หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1215

จุยเฟิงหยุดชะงักฝีเท้าทันที และแววตาก็มีความประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้า...รู้สึกซาบซึ้งใจงั้นหรือ?”

จู๋มั่วทำใบหน้าแปลกใจ “ความมั่งคั่งได้มาง่ายๆ แต่ความจริงใจนั้นยากจะหาได้ มิตรภาพที่มีค่าและหาได้ยากเช่นนี้ ย่อมรู้สึกซาบซึ้งอยู่แล้ว”

จุยเฟิงมองเขาแวบหนึ่งเงียบ ๆ

“เจ้าติดคุกนานเกินไปหรือเปล่า ถูกขังจนสมองโง่เขลาไปแล้วงั้นหรือ?”

“ช่างเถอะ ถึงอย่างไรเจ้าก็แต่งงานแล้ว หากอยู่แต่บ้านเป็นเพื่อนภรรยาและคอยสอนลูกๆ ก็ไม่น่าจะมีเรื่องใหญ่โตอันใดเกิดขึ้น สมองไม่ฉลาดก็ออกไปข้างนอกให้มันน้อยๆหน่อยเถอะนะ”

“เจ้านะ อยู่ข้างนอกก็อย่าได้ไปล่วงเกินคนอื่นเยอะ” เฮ้อ สมองของเขาเช่นนี้ แม้แต่ถูกคนหลอกไปขายก็คงไปช่วยนั่งนับเงินด้วยกระมัง

ถึงแม้ในปีนั่นจุยเฟิงถึงแม้จะกลายร่างเป็นสุนัข แต่ก็สามารถเรียนรู้ความเจ้าเล่ห์ของมนุษย์มาได้มากมาย

และนี่ก็คือเหตุผลที่เขาสามารถเป็นราชาปีศาจได้

ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ตัวอื่นพยายามบำเพ็ญเพียรฝึกฝนตน แต่เขากลับไปเรียนรู้กลอุบายหลายร้อยเล่มเกวียนจากโลกมนุษย์

เขาแค่มองก็มองออกแล้ว

หันชวนอยากจะทำลายล้างมนุษย์ และขจัดพลังชั่วร้ายทั้งสามภพต้องรู้สึกขอบคุณเขา อีกทั้งมหาเทพยังไม่กลับมาจากการเผชิญเคราะห์กรรม หากโลกมนุษย์ล่มสลายก็จะต้องตกอยู่ในวัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดไปตลอดกาล ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว

ดังนั้นโลกมนุษย์จึงต้องคิดวิธีรับมือ

ตัวอย่างเช่น...ให้เซี่ยอวี้โจวอยู่ในโลกมนุษย์เพื่อเป็นตัวประกัน

ณ ที่พักของคณะทูต

ลู่เจาเจานั่งอยู่ข้างเตียง และขมวดคิ้วแน่นมองไปที่จงไป๋กับเสียนถิงที่ยังสลบอยู่บนเตียง แม้ว่าซิงหุยกับเซิ่งเหอจะอ่อนแอ แต่บางครั้งก็ยังสามารถตื่นขึ้นมามีสติได้สักพัก

“ตอนที่ข้าเกิดใหม่ในปีนั้น จงไป๋ก็คอยปกป้องและช่วยข้า คอยช่วยปิดบังการมีตัวตนของข้าอยู่บนสวรรค์มาโดยตลอด ตอนที่เกิดเรื่องขึ้น เขาก็เป็นคนที่ได้รับโทษทัณฑ์มากที่สุด“

“ลูกศิษย์ที่ดื้อรั้นในปีนั้น ตอนนี้เติบโตจนสามารถยืนหยัดอย่างเด็ดเดี่ยวได้แล้ว”

ลู่เจาเจาสัมผัสแก้มของลูกศิษย์เบา ๆ และนึกถึงตอนที่เจอกันครั้งแรกอีกครั้ง

“ข้าไม่รู้สึกผิดต่อใครในใต้หล้า แต่อาจารย์รู้สึกผิดต่อพวกเจ้า...” น้ำตาหยดใหญ่ๆไหลลงมาจากหางตา

นางสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าจงไป๋กับเสียนถิงถึงเวลาที่จะต้องไปแล้ว วันนี้พอพลังศักดิ์สิทธิ์ถ่ายเข้าไปก็กระจายหายไปทันที ร่างกายไม่สามารถเก็บพลังเอาไว้ได้แล้ว

ลู่เจาเจาร้องไห้และกระซิบเสียงเบาอยู่ข้างๆเตียง เซี่ยอวี้โจว จู๋มั่วกับจุยเฟิงยื่นนิ่งเงียบอยู่ข้างหลัง อาหมานก็ยกมือลูบอกเป็นครั้งคราว นางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

ในใจรู้สึกอึดอัดไม่สบายอย่างมาก

“เมื่อครั้งที่แดนเทพชักชวนให้ข้าไปเข้ารับตำแหน่งขุนนางบนสวรรค์ โชคดีที่ข้าไม่ได้ไป...”

“หากตำแหน่งเทพถูกพังทลาย วิญญาณเทพก็จะแตกสลาย แม้แต่มนุษย์ธรรมดาก็ยังเป็นไม่ได้”

ใบหน้าของจุยเฟิงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น การดับลงของเทพเจ้า นั่นคือการหายไปตลอดการอย่างแท้จริง

ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาในสามโลกจะถูกลบออกไปและถูกกำจัดทิ้งไม่เหลือ

“เจ้าเองก็เหมือนกับพวกแดนเทพใช่หรือเปล่า ที่ต้องการตัดขาดจากข้า แล้วไม่สนใจข้าอีก?”

นางยืนอยู่กลางห้องด้วยท่าทางที่น้อยเนื้อต่ำใจอย่างถึงที่สุดและมีน้ำตาไหลเอ่อล้นเต็มขอบตาและข้างหูก็มีเสียงถอนหายใจดังขึ้น

เด็กหนุ่มที่มือขาวเรียวกำผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ แล้วค่อย ๆ เช็ดน้ำตาที่ไหลพรากบนใบหน้าของนางอย่างเบามือ

“ข้าแค่มาช้านิดหน่อย เจ้าก็จะแตกหักกับข้าเลยงั้นหรือ?”

“ทำอะไรกับเจ้าไม่ได้เลยจริงๆ”

เขาเหมือนกับถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ

ลู่เจาเจากำแขนเสื้อของเขาเอาไว้แน่น “มหาเทพอยู่ที่ไหน? เจ้าบอกข้ามานะว่ามหาเทพอยู่ที่ไหน? ขอเพียงเขากลับสู่ตำแหน่งเทพ ก็จะสามารถช่วยจงไป๋กับเสียนถิงได้”

“โทษของการก่อกวนการเผชิญเคราะห์ของมหาเทพทั้งหมด ตัวข้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง”

มือที่นางกำชายเสื้อของเขากำลังสั่นเท่า

แววตาของเด็กหนุ่มมืดมนลงเล็กน้อย หลังจากเช็ดน้ำตาให้เจาเจาอย่างระมัดระวังเสร็จแล้ว น้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนก็เอ่ยขึ้น

“เจาเจา ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”

“การที่มหาเทพลงมายังโลกมนุษย์ ประการแรกก็เพื่อเผชิญกับเคราะห์กรรม ประการที่สอง...ก็เพื่อเป็นแบบอย่างแก่เหล่าเทพทั้งหลาย การบำเพ็ญเพียรใหม่ของมหาเทพนั้นยากลำบากมาก แต่ถ้าหากเขาสามารถกลับมาอย่างปลอดภัย และกลับคืนสู่แดนสวรรค์ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเป็นพลังที่เสริมความมั่นใจให้กับเหล่าเทพทั้งหลายที่มีความปรารถนาในใจได้อย่างมาก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์