน้อย: "ซื่อบื้อหรอ? สามีคุณให้คุณขึ้นมา!"

ชั่วขณะนั้น ฉันรู้สึกเพียงว่าความรู้สึกประเดประดังเข้ามา เดินไปด้านหลังของเขาแล้วก็คว่ำไปบนร่างกายของเขา

ลู่จือสิงโอบขาของฉัน รองไปที่ตัวของฉัน: "กอดให้แน่น ภรรยาฉันมีคนเดียว อย่าให้ตกลงไป"

หลังของเขาแข็งแรงมาก ฉันปีนขึ้นไป รู้สึกเพียงว่าด้านหน้าของตนเองคือกำแพงกั้นที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ไม่ว่าจะมีพายุอะไรเกิดขึ้นข้างหน้า ก็ไม่สามารถข้ามผ่านเข้ามาได้ เพราะสามีของฉันขวางให้ฉันอยู่

ลู่จือสิงเดินไปไม่เร็ว ไม่ไกลมีคนกำลังโชว์การแสดงอะไรอยู่ คล้ายกับมีคนกำลังร้องเพลง มีคนอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่ฉันรู้สึกว่าตอนนี้โลกของฉันเหลือเพียงลู่จือสิงเพียงคนเดียว

เขาแบกฉัน ฉันกำลังอยู่บนร่างของเขา

ลมทะเลตอนกลางคืนเย็นเล็กน้อย ฉันอดไม่ได้ที่จะเอาหน้าไปชิดเขา ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆก็อยากจะพูดคุยเรื่องอดีตของฉันกับเขา: "ลู่จือสิง คุณรู้เรื่องอดีตของฉันไหม?"

เขาหันหน้ามามองฉัน: "ไม่รู้ชัดเจนมากหรอก"

เดิมทีฉันคิดว่าเขาคงกลับไปตรวจสอบที่ไปที่มาของฉัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขากำลังรอให้ฉันพูด

ก้นบึ้งของหัวใจก็รู้สึกซาบซึ้งฉับพลัน ตอนนี้ฉันและเขาเป็นคู่สามีภรรยาที่แท้จริงแล้ว พวกเราก็มีลูกชายอายุสองขวบคนนึงแล้ว

ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ เขาคือคนที่ฉันรักมากที่สุด

จากนั้นสิ่งที่ยากที่จะพูดก่อนหน้านี้ ก็กลายเป็นความเจ็บปวดน้อยลง

ฉันเม้มๆปาก เล่าอดีตของฉันให้เขาฟัง: "ฉันเป็นลูกบุญธรรมของตระกูลซู แต่พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงไม่ชอบฉันมากนัก คุณยายของฉันดูแลฉันมาโดยตลอด ตอนเด็กๆฉันอิจฉาเด็กคนอื่นมาก เวลาฝนตกก็จะมีพ่อแบกพวกเขาขึ้นหลังกลับบ้าน มีเพียงฉัน มีแค่ยายที่มารับฉันตลอด

พูดพลาง ฉันก็หยุดไปชั่วขณะ "เวลานั้นฉันไม่เข้าใจทำไมฉันก็เป็นคนที่มีพ่อแม่ แต่พ่อแม่ของฉันแต่ไหนแต่ไรก็ไม่มารับฉันเลย จนกระทั่งภายหลัง พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงของฉันก็มีลูกของพวกเขา ฉันจึงเข้าใจ ลูกเลี้ยงและลูกของตนเองไม่เหมือนกัน"

"เมื่อก่อนฉันคิดว่า ฉันดีกว่าเพื่อนๆหลายๆคนมาก ถึงอย่างไรพ่อแม่ของพวกเขาก็ทำงานต่างประเทศ แต่พ่อแม่ของฉันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับฉัน เพียงแต่พวกเขาไม่ได้รักฉันก็เท่านั้น"

"เมื่อฉันอยู่มัธยมต้นจึงได้รู้ว่าตนเองเป็นลูกบุญธรรม เพราะเวลานั้นน้องชายของฉันมักจะพูดเสมอว่าฉันเป็นข้าวนอกนาที่ใครๆก็ไม่ต้องการ ฉันจึงไปถามพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงของฉัน สถาวะเศรษฐกิจของพวกเขาไม่ดีอย่างมาก เมื่อให้กำเนิดน้องชายฉันอายุก็มากแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องการแบกรับภาระฉันต่อไปอีก แต่เพราะคุณยายยืนกราน พวกเขาเลยจนปัญญา ทำได้เพียงเลี้ยงดูฉัน"

"ฉะนั้นเมื่อฉันไปถามพวกเขา พวกเขาก็ไม่ปิดบัง"

พูดถึงตรงนี้ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเย็นชาเล็กน้อย: "คาดว่าเวลานั้นพวกเขาจริงๆแล้วอยากให้ฉันรู้จักวางตัวสักเล็กน้อย แล้วก็ออกไปเอง แต่ฉันก็ไม่ได้เจียมตัวมาก เพราะคุณยายดีกับฉันมากจริงๆ"

ถ้าไม่ใช่เพราะคุณยาย บางทีฉันก็อาจจะไม่ได้พบลู่จือสิง แต่บนโลกนี้ เรื่องหลายๆเรื่องก็ถูกลิขิตไว้บนทางอันมืดมนแบบนี้

ฉันไม่ได้เลือกที่จะจากไปเพราะความรังเกียจของพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง และฉันก็ไม่เลือกที่จะทิ้งมันไปเมื่อคุณยายของฉันป่วยหนัก ดังนั้นฉันจึงได้พบกับลู่จือสิง

"ถ้าไม่ใช่คุณยาย ฉันก็จะไม่สามารถได้พบคุณ"

เขาเงียบมาโดยตลอด จนกระทั่ง ตอนนี้ ในที่สุดก็เอ่ยปาก: "อืม ฉันจะไม่ทำให้คุณยายผิดหวังแน่นอน"

ชีวิตสองสามปีมานี้ยุ่งมาก โดยเฉพาะหลังจากมีเป้ยเปย ฉันไม่เคยนึกถึงคุณยายมานานมากแล้ว

ฟังคำพูดของลู่จือสิงแล้ว ในใจฉันก็ซาบซึ้งมาฉับพลัน: "ลู่จือสิง หลังจากพวกเรากลับประเทศแล้ว คุณไปเป็นเพื่อนฉันเยี่ยมคุณยายหน่อยนะ"

"โอเค"

"สามารถบอกได้ไหม?"

เขายกมือขึ้นลูบผมยาวของฉัน ฉันพยักหน้า และบอกเขาถึงสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในความทรงจำ: “เพราะฉันเป็นลูกบุญธรรม ตอนเข้าเรียน เพื่อนร่วมชั้นเหล่านั้นไม่ชอบเล่นกับฉันมากนัก น้องชายมักจะบอกว่าฉันเป็นข้าวนอกนา ดังนั้นคนในโรงเรียนจึงไม่ชอบฉันอย่างมาก ตอนมัธยมผู้หญิงมักจะพูดว่าฉันเป็นนังจิ้งจอก ต่อมาเข้ามหาวิทยาลัย ฉันมักจะมีสีหน้าเย็นชา คนอื่น ๆบอกว่าฉันเป็นคนเย็นชา เริ่มแรกมีผู้ชายหลายคนไล่ตามจีบฉัน แต่สุดท้ายมีเพียงถันฮ่าวอวี่เท่านั้นที่ยังคงอยู่"

ฉันมองเขา พบว่าสีหน้าของเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร จึงเอ่ยต่อไปว่า: "อาจจะอยู่คนเดียวลำพังมานานมาก ดังนั้นจึงอยากหาคนมาเป็นเพื่อนสักคนนึง และพอดีเขาก็อยู่ข้างๆ ดังนั้นจึงตอบรับเขา ในตอนแรกที่รู้ว่าเขานอกใจ ถึงแม้ว่าจะโกรธมาก แล้วก็ทุกข์ทรมาน แต่ก็รู้สึกว่าเหตุผลย่อมจะเป็นเช่นนั้น"

ฉันมักจะคิดเสมอว่า ตนเองเป็นคนที่ถูกทอดทิ้งมาโดยตลอด

"ซูยุ่น"

พูดได้ครึ่งนึง จู่ๆเขาก็โอบกอดฉัน: "ขอโทษ"

ฉันคิดว่าเขาฟังออก ถึงความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและความไม่สบายใจเหล่านั้นที่เก็บซ่อนอยู่ในความดื้อรั้นของฉัน

"ถ้าฉันรู้แบบนี้ ปีนั้นฉัน จะไม่ทำกับคุณแบบนั้นแน่นอน ขอโทษ"

เขาจูบฉันทีละนิดๆ แต่ละครั้งก็พูดขอโทษ

เมื่อฉันลังเลฉันคิดถึงเรื่องนี้หลายครั้ง ดังนั้นความกล้าทั้งหมดของฉันถูกใช้ไปหมดแล้ว แต่คาดไม่ถึง ว่าวันนึงฉันจะมีแบบนี้ ฉันจะเชื่อเขาอีกครั้ง ฉันจะกล้าหาญอีกครั้ง

เขาพูดขอโทษ อันที่จริงไม่จำเป็น ก็เพราะเขา ที่มอบความกล้าหาญให้ฉันได้เดินหน้าต่อไป

"ลู่จือสิง ฉันรักคุณมากจริงๆ รักมาก รักมากๆ"

ฉันเอื้อมมือไปกอดเขาแน่น ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากจะฝังเขาเข้าไปในเลือเนื้อของฉันจริงๆ แบบนี้ เขาก็จะไม่หนีไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้