หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1211

แสงอร่ามบท้องฟ้าสาดสองลงมา และแสงสีทองอันเจิดจรัสนั่นก็ส่องสว่างปกคลุมไปทั่วบริเวณ

ทันใดนั้นกลิ่นหอมๆของดอกบัวก็ฟุ้งกระจายเต็มเมือง พอสูดเข้าไปจิตใจก็สดชื่นขึ้นมา แสงสีทองตกลงมาเหนือแท่นบัว และก็มองเห็นเงาราง ๆ ที่ไม่ชัดเจนปรากฎขึ้น

“ขอน้อมรับการเสด็จมาของท่านผู้ทรงศีล”

เหนือแท่นพุทธบูชา มหาปุโรหิตนำสามเณรในเมืองมาต้อนรับด้วยกัน ด้านล่างก็ยังมีพระภิกษุสงฆ์ชั้นสูงนับไม่ถ้วนที่มาจากทุกสารทิศ

การเทศนาดำเนินไปหนึ่งวันหนึ่งคืน

ในช่วงตอนเที่ยงแสงแดดนั้นแยงตาจนแสบตา และพื้นดินที่ตากแดดก็ร้อนระอุ ไอความร้อนสามารถเผาให้ตายเป็นเถ้าธุลีได้เลย

ชาวบ้านจำนวนมากเดินออกมาจากบ้านมา และพวกเขาก็แต่งตัวเรียบง่ายธรรมดาๆ ใบหน้าของพวกเขาออกไปทางซีดเหลืองและสีหน้าก็แสดงถึงความขมขื่นลำเค็ญ บนร่างกายก็มีกลิ่นอ่อน ๆ ของยาติดตัวอยู่

“นานนาน อากาศร้อนเช่นนี้ เจ้าไปนั่งอยู่ใต้ชายคาดีกว่า พ่อกับแม่จะขอร้องอ้อนวอนแทนเจ้าเอง...” คู่สามีภรรยาคู่หนึ่งคุกเข่าลงเท้าเปล่า และเอาหน้าผากแนบกับพื้น พวกเขาคุกเข่าด้วยความเคารพนับถือท่ามกลางไอแดดที่ร้อนแรง

ที่ด้านหลังยังมีคนหนุ่มสาวและผู้เฒ่าคนแก่เป็นจำนวนมาก ซึ่งล้วนแต่มีญาติพี่น้องที่ป่วยและรักษาไม่หายกันทั้งสิ้น พวกเขาจึงลองมาขอให้พระโพธิสัตว์โปรดประทานสายฝนศักดิ์สิทธิ์ลงมา

จนกระทั่งช่วงกลางคืนมาถึง ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ก็ปรากฎสายฟ้าฟาดขึ้นมา

“ฝนศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว รีบเอาหม้อและกะละมังออกมารับเร็วเข้า”

“นานนาน มีทางรอดแล้ว พวกเรามีทางรอดแล้ว”

“ตาแก่ หากเรามีฝนศักดิ์สิทธิ์นี้ เจ้าก็มีทางรอดแล้ว” ฮูหยินเฒ่าที่อายุมากแล้วกำลังถือกะละมังเอาไว้ และปล่อยให้ฝนตกอาบเปียกแก้ม

ฝนตกปรอย ๆ ลงมาอย่างครึกโครม คนป่วยและสมาชิกในครอบครัวพากันคุกเข่าลงบนพื้นและก้มลงกราบอย่างบ้าคลั่ง “ขอบคุณท่านผู้ทรงศีล ขอบคุณท่านผู้ทรงศีล”

แต่ฝนครั้งนี้ตกได้ไม่นานนัก

ปกติฝนศักดิ์สิทธิ์จะตกเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยาม แต่ครั้งนี้ใช้เวลาเพียงแค่ธูปครึ่งดอกเท่านั้นก็สิ้นสุดลง

ลู่เจาเจาแบมือออก ฝนศักดิ์สิทธิ์หยดหนึ่งก็ตกลงมาในฝ่ามือและไหลลงไป

น้ำฝนนี้มีพลังของพระธรรมแฝงอยู่ ตอนที่ตกลงมาที่ฝ่ามือก็ถูกร่างกายดูดซึมเข้าไปจึงมีฤทธิ์ในการขับไล่ขจัดโรคภัยไข้เจ็บ

แต่พลังดูอ่อนแอมาก

“เกิดอะไรขึ้น? ปีก่อน ๆ ฝนศักดิ์สิทธิ์ตกอย่างน้อยก็ครึ่งชั่วยาม ตอนนี้ทำไมถึงหยุดตกแล้วล่ะ?” ทุกคนกอดกะละมังด้วยความตื่นตระหนก และก็ไม่ลืมที่จะปกป้องหม้อดินตรงปลายเท้าเอาไว้

ชาวบ้านไม่สบายใจและกระวนกระวาย บนถนนที่ทอดยาวเส้นนี้สามารถได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นได้รางๆ

ลู่เจาเจาสูดลมหายใจเข้าลึก และจู๋มั่วก็ขับรถม้าคุ้มกันไปส่ง

ที่นอกวิหารหมื่นพุทธมีสามเณรหลายรูปมาคุกเข่าเรียบร้อยแล้ว

เซี่ยอวี้โจวเดินตามหลังลู่เจาเจาไปด้วยสีหน้าที่ต่อต้านอย่างมาก

“ข้าต้องมีทายาทเพื่อสืบทอดตระกูลต่อ ไม่ต้องมีถึงสิบคนก็ได้ แต่แค่ภรรยาสักคนก็คงต้องมีไม่ใช่หรือ?”

“ถ้าข้าออกบวชทั้งอย่างนี้ ก็ไม่ใช่คนแล้ว?”

“พ่อแม่ที่เลี้ยงดูมาด้วยความยากลำบากยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณเลย”

ในพระวิหารมีเสียงถอนหายใจดังขึ้น “โยม อาตมาเป็นแค่พระพุทธรูปที่ชุบด้วยทองเท่านั้น” น้ำเสียงของเขาแฝงความรู้สึกเอือมระอาเล็กน้อย

เซี่ยอวี้โจวปล่อยมือออกอย่างอายๆ “เจ้าต้องพยายามให้มากขึ้นนะ เจ้าดูด้านหน้าเจ้าสิเป็นพระพุทธรูปทองคำทั้งองค์ พวกท่านดูพวกท่านสิได้แค่ชุบทองเท่านั้น...ไม่มีหน้ามีตาเอาเสียเลย”

“เงินเป็นสิ่งนอกกาย อย่าได้ละโมบโลภมากเลย”

เซี่ยอวี้โจวเอามือไว้ข้างหลังและเดินช้า ๆ ไปอยู่ข้างกายลู่เจาเจา

ลู่เจาเจาขยับถอยไปข้าง ๆ โดยไม่รู้ตัว นางรู้สึกขายหน้าเล็กน้อย

นางสามารถสัมผัสถึงสายตาของทุกคนที่จ้องมาได้

เทพกระบี่เจาหยางมาเกิดใหม่บนโลกมนุษย์ ตอนที่อยู่โลกนี้ยังเป็นเด็กอายุเพียงห้าขวบครึ่งเท่านั้น แม้ว่าทุกคนในแดนพุทธจะไม่เคยเห็นตัวตนที่แท้จริงหลังจากกลับมาเกิดใหม่ก็ตาม แต่ที่แดนพุทธก็มีชื่อคงทำนายเอาไว้

ในปีนั้นเขาทำนายว่าจวนจงหย่งโหวจะมีโชคใหญ่มาเยือน แต่กลับถูกฮูหยินเฒ่าตีความผิดคิดว่าเป็นลู่จิ่งเหยา

ทำให้ชาติที่แล้วตระกูลของสวี่สืออวิ๋นต้องถูกประหารทั้งหมด ลูก ๆต่างต้องถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม

ลู่เจาเจามีความขุ่นเคืองในใจ ดังนั้นตอนที่เขาบรรลุขึ้นสู่โลกแห่งแดนพุทธก็หลอกลวงเขาได้อย่างเจ็บแสบหนึ่งยก พอขึ้นไปอยู่เบื้องบนก็ยั่วยุเขา

ชื่อคงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของลู่เจาเจานานแล้ว แต่เขาเป็นมนุษย์ที่บรรลุขึ้นไป ลึกๆภายในยังคงมีความผูกพันกับโลกมนุษย์อยู่ จึงไม่คิดที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของลู่เจาเจาออกไป

แม้ว่าแดนพุทธจะเป็นอิสระจากสามภพไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้กันของโลกภายนอก แต่ก็แยกความดีความชั่วออกชัดเจน

แม้ว่าในปีนั้นเทพกระบี่เจาหยางจะลักพาตัวพุทธบุตรไป และมีความแค้นส่วนตัวกันเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้สร้างเรื่องจนไม่สามารถแก้ไขได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์