“เจ้าค่ะ”
“พวกเจ้ากินอะไรกันอยู่น่ะ” ทันทีที่เข้ามาในวัดร้าง หนานมู่ไป่ก็ได้กลิ่นหอมเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ลู่เจาเจารู้สึกผิดเมื่อเห็นเขา
ก็แหม นี่มันบรรพชนของตระกูลฝ่ายมารดาของเขานี่นา
[บรรพชนตระกูลซูของท่านไง...]
สวี่สืออวิ๋นมือสั่น
แม้นางแสร้งพยายามทำเป็นสงบ แต่ชามที่อยู่ในมือกลับสั่นไม่หยุด
“เจาเจาจับเต่ามาจากภูเขา เอามาต้มน้ำแกงบำรุงร่างกายให้ท่านพ่อ” หลังจากได้ยินเสียงในใจของเจาเจาแล้ว สวี่สืออวิ๋นก็ไม่กล้าสบตาหนานมู่ไป๋อีกต่อไป
ลู่เจาเจาแทะเนื้อจากกระดองเต่าเสร็จแล้วก็วางรองใต้ก้นเหมือนเป็นเก้าอี้ตัวเล็ก
“คุ้นๆ ว่าสายเลือดในตระกูลซูจะไม่มีใครกินเต่านะ” หมิงหลางพูดด้วยรอยยิ้ม
หนานมู่ไป๋รู้สึกเสียดาย “ใช่แล้ว บรรพชนของตระกูลซูคือเต่าดำ ไม่มีสาวกของตระกูลซูคนไหนกินเต่าหรอก”
“ท่านยายเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลซู นางแต่งงานเข้าวังเป็นฮองเฮา ให้กำเนิดแม่ของข้า เราทุกคนสืบทอดพรสวรรค์ของตระกูลซู ดังนั้น พวกเราเองจึงต้องปฏิบัติตามกฎของตระกูลซูด้วย” หนานมู่ไป๋กระเดือกกลืนน้ำลายเบาๆ
น้ำแกงนี่ กลิ่นหอมเตะจมูกเหลือเกิน
“เต่าตัวนี้น่าจะบำเพ็ญตบะอยู่ในป่าลึก ดูเหมือนจะมีพลังวิญญาณอยู่ด้วย พระนัดดาไม่ลองสักชามหรือ” หมิงหลางเริ่มรู้สึกอยากกินบ้าง เมื่อเห็นก้นหม้อยังพอมีเหลืออยู่บ้างหลังจากตักส่วนหนึ่งใส่ในโถไปแล้ว
จึงเอ่ยขึ้นว่า “องค์หญิงเจาหยาง ขอให้ข้าสักชามได้ไหม”
“เชิญเลย ที่เหลือเดี๋ยวจะเอาไปทำโจ๊กให้พวกพี่ๆ สาวใช้ทานกัน เดินทางไกลต้องบำรุงกันสักหน่อย” เจ้าตัวน้อยใจกว้างกับคนในอาณัติของตัวเองมาก
เมื่อเติงจือตักน้ำแกงให้หมิงหลางแล้วก็รีบเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
บรรดาสาวใช้ต่างก็ยิ้มแย้มออกมาให้เห็น อะไรที่เจ้านายว่าเป็นของดี พวกนางรู้ว่าต้องเป็นของดีแน่นอน
“ขอบพระทัยองค์หญิง”
หมิงหลางยกน้ำแกงซดเข้าปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “น้ำแกงชามนี้มีพลังวิญญาณที่เข้มข้นมาก ดีกว่าการฝึกฝนในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์เสียอีกอีก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์
บท 613 ไม่ลงแล้วหรือค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...
อ่านบทที่ 613 กันที่ไหนคะ...
รอค่ะ แต่ช้าจัง สนุก รอค่ะ...
รอตอนต่อไปค่าา...
สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
อ้าว ลงไม่จบอีกแล้ว...
สนุกมากค่ะ...
โอ๊ยสนุกค่ะ อัพเยอะๆเลยนะคะเรื่องนี้...
ขอบคุณสนุกมากค่ะ...