หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1210

“ทรัพย์สินส่วนตัวก็ถูกปีศาจดอกไม้หลอกไปหมดแล้ว”

“อาอู๋มีจิตใจบริสุทธิ์ ไม่ยึดติดกับชื่อเสียง เป็นข้าที่ติดหนี้นาง” จู๋มั่วค่อนข้างรู้สึกผิดในใจเล็กน้อย

“ข้าคิดอย่างละเอียดดีแล้ว ก่อนที่อาอู๋จะคลอดลูกออกมา ข้าจะต้องพากลับไปที่เผ่าสักครั้ง และพยายามทำทุกวิถีทางหย่ากับองค์หญิงเผ่าหงส์ อย่างน้อยก็ต้องมอบสถานะให้กับอาอู๋และลูก ไม่ทำให้นางได้รับความอยุติธรรมได้อีก...”

ตอนนี้เขามีทายาทแล้ว เผ่ามังกรให้ความสำคัญกับสายเลือดมาก ยังไงก็ต้องช่วยคิดหาวิธีให้อยู่แล้ว

ลู่เจาเจาเหลือบมองเขาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร

เมื่อรถม้ามาจอดอยู่ที่พักของคณะทูต แม่นมก็รีบออกมาทันที หลังจากทำความเคารพเรียบร้อยแล้วก็รับตัวซ่านซ่านมา

เมื่อเห็นใบหน้าของซ่านซ่านเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า และร่างกายก็แดงก่ำราวกับถูกไฟลวกมาก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาไม่รู้ตัว

แม้ว่าแม่นมจะปวดใจ แต่ก็ไม่มีอารมณ์เหมือนเมื่อก่อนหน้านั้นอีก

แม้ว่าองค์หญิงจะอายุไม่ถึงหกขวบ แต่ทำอะไรก็มีขอบเขตอยู่เสมอ ในตอนบ่ายนางคงเป็นบ้าไปจริง ๆ ถึงกล้าสงสัยในตัวองค์หญิง

“ทาครีมให้ซ่านซ่านสักหน่อย พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาก็จะดีขึ้น” ลู่เจาเจาเดินไปดูศิษย์สองสามคนก่อน จงไป๋ถึงขั้นที่ไม่สามารถถ่ายพลังเทพให้ได้อีกแล้ว

อยู่บนความเป็นความตายจะดับสลายได้ทุกเมื่อ

นางนั่งอยู่ในห้องอยู่นาน

เมื่อออกมาตะเกียงดอกบัวก็ถูกจุดขึ้นทั่วบริเวณแล้ว

“เจาเจา กินอาหารเย็นก่อนเถอะ คืนนี้ท่านไม่ได้กินอะไรเลย...” อาหมานยกอาหารที่นางชอบมาให้ ลู่เจาเจากินสองสามคำแล้ววางลง

จู๋มั่วจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งลงใต้ตะเกียงดอกบัวในลานเรือนใช้มีดแกะสลักทำของเล่น

“แม้จะไม่รู้ว่าลูกของเราสองคนจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แต่ลูกของข้าจะต้องคู่ควรกับสิ่งของที่ดีที่สุดในโลก”

“อาอู๋ ก่อนที่เจ้าจะคลอดลูก ข้าจะต้องกลับไปเผ่ามังกรเพื่อจัดการเรื่องกับอดีตภรรยาให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจะมารับเจ้าและลูกเข้าบ้านอย่างยิ่งใหญ่”

อาอู๋นั่งอยู่ใต้ตะเกียงลูบท้องเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน

“ได้เจ้าค่ะ” ลมพัดเสียงของนาง ราวกับว่าซ่อนบางสิ่งบางอย่างที่ดุร้ายเล็กน้อยเอาไว้

ในตอนกลางคืน

ซ่านซ่านถูกทรมานในตอนกลางวันมา พอตอนกลางคืนก็รู้สึกว่ามีไฟลูกโชนก่อตัวขึ้นมาในใจ

ความอัดอั้นตันใจที่ชีวิตไม่สามารถควบคุมได้ เสียใจที่ต้องอาศัยของที่คนอื่นให้เพื่อมีชีวิตอยู่ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายเล็กน้อย ถึงกระทั่งที่พอนึกถึงความอัดอั้นตันใจในวันนี้ขึ้นมา ในแววตาก็ไม่สามารถระงับกลิ่นอายของความกระหายต้องการสังหารได้

เหมือนสัมผัสถึงความไม่พอใจของเขา ข้างหูก็เริ่มมีเสียงสะกดดังขึ้นมาอีกครั้งและก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ซ่านซ่านกลับไม่กล้าทำอะไรอีก

ได้แต่อัดอั้นตันใจซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่ม ด่าสบถอยู่อย่างนั้น แม้จะด่าได้ไม่ชัดถ้อยชัดคำ แต่ก็ด่าได้แรงอยู่

“ลู่...เจ้า เจ้า จะ...” เจ้าเป็นใครกัน? ถึงกล้ามาตัดสินความเป็นความตายของข้า

รอให้ข้าโตก่อนเถอะ ความแค้นในวันนี้จะต้องแก้แค้นให้จงได้! เขาถึงกับจำลองภาพจุดจบอันน่าเวทนาของลู่เจาเจาขึ้นมาใน ความคิด จนเกือบจะหัวเราะออกมาเสียงดังแล้ว

แต่เพิ่งจะหัวเราะออกมา เขาก็รู้สึกหนาวไปถึงกระดูกดำและเหงื่อก็ออกทั้งตัวจนขนลุกซู่ ราวกับว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามา

ในขณะนั้น ซ่านซ่านที่นอนหันหลังให้ขอบเตียงและกำลังทำท่าทางดุร้าย แต่ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็เปลี่ยนไปทันที

แต่อย่าได้สร้างปัญหา หรือไปรบกวนผู้สัญจรไปมา

วันนี้เป็นงานสำคัญทางพระพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่ มีพระโพธิสัตว์เสด็จมาแสดงธรรม ชาวบ้านจึงไปจับจองที่นั่งกันตั้งแต่เช้าตรู่

เมื่อซ่านซ่านลุกขึ้นมาก็หาวด้วยดวงตาที่บวมแดง

ในลูกตายังปรากฎเส้นเลือดฝอยขึ้นมาด้วย ดูท่าคงจะอดนอนทั้งคืน

“คุณชายน้อยนอนไม่ค่อยหลับหรือเจ้าคะ? หรือว่าคิดถึงบ้านเจ้าคะ?” แม่นมถามด้วยความตกใจ และก็เอาผ้าร้อนมาอังดวงตาให้คลายความบวม

ซ่านซ่านพยักหน้าอย่างว่าง่าย และก้มศีรษะลงโดยไม่พูดอะไร

อะไรคือการนอนหลับได้ไม่ดี?

เขาแทบไม่ได้นอนทั้งคืนต่างหากเถอะ!

ลู่เจาเจามายืนอยู่ที่หัวเตียงพร้อมกับถือกระบี่มาในมือ เกือบจะทำให้เขาฉี่ราดด้วยความกลัวเสียแล้ว ตอนกลางคืนจึงไม่กล้าหลับตาเลย เพราะกลัวว่าพอฝันแล้วจะพูดอะไรที่ไม่สมควรพูดออกมา

“หลังจากงานแสดงธรรมทางพุทธศาสนาเสร็จแล้ว องค์หญิงจะเข้าไปในวังเพื่อพบพระโพธิสัตว์ คุณชายน้อยยังพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้ายังไงอยู่พักผ่อนที่พี่พักคณะทูตนี้จะดีกว่าไหม? เพื่อจะได้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำเรื่องสำคัญขององค์หญิง” แม่นมรู้ว่ารู้ดีว่าในรถม้ามีคนแอบซ่อนอยู่สองสามคน

และไม่เคยเห็นพวกเขาทานอาหารมาก่อน และไม่เคยเห็นว่าลงจากรถม้ามา เว้นแต่จะมีจู๋มั่วและจุยเฟิงที่กล้าอุ้มพวกเขาลงจากรถม้าในตอนกลางคืน

แต่ในใจของแม่นมไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใด ๆ

นางก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร

ในเมืองเหลียนหวามีเสียงสวดมนต์และบทสรรเสริญพระพุทธเจ้าก็ดังแววเป็นช่วง เสียงสวดอ้อนวอนขอพรดังก้องไปทั่วสระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนมากมายคุกเข่าก้มกราบไหว้เพื่อต้อนรับการเสด็จมาของพระโพธิสัตว์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์