หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 92

“ผู้ชายน่ะ ต่อให้ทำผิด พวกเราในฐานะที่เป็นผู้หญิงก็ต้องรู้จักใจกว้าง และต้องไตร่ตรองตัวเองว่ามีตรงไหนที่ทำไม่ดีพอหรือไม่ ในปีนั้นหย่วนเจ๋อต้องกดดันมากแค่ไหนที่ไปสู่ขอเจ้าแต่งงานมา เจ้าว่าใช่หรือไม่?” นายหญิงตบมือของนางเบาๆ และใบหน้าก็เต็มไปด้วยความจริงจังเหมือนมีอะไรในใจ

สวี่ซื่อเม้มริมฝีปากไม่ได้พูดอะไร

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงข้างนอกรีบร้อนเข้ามารายงาน

“นายหญิงใหญ่ แม่นางหว่านอี้กลับมาแล้ว...” สาวใช้ที่มารายงานมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

“วันนี้ไม่ใช่วันเทศกาลอะไรนางกลับมาทำอะไร?” นายหญิงใหญ่คิดในใจ หรือว่าได้ยินว่าเผยเจียวเจียวได้รับความอัปยศจึงตั้งใจกลับมางั้นหรือ?

แต่สวี่ซื่อกลับยกถ้วยน้ำชาขึ้นมา เพื่อปิดรอยยิ้มที่มุมปาก

ลู่เจาเจาพิงกายเข้าไปในอ้อมกอดของเติงจือ และดวงตากลมโตกลอกไปมา

[เปิดการแสดงแล้ว ๆ ละครฉากใหญ่กำลังจะเปิดการแสดงแล้ว!] ลู่เจาเจาอายุแปดเดือนแล้ว และมีฟันน้ำนมเล็ก ๆ งอกออกมาสองซี่ อีกทั้งยังได้รับการบำรุงอย่างดีจากในครรภ์ และเนื่องจากได้ดูดซับพลังวิญญาณมาจากฟ้าดินอย่างสม่ำเสมอ นางจึงสามารถประคองตัวกับกำแพงแล้วเดินได้หลายก้าวแล้ว

อากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อย ๆ เด็กน้อยถูกห่อจนเหมือนลูกบอลยังไงยังงั้น เติงจือแทบจะกอดเอาไว้ไม่อยู่

ลู่เจาเจาหยิบขนมขัดฟันสองชิ้นออกมาจากในอกเสื้ออย่างตื่นเต้น ท่าทางเหมือนว่ากำลังจะได้ดูละครสนุกๆ ก็ไม่ปาน

ในกระเป๋าของนางตอนนี้มีสมบัติมากมายซ่อนเอาไว้อยู่ และไม่อนุญาตให้สาวใช้มอง

สวี่ซื่อได้ยินเสียงก็สะอึกไปเล็กน้อย เจาเจาของนางช่างเป็นเด็กที่กระตือรือร้นเสียจริง

ลู่หว่านอี้เพิ่งจะเข้าประตูมา เมื่อเห็นนายหญิงใหญ่ก็ร้องไห้เสียงดังออกมา

“ท่านแม่!” ลู่หว่านอี้ร้องไห้สะอื้นอยู่ในใจและคุกเข่าลงตรงหน้านายหญิงใหญ่

นายหญิงใหญ่ตกใจอย่างมาก “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

นายหญิงใหญ่เอ็นดูลูกสาวอย่างมากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ในเวลานี้พอเห็นนางเข้าประตูมาก็ร้องไห้ หัวใจจึงแตกสลาย

ลู่หว่านอี้ร้องไห้จนดวงตาบวมแดง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นรอยตบขนาดใหญ่บนใบหน้าของนาง

นางคร่ำครวญด้วยความตกใจ “เป็นใคร?! มันเป็นใคร?! ถึงกล้าทำร้ายเจ้าเช่นนี้ได้?” นายหญิงใหญ่กรีดร้องเสียงแหลมด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

ความโกรธยังไม่ทันได้จางหาย ในเวลานี้กลับทำให้ถูกโกรธขึ้นมาอีกครั้ง

นางไม่เคยสังเกตเลยว่า หลายครั้งที่โกรธขึ้นมา เท้าและมือของตัวเองจะมีอาการชาและสั่นเทาเบา ๆ

ในอดีตสวี่ซื่อรู้สึกเป็นห่วงนาง กลัวว่านางจะลมจับจึงมักจะใส่ใจดูแลอารมณ์ของนาง

แต่ในเวลานี้เมื่อนางเห็นเช่นนี้กลับยิ้มตื้น ๆ ออกมา

ลู่หว่านอี้ทำสีหน้าเศร้าโศก “เป็นกู้หลิง เป็นกู้หลิงเจ้าค่ะ!”

“เขาโกหกข้า เขาแกล้งทำเป็นสุภาพบุรุษ แต่แท้จริงแล้วกลับ...กลายเป็นคนบ้าคนหนึ่ง!” ลู่หว่านอี้เกือบจะสิ้นหวัง เพราะหลังจากแต่งงานออกไป ตอนที่กู้หลิงโกรธจัด ๆ ก็มักจะตบนางอยู่เสมอ

แต่หลังจากได้สติก็กลับมาคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ เพื่อยอมรับผิด และพยายามอ่อนโยนใส่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์