หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1212

ในขณะนี้ชื่อคงยังคงอยู่ในแดนพุทธ เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อให้สหายเซียนพาพุทธบุตรกลับมา

ชื่อคงสวมชุดของพระ ยืนอยู่เหนือแท่นบัว และที่ด้านหลังก็มีแสงสีทองบาง ๆแผ่ออกมา

เพื่อต้อนรับพุทธบุตร เหล่าเทพเซียนจำนวนไม่น้อยลงไปที่โลกมนุษย์ เพื่อพูดโน้มน้าวให้เขากลับมา

“ก็ไม่รู้ว่าการเดินทางมาครั้งนี้จะราบรื่นหรือไม่? แต่อย่าได้ถูกลู่เจาเจาหลอกได้นะ...”

“ได้ยินว่าแม้แต่เทพแห่งหนังสือและนักปราชญ์ก็ยังถูกนางหลอกให้ลงไปยังโลกมนุษย์” นี่จะไม่เรียกว่านางกำลังเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับโลกมนุษย์หรอกหรือ!

สันนิษฐานว่า นางน่าจะรู้ถึงความตั้งใจของเทพเจ้าแล้วละสิ?

ชื่อคงพึมพำเสียงเบา

ร่างของชื่อคงอยู่ที่แดนพุทธ ย่อมต้องรู้มากกว่าคนอื่น

เพราะเทพเจ้าทั้งหลายเกิดความปรารถนาขึ้นมา แต่กฎของสวรรค์ที่กดขี่ทั้งสามโลกทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย แม้แต่แดนพุทธก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ถึงขนาดที่ฝนศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจจะควบคุมได้

พลังชั่วไม่สามารถชำระล้างได้ กฎของสวรรค์จะต้องถูกพังทลายลงอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้ไม่มีเทพกระบี่เจาหยางมาคอยช่วยกอบกู้สามโลกแล้ว

ชื่อคงเม้มริมฝีปากแน่น เขาไม่กล้าคิดถึงจุดจบที่จะมาถึงเลย มันน่ากลัวเกินไป ไม่มีใครสามารถแบกรับเอาไว้ได้

เมื่อกฎของสวรรค์พังทลายลง สามภพจะต้องถูกทำลายลงอย่างแน่นอน

ในปีนั้นเทพกระบี่เจาหยางสละชีวิตเพื่อรักษาชีวิตนับหมื่น บุญบารมีของนางย่อมเหนือกว่าสวรรค์ นี่ก็เป็นเหตุที่ทำให้หันชวนกลัวการกลับมาของนาง

หากนางมีความตั้งใจสักนิดที่จะแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ แดนเทพก็จะกลายเป็นของนางทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้นต้นตอของการล่มสลายของกฎของสวรรค์ก็อยู่ที่เทพเจ้าคนนั้น

ในปีนั้นลู่เจาเจาจัดการเนรเทศเทพเจ้าทั้งหมดออกจากแดนเทพโดยพลการ ในใจของนางคิดว่าเทพเจ้ามีความสำคัญเท่ากับมนุษย์และไม่ได้มีใครอยู่เหนือใคร

แต่เทพเจ้าที่อยู่บนจุดสูงสุดมานับหมื่นปี เป็นผู้ที่ควบคุมความเป็นและความตายไว้ในมือจะยินยอมได้อย่างไร?

สุดท้ายก็ผิดพลาดจากที่คิดไว้ จนกระทั่งนางต้องสละชีพเพื่อยุติเรื่องทั้งหมดลง

ตอนนี้ควรจะทำอย่างไรดี?

ชื่อคงจะคาดเดาความคิดของหันชวนได้ไม่ยาก ถึงกระทั่งที่หากเป็นคนอื่นก็สามารถคาดเดาออกได้

มีเพียงแค่สองผลลัพธ์เท่านั้น

จุดจบแรก หันชวนเอาพลังชั่วเข้าสู่โลกมนุษย์ เพื่อใช้โลกมนุษย์ช่วยทำลายล้างและช่วยโลกทั้งสามภพ

การกระทำเช่นนี้โหดร้ายมาก และต้องแลกกับการสูญเสียของสิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วน

จุดจบที่สอง...

แดนเทพทั้งหมดถูกลู่เจาเจาขับไล่ลงไปเกิดใหม่ หรือ...

ตายภายใต้กระบี่ของนาง

จิตใจของชื่อคงสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้าและยิ้มบางๆ ตัวเองคงโดนปีศาจเข้าครอบงำเสียแล้ว ถึงได้มีความคิดที่ผิดศีลธรรมเช่นนี้

ในใจได้แต่หวังว่าพุทธบุตรจะกลับมา แดนพุทธจะได้มีผู้นำที่มั่นคง

แต่ในขณะนี้ที่วิหารหมื่นพุทธในแคว้นฟั่นมีบรรยากาศค่อนข้างที่ตึงเครียดเล็กน้อย

วัชระพระอรหันต์ที่ยืนอยู่บนแท่นดอกบัวพูดเสียงเบาๆว่า

“ในปีนั้นพุทธบุตรได้ลงไปสำรวจโลก ตอนนี้ก็เป็นเวลากว่าพันปีแล้ว แดนพุทธไร้ผู้นำมาหลายปีแล้ว ลูกศิษย์ทั้งหลายรู้สึกไม่สบายใจ...”

“การปลีกตัวออกจากทุกสิ่งเพื่อบำเพ็ญเพียรนั้น ไม่ได้ทำเพื่อหลีกหนีจากทุกสรรพสิ่ง? แต่แท้จริงแล้วคือการหลีกหนีจากใจตนเอง กดข่มความปรารถนาในใจเพื่อแสวงหาอำนาจและพลังสูงสุดก็เท่านั้น”

“ถ้ามีพลังอยู่ในมือแล้วจะอย่างไร? หากจิตใจพังทลายลงแล้ว ใครสามารถบอกได้ว่าท่านเป็นเทพเจ้าหรือปีศาจกันแน่?”

มีเทพเจ้าตั้งกี่องค์ที่ครองตำแหน่งของเทพเจ้าแต่ทำเรื่องเหมือนดั่งปีศาจ

“การบำเพ็ญเพียรก็ต้องเริ่มจากการฝึกจิตก่อน”

“หากไม่มาเกิดในโลกจะตรัสรู้ได้อย่างไร ทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรหรือ?”

นางพูดจบก็มองท่านผู้ทรงศีลทุกคนด้วยรอยยิ้ม

ทุกคนในที่นี้นิ่งเงียบทันที

นางเหมือนกำลังพูดชี้นำแดนเทพอยู่ แต่ก็ดูเหมือนตั้งใจขอคำชี้แนะจากแดนพุทธด้วย เซี่ยอวี้โจวยกมือกุมหัวใจเอาไว้รู้สึกเพียงว่าหัวใจของเขาเต้นรัวอย่างรุนแรง

ราวกับว่ากำลังเห็นด้วยกับนางอยู่

ผ่านไปนานภายในวิหารก็มีเสียงถอนหายใจเบา ๆ ออกมา มีบางท่านที่หลับตาลงแล้ว และนัยน์ตาก็มีความลังเลรางๆ

ทางด้านชื่อคงที่อยู่แดนพุทธที่ห่างออกไปไกล อยู่ ๆเปลือกตาเขาก็กระตุกอย่างรุนแรง

หรือว่าพุทธบุตรจะไม่กลับมางั้นหรือ?

ณ แคว้นฟั่นวิหารหมื่นพุทธ

“สิ่งที่สหายน้อยกล่าวมาว่า การบำเพ็ญเพียรต้องเริ่มจากการฝึกจิตก่อนเป็นเรื่องจริง”

“หากจะกลับไปที่แดนพุธทำตัวเพื่อหลีกหนีจากโลกแล้วจะอย่างไร? หากใจไม่บริสุทธิ์ ทุกอย่างก็ล้วนเป็นเรื่องที่สูญเปล่า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์