ท่ามกลางคนเหล่านี้ คมสันชอบหญิงสาวที่สวมเดรสรัดรูปสีดำที่ยืนฝั่งตรงข้ามตนตั้งแต่แรกเห็น
หุ่นเธอเซ็กซี่สวยพราวไปด้วยเสน่ห์ ใบหน้าสวยงามบริสุทธิ์ เหมือนนางฟ้าและแม่มดรวมกันเป็นร่างเดียว
ที่สำคัญที่สุดคือไม่ทำศัลยกรรม ช่วงนี้เห็นแต่หน้าศัลยกรรมทุกวัน เขาก็รู้สึกเบื่อไปหน่อย
“คนนี้ให้ฉันนะ……ชื่ออะไรล่ะ?” คมสันมองหญิงสาวชุดดำขณะถามขึ้น
“ฉัน……ฉันชื่อขจี” หญิงสาวกระซิบเสียงต่ำ ดูระมัดระวังและระวังตัวมาก คมสันที่เคยเจอสาวสวยมามากมายเพียงแวบแรกก็มองออกทันที เธอระวังตัวมากและไม่ได้เสแสร้ง
ดูเหมือนว่าจะซิงจริงๆ
“เธอน่ะ ตามฉันมาสิ” คมสันลุกขึ้นทันใด แล้วโอบเธอเดินจากไป
เธอเดินข้างเขาอย่างเชื่อฟังอยู่ตลอด ไม่กล้าพูดสักประโยคเดียว
ผู้จัดการเคยบอกว่าผู้ชายในห้องส่วนตัวห้องนี้ เธอห้ามขัดใจแม้แต่คนเดียว ซึ่งทำให้เธอทำอะไรระมัดระวัง
ถึงเธอจะไม่รู้ว่าเขามีสถานะอะไร แต่เธอก็ไม่กล้าทำเร่งรีบสักนิด
“เธออายุเท่าไรแล้ว?” หลังจากออกมาคมสันก็หาเรื่องถาม
“สิบแปดค่ะ” ขจีพูด
“ยังเป็นนักเรียนอยู่?”
“ไม่ค่ะ เพิ่งลาออก” ขจีผลุบตาลง นัยน์ตาย้อมไปด้วยความหดหู่
“บ้านเธอจนมาก เธอมีน้องชาย เธอมีพ่อแม่ที่สุขภาพไม่แข็งแรงด้วย เธอต้องลาออกมาทำงาน หาเงินให้พ่อแม่เธอหาหมอ และให้น้องชายเธอเรียนหนังสือ?” คมสันถาม
“คุณดูโหงวเฮ้งเป็นเหรอคะ? ทำไมคุณเห็นฉันแวบแรกก็รู้เลย?” นัยน์ตาเธอแฝงไปด้วยความประหลาดใจ
เขาไม่ได้ดูโหงวเฮ้งเป็น แต่หญิงสาวในสถานที่แบบนี้ ชอบแต่งเรื่องแบบนี้มาสร้างความอกเห็นใจกันหมด เขาฟังมาเยอะมากแล้ว
จริงๆ แล้วการออกมาขายตัวตั้งแต่อายุยังน้อย ส่วนมากหนึ่งในนั้นก็เป็นเพราะความโลภในเงินทอง
“คราวหน้าแต่งเรื่องให้ดีขึ้นหน่อย เรื่องแบบนี้มันทั่วไปเกิน” คมสันพูด
“คะ? ฉันไม่ได้แต่งเรื่องนะ” ขจีทำหน้าไม่เข้าใจ
“ช่างเถอะ เธอจะแต่งหรือไม่แต่ง ฉันก็ไม่สนทั้งนั้น” คมสันพูดอีกครั้ง
เป็นแค่การเจรจาที่ทั้งคู่ยินยอมเท่านั้น สิ่งที่เธอพูดจะเป็นความจริงหรือโกหก มันเกี่ยวอะไรกับเขา?
“…………”
ขจีไม่เข้าใจจริงๆ เขากำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่ แต่เธอก็ขี้เกียจอธิบายเหมือนกัน ยังไงก็แค่เจรจากับอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากคืนเดียวก็ต่างคนต่างอยู่แล้ว จะรู้จักกันไปทำไมล่ะ?
…………
เมื่อชัชนันท์ยกศีรษะขึ้นมาจากกองเอกสาร ก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว
เพราะก้มหน้าเป็นเวลานานมาก คอกับไหล่เธอจึงปวดในระดับที่แตกต่างกัน เธอหมุนคอและขยับไหล่อย่างทรมานทันที
ขยับนานสักพักใหญ่ จนกระทั่งร่างกายผ่อนคลายแล้ว เธอก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมสั่งอาหารญี่ปุ่นกิน
“ก๊อกๆๆ ——”
ในขณะนี้ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ชัชนันท์ยิ้ม “อืม รบกวนด้วยนะ ฉันจะสั่งอาหารญี่ปุ่น กินด้วยกันไหม?”
“ได้” นลินเดินไปที่โต๊ะชาแล้วนั่งลงทันที
“จริงสิ เธอเห็นการค้นหายอดฮิตหรือยัง?” นลินพูด
“การค้นหายอดฮิตอะไร?” ชัชนันท์ถาม
“วิกฤตวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปผ่านไปแล้ว ผู้จัดการโรงงานอาหารที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดแล้ว บอกว่าตัวเองผีสิงชั่วไปแป๊บหนึ่ง เพื่อเก็งราคา เลยใช้วัตถุดิบที่หมดอายุ ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูงวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ป เขายอมรับทุกความผิด ตอนนี้ในเน็ตกำลังด่าคนนี้อย่างบ้าคลั่งอยู่” นลินพูด
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ชัชนันท์คาดคิดเอาไว้เช่นกัน เธอไม่ได้ตกใจมากนัก
มันคือการดำเนินการขั้นพื้นฐานหลังจากบริษัทเกิดข่าวฉาว
“เมธีทำได้……แค่ไม่กี่วัน ก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อย” นลินพูดอีกครั้ง
“เรื่องความสามารถ เมธีเก่งกว่ามาวินแน่ๆ ถ้าเมธีไม่เกิดเรื่องในตอนแรก ตำแหน่งทายาทวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปไม่ตกมาที่มาวินหรอก” ชัชนันท์พูด
“คราวนี้เมธีทำได้ยอดเยี่ยม มาวินไม่มีทางกลับมามีชีวิตที่ดีแน่” ขณะที่พูด นลินก็ค่อยๆ รับแก้วน้ำกระดาษมาจากตู้กดน้ำด้านข้าง แล้วดื่มอย่างเชื่องช้า
ชัชนันท์ไม่พูดอะไร แค่ยิ้มพึงพอใจ จากนั้นก็เข้าแอฟสั่งอาหารเดลิเวอรี่ สั่งของที่ตนชอบ
“แค่……ถึงมันจะผ่านไปแล้ว แต่อนาคตวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ป ก็คงไปได้ไม่สวยหรอก……เพราะข่าวนี้เพิ่งเผยแพร่ได้ไม่นาน เซ็นเทอรี่ลองก็ถอนการลงทุนวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปได้สำเร็จ เงินทุนส่วนหนึ่งของวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปหายไปแล้ว หุ้นที่เพิ่งฟื้นตัวก็กลับไปลดลงอีก” นลินพูดอีกครั้ง
“เซ็นเทอรี่ลองสุดยอด” ชัชนันท์พูด
“คุณนันท์ ฉันได้ยินข่าวเม้าท์มาจากคนที่นั่นด้วย……”
ชัชนันท์เงยหน้าขึ้นมาด้วยความสนใจ มองหน้านลิน “ข่าวเม้าท์อะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว
บทที่ 244-339 หาอ่านได้ที่ไหนค่ะ...
คมสันกับขจีจบลงยังไงคะ...