หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1209

“ฮือ ๆ ๆ ๆ”

เขาชี้ไปที่สระ “ฮือ ๆ ๆ ๆ...ต้ม ต้ม...” อย่าต้มข้านะ มันร้อนมากเลย!

เขาไม่รู้ว่าสถานที่นี่คือที่ไหน แต่ว่าตั้งแต่เขามาถึงที่เมืองเหลียนหวา ร่างกายของเขาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมากดทับอยู่

ความกลัวที่ทำให้เขาต้องการจะหนีให้ห่าง สระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งทำให้ความไม่สบายใจของเขาพุ่งถึงขีดสูงสุด

ลู่เจาเจาตบที่หลังเขาเบา ๆ และเอ่ยเสียงเบาว่า “ซ่านซ่าน ถ้าหากวันหนึ่งเจ้าเดินหลงทาง ข้าจะเป็นคนฆ่าเจ้าด้วยตัวของข้าเอง” แต่ถ้ามองลึกๆจะพบว่าในสายตาของนางยังคงมีความลังเลมีอยู่

ซ่านซ่านร้องไห้จนร่างกายสั่นเทา

เขารู้ว่าสิ่งที่นางพูดนางทำจริง เมื่อครู่นางกำลังพิจารณาจริง ๆ ว่าจะฆ่าตัวเองหรือไม่ เพื่อจะตัดปัญหาที่ตามมา

ลู่เจาเจาส่งซ่านซ่านให้กับจู๋มั่ว แม้ว่าจู๋มั่วจะรู้ว่าเขาคือชีเจวี๋ยที่กลับชาติมาเกิด แต่เมื่อเห็นเขาร้องไห้อย่างน่าสงสาร ก็ทำได้เพียงคว้าป๋องแป๋งออกมาจากในอกเสื้อ

“อะ ข้าให้เจ้าเล่นก่อน แต่ยังต้องคืนข้ามานะ อันนี้ข้าทำให้ลูกหรอกนะ”

“เจ้าต้องเป็นเด็กดีกว่านี้ ดาบเล่มนั้นในมือของพี่สาวเจ้าสามารถผ่าทะลุฟ้าได้” จู๋มั่วยังไม่ลืมที่จะเทศนาสักสองสามประโยค ซ่านซ่านคว้าป๋องแป๋งมา และนอนพาดบนไหล่ของจู๋มั่วโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ลู่เจาเจาก้มหน้ามองต่ำเล็กน้อย นางยิ้มไม่ออกจริง ๆ

ประตูวิหารถูกเปิดออก มหาปุโรหิตและคนอื่นๆ ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เมื่อครู่ระฆังใต้ชายคาของวิหารหมื่นพุทธสั่นรุนแรงมาก มหาปุโรหิตรู้สึกก็กระวนกระวายใจไม่หยุด แต่พอมาเห็นดอกบัวที่เลี้ยงไว้ในแทนหยกขาวรอบๆสระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนเป็นสีดำสนิททั้งแถบ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย

“ขอบคุณมหาปุโรหิตที่ให้ยืมใช้สระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่ในสระน้ำ...” นางหยุดคำพูดชั่วคราว ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี

มหาปุโรหิตพนมมือแล้วยกมือไหว้ “สระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์มีสรรพคุณช่วยชำระล้าง ทุกครั้งที่ใช้สระจะปิดเอาไว้ครึ่งปีเพื่อขจัดคราบสกปรกด้วยคัมภีร์”

ลู่เจาเจาทำความเคารพด้วยความรู้สึกอยากขอโทษ

รอจนทุกคนเดินออกจากห้องโถงใหญ่ไป เซี่ยอวี้โจวถึงอุ้มปลาไม้ขึ้นมาและไล่ตามออกไปอย่างรวดเร็ว “รอ รอข้า รอข้าด้วยสิ...”

เมื่อทุกคนจากไปไกลแล้ว สามเณรน้อยก็พูดว่า “ท่านมหาปุโรหิต ในตัวขององค์หญิงเจาหยางมีความลับบางอย่างแฝงอยู่นะขอรับ”

มหาปุโรหิตส่ายหัว “ไม่จำเป็นต้องไปตรวจสอบความลับขององค์หญิงหรอก”

“มนุษย์ใช้ชีวิตมาทั้งชีวิต ใครกันจะไม่มีความลับบ้าง”

“กลิ่นอายบนร่างกายขององค์หญิงบริสุทธิ์ มีแสงสีทองอร่ามของบุญบารมีเปล่งประกายเจิดจรัสเหมือนดั่งดวงอาทิตย์ไม่มีทางทำอะไรที่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างแน่นอน”

สามเณรน้อยพยักหน้า เรื่องนั้นก็จริงนั่นแหละ

“พรุ่งนี้พุทธบุตรของพวกเราก็จะได้กลับคืนสู่ตำแหน่งแล้วใช่ไหมขอรับ?”

“ต้องการให้ศิษย์ไปเตรียมขั้นตอนทั้งหมดหรือไม่ขอรับ?”

พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ลูกประคำที่มหาปุโรหิตขยับอยู่นั้นก็หยุดลงเงียบๆ “เรื่องนี้ เกรงว่าจะยากมาก” ยากกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากโข

“ลูกศิษย์ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แม้ว่าพระพุทธบุตรที่กลับชาติมาเกิดจะพูดต่อต้าน แต่ก็พกปลาไม้อยู่ในอ้อมแขนของเขาตลอดเวลา”

“ทั้งที่ตอนช่วงบ่ายตอนที่ศิษย์ทำความสะอาดองค์พระพุทธรูปและแท่นดอกบัวก็ยังคงอยู่สมบูรณ์ดีอยู่เลยแท้ ๆ”

“บ่ายวันนี้ก็มีเพียงองค์หญิงเจาหยางและพรรคพวกของนางเท่านั้นที่เข้ามา”

ขณะที่พูดเสียงของสามเณรน้อยก็เบาลงเรื่อย ๆ ในแววตากลับปรากฎขึ้นมาให้เห็นว่าไม่อยากจะเชื่อ ในช่วงบ่ายมีเพียงเซี่ยอวี้โจวเท่านั้นที่คอยแอบอยู่ที่ด้านหลัง...

สามเณรรู้สึกหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน

มหาปุโรหิตที่มักไม่แสดงด้านที่สติหลุดของตัวเองออกมา ยังต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกล่าวว่า “ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ทุกอย่างสวรรค์ย่อมมีการลิขิตเอาไว้แล้ว”

แต่ในใจกลับคิดว่าพุทธบุตรของพวกเราคงไม่กลับมาแล้วใช่ไหม?

เซี่ยอวี้โจวปีนขึ้นไปรถม้าและก็หัวเราะร่าทันที เขาหยิบก้อนทองออกมาจากอกเสื้อแล้วพูดว่า “ชิชะ ก้อนทองนี้ช่างหนักจริง ๆ...”

จู๋มั่วมองเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง “แม้แต่ของพระโพธิสัตว์เจ้าก็ยังกล้าขโมยมางั้นหรือ!”

เซี่ยอวี้โจวยกคางขึ้น “สิ่งนี้คือองค์ทองที่เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธเจ้า พวกเขาบอกว่าข้าเป็นพุทธบุตรที่กลับชาติมาเกิด จะถือว่าเป็นการขโมยได้อย่างไร? ของตัวเองเอาไปหน่อยจะเป็นอันใด?”

จู๋มั่วงงตาแตก

ที่เขาพูดมาก็ดูมีเหตุผลนิดหน่อย

“นี่คือทุนของการหาภรรยาของข้า แต่งภรรยาต้องใช้เงินนะ จู๋มั่ว ตอนที่เจ้าขอภรรยาแต่งงานใช้เงินไปเท่าไรหรือ? ให้สินสอดไปเท่าไรหรือ?”

จู๋มั่วทำสีหน้าผิดหวังขึ้นมา “ทรัพย์สินของเผ่ามังกรทั้งหมดถูกยึดครองโดยหงส์ตัวนั้นจากเผ่าหงส์แล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์