หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1214

สันนิษฐานว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไร

ผ่านไปไม่นานนักชื่อคงก็เห็นลูกศิษย์น้อยวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็วจนแทบจะเหาะอยู่แล้ว

พุทธบุตรกลับมาแล้วงั้นหรือ?

ชื่อคงลุกขึ้นยืนทันใด แล้วก็กระแอมไอทำเป็นสงบนิ่งอย่างรวดเร็ว“ช้าๆหน่อยก็ได้ ใครมาเห็นมันใช้ได้ที่ไหนกัน?”

สามเณรน้อยวิ่งมาด้วยใบหน้าแดงฉาน และชี้ไปที่ประตูอย่างหอบๆ ยังคงพูดไม่ออกอยู่นาน

“พุทธบุตรอยู่นอกประตูงั้นหรือ? ดี ๆ ๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าหากท่านผู้ทรงศีลรวมตัวกัน จะพาตัวพุทธบุตรกลับมาไม่ได้อย่างไร” ชื่อคงเดินออกไปข้างนอกด้วยรอยยิ้มและรีบไปต้อนรับทันที

แดนพุทธว่างเปล่าไปเกือบครึ่งแล้ว ในใจเขารู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย

สามเณรน้อยหอบหายใจพลางพูดว่า “ไม่ขอรับ ไม่ได้กลับมา!”

ชื่อคงชะงักไปครู่หนึ่งและก็ขมวดคิ้วทันที “ช่างเถอะ ทุกอย่างไม่อาจบังคับได้ พุทธบุตรต้องเผชิญเคราะห์กรรม ทุกอย่างล้วนกำหนดไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาอันสมควรก็คงจะกลับมาเอง”

“ท่านผู้ทรงศีลทั้งหลายทำไมยังไม่เข้ามาเล่า?”

สามเณรน้อยกระทืบเท้าและเอ่ยว่า “ไม่...ไม่กลับขอรับ”

ชื่อคงมองเขาด้วยความไม่พอใจ “ข้าถามถึงผู้ทรงศีลทั้งหลาย เจ้าจะตอบเรื่องของพุทธบุตรไปไย? อาตมารู้แล้วว่าพุทธบุตรไม่กลับมา”

สามเณรมองเขาด้วยน้ำตาคลอเบ้า

“อาจารย์ขอรับไม่กลับมาทั้งหมด”

“ท่านผู้ทรงศีลทั้งหลายได้ลงไปที่โลกมนุษย์แล้ว” สามเณรเกือบจะร้องไห้ออกมา เขามองชื่อคงตาปริบ ๆ

“อยู่ต่อในโลกมนุษย์ เพื่อดับทุกข์ให้กับผู้บูชางั้นหรือ?” ชื่อคงไม่ได้คิดไปในทางอื่นเลย

สามเณรน้อยร้องโฮเสียงดัง

“อาจารย์ ท่านผู้ทรงศีลทั้งหลายลงไปโลกมนุษย์เพื่อเผชิญเคราะห์กรรมตามรอยพุทธบุตรแล้ว!”

“ไปแล้ว ไปกันทั้งหมดแล้ว”

สมองของชื่อคงขาวโพลนชั่วขณะ

ทุกตัวอักษรที่ฟังเขารู้จักทุกคำ แต่เหตุไฉนถึงไม่เข้าใจความหมายของมันกันเล่า?

“ใคร...ใครไปแล้วหรือ?”

สามเณรน้อยร้องไห้พลางกับกล่าวว่า “ท่านผู้ทรงศีลทั้งหลายบอกว่าถ้าไม่ลงไปยังโลกมนุษย์ จะสามารถหลุดพ้นได้อย่างไร? บำเพ็ญเพียรหมื่นๆปี ไม่สู้ลงมาใช้ชีวิตในโลกมนุษย์จริง ๆ ถึงจะสามารถสัมผัสถึงสัจธรรมที่แท้จริงได้”

สามเณรน้อยมองอาจารย์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพและเลื่อมใส

แม้ว่าอาจารย์จะบรรลุขึ้นมาเพียงไม่กี่ปี แต่ก็มั่นคงหนักแน่น แดนพุทธจะว่างเปล่าแล้ว แต่สีหน้าก็ยังไร้อารมณ์ไม่เปลี่ยน

สมองของชื่อคงว่างเปล่ามีเสียงดังหึ่ง ๆ อยู่ข้างใน ผ่านไปอยู่นานกว่าจะฟื้นสติกลับมา ไหนเลยจะเหลือท่าทีของพระสงฆ์ชั้นสูงผู้บรรลุธรรมดังเช่นก่อนหน้านี้อีก เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีทันใด โมโหถึงกระทั่งที่ดึงสายลูกประคำขาดเลย

“ลู่เจาเจาเจ้าคนชั่ว!!!”

“อาตมาบำเพ็ญเพียรมาหลายปีจนบรรลุเลื่อนขั้น แต่ผลสุดท้าย เจ้าดันมาขโมยของในบ้านข้าเสียได้!”

ลู่เจาเจาหลอกล่อให้ท่านผู้ทรงศีลลงไป และยังหลอกเอาตราพุทธไปด้วยอีก!!

ชื่อคงอยากจะร้องไห้แต่ไร้ซึ่งน้ำตา ถึงกระทั่งที่คิดไม่ออกว่าเขาบำเพ็ญเพียรมาหลายปีเพื่ออะไร?

แม้ลู่เจาเจาจะทำร้ายชื่อคงอย่างหนักจริงๆ แต่การดึงศาสนาพุทธเข้าไปอยู่ฝ่ายมนุษย์ ทำให้เขารู้สึกดีใจไม่น้อย

ถ้ามีเหล่าผู้ทรงศีลอยู่ในโลกมนุษย์ หากเทพเจ้าจะเคลื่อนไหว แดนพุทธจะเป็นคนแรกที่ไม่ยอม

“เจ้าคงจะไม่ได้คิดจะมอบข้าให้กับแดนพุทธหรอกกระมัง? ใครโกหกคนนั้นเป็นลูกสุนัขนะ!” เซี่ยอวี้โจวเดินตามหลังไปทุกฝีก้าวด้วยสีหน้าที่กังวลมาก

“เจ้าสอนวิธีทำค่ายกลให้ข้า ข้าก็เรียนกับเจ้าและขังตัวผู้ทรงศีลเอาไว้ เจ้าห้ามตัดช่องน้อยแต่พอตัวทิ้งกันเด็ดขาด!”

ลู่เจาเจาตบตราพุทธในอกเสื้อ “พวกเรามีความสัมพันธ์กันยังไง เจ้ายังไม่เชื่อข้าอีกหรือ?”

“เราเคยฝ่าลมฝ่าฝนมาด้วยกัน ข้ากับเจ้าร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน ซึ่งไม่เหมือนกับคนอื่นอยู่แล้ว”

“ข้าลู่เจาเจาขอสาบานต่อเจ้า จะไม่มีทางมอบเจ้าให้กับแดนพุทธโดยเด็ดขาด! หากใครจะพาเจ้ากลับไป เว้นเสียว่าจะเหยียบศพของข้าข้ามไปก่อน!” นางยกนิ้วสองสามนิ้วสาบานต่อสวรรค์ด้วยความสัตย์จริง

เซี่ยอวี้โจวได้ยินเช่นนี้สีหน้าก็รู้สึกผิดเล็กน้อย “เจ้าจะสาบานทำไมกัน ข้าเชื่อ ๆ เป็นข้าที่คิดมากไป ข้าเชื่อเจ้าก็ได้แล้ว...” พูดจบในใจก็รู้สึกปลาบปลื้มขึ้นมา

ที่แท้เจาเจาก็ให้ความสำคัญกับเขามากเลย

หากผู้ใดจะพาเขาไปจากโลกมนุษย์ ก็จะต้องเหยียบศพเขาไปก่อนเช่นกัน

พูดจบก็วิ่งออกไปอย่างมีความสุข

จู๋มั่วทำสีหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา “เผ่ามังกรชอบการต่อสู้และแย่งชิง แม้แต่จะเป็นพี่น้องแท้ ๆ ที่คลานตามกันมาก็ตามก็ไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีขนาดนี้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์