หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1213

“นั่งสูงอยู่บนจุดสูงสุดบนยอดฟ้า แต่กลับลืมจุดมุ่งหมายเดิมของการบำเพ็ญเพียรไปเสียแล้ว อมิตาพุทธ พุทโธ่ อนิจจัง”

“ตัวข้าหลบเลี่ยงทางโลกมานานหลายปี ตอนนี้สามภพมีภัย ก็ควรเสียสละกำลังของตนเองแล้ว”

เทพเจ้าทุกองค์แสดงความเคารพต่อนาง

เมื่อเห็นท่านทั้งหลายตัดสินใจแล้ว แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องประกายก็กำลังเตรียมจากไป

ลู่เจาเจาจึงพูดขึ้นว่า “ท่านทั้งหลาย ช้าก่อน เจาเจามีเรื่องจะขอร้อง”

“การที่เทพถูกถอดถอนตำแหน่งเทพ และถูกลบอำนาจความเป็นเทพออก ยังพอมีวิธีช่วยเหลือหรือไม่?”

ท่านผู้ทรงศีลทั้งหลายมองสบตานางและพูดพึมพำว่า “เทพเจ้าอยู่ได้เพราะพึ่งตำแหน่งความเป็นเทพ หากกระทำความผิดร้ายแรงและถูกถอดถอนออกจากความเป็นเทพ พร้อมกับถูกลบตำแหน่งเทพไป ในสามวันร่างของเทพจะสลายกลายเป็นเถ้าธุลีอย่างสิ้นเชิง”

“พอมีวิธีช่วยเหลืออย่างไรไหม?”

“นี่คือกฎของสวรรค์และโลก ใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เป็นกฎเกณฑ์ที่โลกและสวรรค์ตั้งขึ้นตั้งแต่แรก ก็เพื่อควบคุมการมีตัวตนอยู่ของเทพเจ้า”

เลือดบนใบหน้าของลู่เจาเจาค่อยจางลงเล็กน้อย นางกำหมัดแน่น ในแววตามีน้ำตาคลอออกมา

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้มีอำนาจไม่ยุติธรรม เกิดเห็นแก่ตัวและวางแผนที่ฆ่าเพื่อนด้วยกัน?”

“ทั้งที่เป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ที่ควบคุมชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนของสามภพ หากสูญเสียความยุติธรรมไป แล้วจะเป็นอย่างไร?” แม้ว่าเสียงของนางจะเบามากก็ตาม แต่คำพูดที่พูดออกมากลับทำให้รู้สึกหนาวจับใจ

ใครจะกล้าตั้งคำถามสงสัยในตัวมหาเทพแห่งสามภพกันเล่า!

“ในโลกมนุษย์ของพวกเรา ถ้าหากฮ่องเต้ไม่ยุติธรรม ชาวบ้านก็จะก่อจลาจลเพื่อโจมตีจนกว่าจะโค่นล้มได้ ในแดนเทพมีกฎเกณฑ์อะไรเทือกนี้หรือไม่?” นางเงยหน้าขึ้น และมองทุกคนด้วยตาปริบ ๆ

เทพเจ้าทุกคนรู้สึกงงไปหมด

เมื่อเห็นนางยื่นมือเล็ก ๆ ออกมาและแบมือมาทางเทพเจ้าทั้งหลาย “ยืมเงินหน่อยสิ ข้ามีเรื่องที่ต้องใช้มัน”

ผู้ทรงศีลทั้งหลายเกือบจะคุกเข่าให้นาง เจ้า เจ้า เจ้าคิดอยากจะก่อกบฏใช่หรือไม่?

“เอ๋...” แม้ว่าเทพเจ้าทั้งหลายจะบำเพ็ญเพียรจนถึงขั้นสูงสุดแล้ว และสามารถทำให้จิตใจสงบเหมือนดังน้ำหยุดนิ่งได้ แต่ ณ เวลานี้ต่างพากันตื่นตระหนกเล็กน้อย

ถึงกระทั่งที่คิดอยากจะแอบหนี...

แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องตกใจกลัวก็คือ พวกเขาไม่สามารถออกไปได้!!!

เซี่ยอวี้โจวโผล่หัวออกมาจากด้านหลังของลู่เจาเจาด้วยท่าทีเขินๆ “ต้องขออภัยด้วย ข้าได้กางเขตแดนที่วิหารหมื่นพุทธแล้ว”

ท่านผู้ทรงศีลทั้งหลายราวกับว่าถูกฟ้าผ่าเข้าให้เต็ม พวกเขาถูกพุทธบุตรของตัวเองแทงข้างหลังเสียแล้ว!!

ใต้แท่นดอกบัวของพวกเขาทมีแสงระยิบระยับส่องแวววับ ทั้งหมดเป็นรูปปั้นที่ถูกเซี่ยอวี้โจวสัมผัสไปเมื่อวานนี้

“คนที่บวชแล้วจะไม่ยึดติดกับวัตถุ จะไปมีเงินทองได้อย่างไร? ถ้ายังไง รอให้พวกเรากลับไปยังแดนพุทธกลับไปเอาคัมภีร์จำนวนหนึ่งมามอบให้โยมดีกว่าไหม?”

ลู่เจาเจายิ้มไม่ได้พูดอะไร

นางหมายตาตราพุทธของแดนพุทธมาตั้งนานแล้ว หากไม่สามารถหาหนทางช่วยลูกศิษย์ได้ แต่นางจะไม่ยอมกลับไปมือเปล่าแน่

พอนึกถึงปีนั้นที่นางไปตกปลาที่แม่น้ำเทียนเหอแต่จับปลาไม่ได้สักตัว จึงกระโดดลงไปจนดื่มน้ำเข้าไปเต็มท้อง แต่ก็ไม่ได้กลับไปมือเปล่าแต่อย่างใด

“แต่จะขอให้ท่านปกป้องรักษาชีวิตของทุกสรรพสิ่ง”

“ทุกสรรพสิ่งล้วนเท่าเทียมกัน ไม่มีสิ่งใดสูงกว่าหรือต่ำกว่ากัน”

“ในเมื่อข้าได้รับการบูชาจากโลกมนุษย์ ก็ย่อมต้องรับผิดชอบต่อสรรพสิ่งในโลกมนุษย์ทั้งปวง จะอยู่รอดแต่ตนเองได้อย่างไร...”

ลู่เจาเจาชะงักไปเล็กน้อย และพยักหน้าอย่างจริงจัง

“ท่านทั้งหลายรู้หรือไม่ว่ามหาเทพอยู่ที่ใด?” นางอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“มหาเทพต้องไปเผชิญเคราะห์กรรม นี่เป็นความลับของสามภพ แต่อาตมาเคยทำนายเอาไว้ว่าอย่างมากก็แค่สิบปี มหาเทพก็จะกลับมา”

ลู่เจาเจาดีใจขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากขอบคุณท่านทั้งหลายแล้วก็ปล่อยให้พวกเขากลับไป

ณ แดนพุทธ

ชื่อคงหนังตากระตุกอย่างบ้าคลั่ง จนปลาไม้ในมือเคาะผิดจังหวะเสียแล้ว

เขาจึงเอ่ยถามสามเณรน้อย “ผู้ทรงศีลทั้งหลายยังไม่กลับมาอีกหรือ?”

“คงเกลี้ยกล่อมพุทธบุตรให้กลับมาจนทำให้ล่าช้า ถ้ายังไงให้ศิษย์ไปเฝ้าที่ประตูดูไหมขอรับ? จะได้ไปต้อนรับพุทธบุตรกลับบ้านด้วย!” สามเณรน้อยถามด้วยสายตาที่ไร้เดียงสา

ชื่อคงพยักหน้า

เดิมทีกำหนดให้มีพระโพธิสัตว์เสด็จลงไปเพียงองค์เดียว แต่เพราะชื่อคงเคยถูกลู่เจาเจาหลอกมาก่อนจึงมีประสบการณ์ ดังนั้นจึงพูดโน้มน้าวสหายเซียนหลายคนลงไปด้วย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์