สันนิษฐานว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไร
ผ่านไปไม่นานนักชื่อคงก็เห็นลูกศิษย์น้อยวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็วจนแทบจะเหาะอยู่แล้ว
พุทธบุตรกลับมาแล้วงั้นหรือ?
ชื่อคงลุกขึ้นยืนทันใด แล้วก็กระแอมไอทำเป็นสงบนิ่งอย่างรวดเร็ว“ช้าๆหน่อยก็ได้ ใครมาเห็นมันใช้ได้ที่ไหนกัน?”
สามเณรน้อยวิ่งมาด้วยใบหน้าแดงฉาน และชี้ไปที่ประตูอย่างหอบๆ ยังคงพูดไม่ออกอยู่นาน
“พุทธบุตรอยู่นอกประตูงั้นหรือ? ดี ๆ ๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าหากท่านผู้ทรงศีลรวมตัวกัน จะพาตัวพุทธบุตรกลับมาไม่ได้อย่างไร” ชื่อคงเดินออกไปข้างนอกด้วยรอยยิ้มและรีบไปต้อนรับทันที
แดนพุทธว่างเปล่าไปเกือบครึ่งแล้ว ในใจเขารู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย
สามเณรน้อยหอบหายใจพลางพูดว่า “ไม่ขอรับ ไม่ได้กลับมา!”
ชื่อคงชะงักไปครู่หนึ่งและก็ขมวดคิ้วทันที “ช่างเถอะ ทุกอย่างไม่อาจบังคับได้ พุทธบุตรต้องเผชิญเคราะห์กรรม ทุกอย่างล้วนกำหนดไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาอันสมควรก็คงจะกลับมาเอง”
“ท่านผู้ทรงศีลทั้งหลายทำไมยังไม่เข้ามาเล่า?”
สามเณรน้อยกระทืบเท้าและเอ่ยว่า “ไม่...ไม่กลับขอรับ”
ชื่อคงมองเขาด้วยความไม่พอใจ “ข้าถามถึงผู้ทรงศีลทั้งหลาย เจ้าจะตอบเรื่องของพุทธบุตรไปไย? อาตมารู้แล้วว่าพุทธบุตรไม่กลับมา”
สามเณรมองเขาด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“อาจารย์ขอรับไม่กลับมาทั้งหมด”
“ท่านผู้ทรงศีลทั้งหลายได้ลงไปที่โลกมนุษย์แล้ว” สามเณรเกือบจะร้องไห้ออกมา เขามองชื่อคงตาปริบ ๆ
“อยู่ต่อในโลกมนุษย์ เพื่อดับทุกข์ให้กับผู้บูชางั้นหรือ?” ชื่อคงไม่ได้คิดไปในทางอื่นเลย
สามเณรน้อยร้องโฮเสียงดัง
“อาจารย์ ท่านผู้ทรงศีลทั้งหลายลงไปโลกมนุษย์เพื่อเผชิญเคราะห์กรรมตามรอยพุทธบุตรแล้ว!”
“ไปแล้ว ไปกันทั้งหมดแล้ว”
สมองของชื่อคงขาวโพลนชั่วขณะ
ทุกตัวอักษรที่ฟังเขารู้จักทุกคำ แต่เหตุไฉนถึงไม่เข้าใจความหมายของมันกันเล่า?
“ใคร...ใครไปแล้วหรือ?”
สามเณรน้อยร้องไห้พลางกับกล่าวว่า “ท่านผู้ทรงศีลทั้งหลายบอกว่าถ้าไม่ลงไปยังโลกมนุษย์ จะสามารถหลุดพ้นได้อย่างไร? บำเพ็ญเพียรหมื่นๆปี ไม่สู้ลงมาใช้ชีวิตในโลกมนุษย์จริง ๆ ถึงจะสามารถสัมผัสถึงสัจธรรมที่แท้จริงได้”
สามเณรน้อยมองอาจารย์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพและเลื่อมใส
แม้ว่าอาจารย์จะบรรลุขึ้นมาเพียงไม่กี่ปี แต่ก็มั่นคงหนักแน่น แดนพุทธจะว่างเปล่าแล้ว แต่สีหน้าก็ยังไร้อารมณ์ไม่เปลี่ยน
สมองของชื่อคงว่างเปล่ามีเสียงดังหึ่ง ๆ อยู่ข้างใน ผ่านไปอยู่นานกว่าจะฟื้นสติกลับมา ไหนเลยจะเหลือท่าทีของพระสงฆ์ชั้นสูงผู้บรรลุธรรมดังเช่นก่อนหน้านี้อีก เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีทันใด โมโหถึงกระทั่งที่ดึงสายลูกประคำขาดเลย
“ลู่เจาเจาเจ้าคนชั่ว!!!”
“อาตมาบำเพ็ญเพียรมาหลายปีจนบรรลุเลื่อนขั้น แต่ผลสุดท้าย เจ้าดันมาขโมยของในบ้านข้าเสียได้!”
ลู่เจาเจาหลอกล่อให้ท่านผู้ทรงศีลลงไป และยังหลอกเอาตราพุทธไปด้วยอีก!!
ชื่อคงอยากจะร้องไห้แต่ไร้ซึ่งน้ำตา ถึงกระทั่งที่คิดไม่ออกว่าเขาบำเพ็ญเพียรมาหลายปีเพื่ออะไร?
แม้ลู่เจาเจาจะทำร้ายชื่อคงอย่างหนักจริงๆ แต่การดึงศาสนาพุทธเข้าไปอยู่ฝ่ายมนุษย์ ทำให้เขารู้สึกดีใจไม่น้อย
ถ้ามีเหล่าผู้ทรงศีลอยู่ในโลกมนุษย์ หากเทพเจ้าจะเคลื่อนไหว แดนพุทธจะเป็นคนแรกที่ไม่ยอม
“เจ้าคงจะไม่ได้คิดจะมอบข้าให้กับแดนพุทธหรอกกระมัง? ใครโกหกคนนั้นเป็นลูกสุนัขนะ!” เซี่ยอวี้โจวเดินตามหลังไปทุกฝีก้าวด้วยสีหน้าที่กังวลมาก
“เจ้าสอนวิธีทำค่ายกลให้ข้า ข้าก็เรียนกับเจ้าและขังตัวผู้ทรงศีลเอาไว้ เจ้าห้ามตัดช่องน้อยแต่พอตัวทิ้งกันเด็ดขาด!”
ลู่เจาเจาตบตราพุทธในอกเสื้อ “พวกเรามีความสัมพันธ์กันยังไง เจ้ายังไม่เชื่อข้าอีกหรือ?”
“เราเคยฝ่าลมฝ่าฝนมาด้วยกัน ข้ากับเจ้าร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน ซึ่งไม่เหมือนกับคนอื่นอยู่แล้ว”
“ข้าลู่เจาเจาขอสาบานต่อเจ้า จะไม่มีทางมอบเจ้าให้กับแดนพุทธโดยเด็ดขาด! หากใครจะพาเจ้ากลับไป เว้นเสียว่าจะเหยียบศพของข้าข้ามไปก่อน!” นางยกนิ้วสองสามนิ้วสาบานต่อสวรรค์ด้วยความสัตย์จริง
เซี่ยอวี้โจวได้ยินเช่นนี้สีหน้าก็รู้สึกผิดเล็กน้อย “เจ้าจะสาบานทำไมกัน ข้าเชื่อ ๆ เป็นข้าที่คิดมากไป ข้าเชื่อเจ้าก็ได้แล้ว...” พูดจบในใจก็รู้สึกปลาบปลื้มขึ้นมา
ที่แท้เจาเจาก็ให้ความสำคัญกับเขามากเลย
หากผู้ใดจะพาเขาไปจากโลกมนุษย์ ก็จะต้องเหยียบศพเขาไปก่อนเช่นกัน
พูดจบก็วิ่งออกไปอย่างมีความสุข
จู๋มั่วทำสีหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา “เผ่ามังกรชอบการต่อสู้และแย่งชิง แม้แต่จะเป็นพี่น้องแท้ ๆ ที่คลานตามกันมาก็ตามก็ไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีขนาดนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์
ทำไมตัดเหรียญไปแล้วแต่ตอนไม่ปลดล็อคคะ ขึ้น error แต่หักเหรียญติดแจ้งปัญหาก็ไม่ได้...
ทำไมช่วงนี้ error บ่อยจังเลยคะ...
เติมเหรียญแล้วทำไมถึงปลดล็อคไม่ได้คะ...
ทำไมปลดล็อคไม่ได้คะ...
บท 613 ไม่ลงแล้วหรือค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...
อ่านบทที่ 613 กันที่ไหนคะ...
รอค่ะ แต่ช้าจัง สนุก รอค่ะ...
รอตอนต่อไปค่าา...
สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...