หลังจากกลับมาที่เมืองS เดิมทีสาริศากังวลว่าการจากไปโดยไม่บอกลาของเธอตอนที่อยู่ที่เมืองQ จะทำให้ธีภพต้องลำบากใจ แต่ในครั้งนี้ผู้ชายคนนี้กลับไม่โต้เถียงเธออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่นานก็จะถึงวันหยุดสุดสัปดาห์
เช้าตรู่ของวันนี้ สาริศาเปลี่ยนใส่ชุดเดรสสีไวน์แดงที่ธนพัตเตรียมไว้ให้ พร้อมกับสร้อยคอเพชร และรองเท้าส้นสูงผูกโบ ก่อนจะเดินลงบันไดช้าๆ
ธนพัตยืนรออยู่ข้างล่างแล้ว พอได้ยินเสียงเดิน จึงเงยหน้าขึ้นมองไปทางเสียง แต่ตอนที่เห็นสาริศาที่อยู่บนบันได เขาก็อดที่จะตกตะลึงไปไม่ได้
เขารู้มาโดยตลอดว่าสาริศานั้นเป็นคนที่สวยมาก แต่เมื่อก่อนสาริศาไม่เคยแต่งหน้าหรือแต่งตัวโดดเด่นมากเกิน บางครั้งถึงกับจงใจปกปิดความสวยของตัวเอง ดังนั้นความสวยนั้น จึงดูเรียบง่าย ธรรมชาติ
แต่ในเวลานี้ พอเปลี่ยนใส่ชุดกระโปรงยาวที่ตนเองเลือกให้เธอ แล้วแต่งหน้าบางๆ ทำให้เธอเหมือนเพชรที่ผ่านการเจียระไนเรียบร้อย โดดเด่นเป็นประกายจนทำให้คนอื่นไม่อาจละสายตาจากเธอได้
สาริศาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าธนพัต พอเห็นว่าเขาเอาแต่มองเธอแต่ไม่ได้พูด ทำให้เธอทำตัวไม่ถูกไปเล็กน้อย เธอยื่นมือขึ้นมาลูบผม “ทำไมเหรอคะ? มันดูแปลกมากใช่ไหม?”
เธอไม่เคยใส่ชุดสไตล์นี้มาก่อน โดยเฉพาะเมื่อตะกี้เธอแอบค้นหาดูในอินเทอร์เน็ต รู้ว่าราคาของชุดนี้แพงจนน่ากลัว
“ไม่ครับ” ในที่สุดธนพัตก็ได้สติกลับมา “คุณสวยมาก”
ธนพัตกล่าวชมโดยไม่เกี่ยงงอน ยิ่งโดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นภรรยาของตนเอง
สาริศาอดที่จะชะงักไปเล็กน้อยไม่ได้
ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่ธนพัตกล่าวชมเธอ?
“ไปกันเถอะ” ธนพัตไม่พูดอะไรมาก ก่อนจะรีบขยับล้อรถเข็น แล้วทั้งสองก็ขึ้นรถไปพร้อมกัน
การนัดทานอาหารเย็นกับครอบครัวของธนพัตในครั้งนี้ จัดขึ้นที่ร้านอาหารส่วนตัวที่มีราคาแพงในเมือง S
เมื่อรถหยุดจอดในร้านอาหาร สาริศาก็จับมือของธนพัตเดินลงจากรถ แล้วนั่งลิฟต์ขึ้นไปชั้นบน ภายในลิฟต์ จู่ๆ สาริศาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา จึงแอบถามเบา ๆ “คุณธนพัต ครอบครัวของคุณ จะเข้าหายากไหมคะ?”
“ไม่ยาก” ธนพัตพูดเสียงเรียบ แต่หลังจากเงียบไปสักพัก เขาก็พูดเสริมขึ้นมาว่า “แต่ว่า คุณเตรียมใจไว้ด้วยก็ดี”
สาริศาชะงักไปสักพัก ยังไม่ทันได้ถามว่า “เตรียมใจยังไง” ประตูลิฟต์ก็เปิดออกแล้ว รถเข็นของธนพัตนำออกไปก่อน
สาริศารีบเดินตามไป ไม่นานทั้งสองคนก็เดินมาถึงตรงหน้าห้องอาหารที่ใหญ่ที่สุดตรงสุดทางเดิน
พอเปิดประตูเข้าไป สาริศาก็เห็นเพียงชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องอาหาร ดูไปแล้วคงจะเป็นปู่ของธนพัต
สาริศารีบยิ้มออกมาอย่างมีมารยาท แล้วเดินไปทักทายอย่างสุภาพ แต่ตอนที่เธอเห็นใบหน้าของชายชรา เธอก็หน้าซีดและหยุดเดินในทันที
จึงเห็นชายชราตรงหน้า ถึงแม้ว่าจะอายุมากแล้ว แต่แผ่นหลังของเขาก็ยังยืดตรง และใบหน้าที่มีรอยย่นของเขาก็ยังคงคมเข้ม ยิ่งตอนที่เห็นดวงตาของเขาที่คมกริบราวกับเหยี่ยว ท่าทางเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม
นี่เป็นชายชราที่ทำให้คนรู้สึกน่านับถือมาก ดังนั้นแค่พริบตาเดียว สาริศาก็นึกขึ้นได้ ใบหน้านี้เธอเคยเห็นในนิตยสารและในข่าวบ่อยๆ
ท่านประเสริฐ ผู้นำของตระกูลอันดับหนึ่งอย่างตระกูลกีรติเมธานนท์ในเมือง S
สาริศาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง
หลานชายใกล้จะมาถึงแล้ว?
ประโยคนี้ทำให้ใบหน้าของสาริศาซีดเผือดมากขึ้นทันที
“ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่ต้องแล้วจริงๆ ฉันรู้สึกไม่สบายมากจริงๆ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน แล้วก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว “คือว่า คุณปู่คะ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ จู่ๆ หนูก็รู้สึกเวียนหัวและคลื่นไส้ขึ้นมา หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ คราวหน้าหนูจะมาเยี่ยมเยียนคุณปู่ และทดแทนความผิดในครั้งนี้อีกทีนะคะ”
ในขณะที่พูด เธอไม่กล้าที่จะมองไปที่ธนพัตกับท่านประเสริฐเลย ก่อนจะรีบหันหลังออกจากห้องอาหารไปทันที หรือจะเรียกได้ว่ารีบวิ่งหนีไปอย่างรีบร้อนก็ว่าได้
หลังจากการจากไปของสาริศา ท่านประเสริฐที่อยู่ในห้องอาหารก็หัวเราะเยาะขึ้นมา “ผู้หญิงที่แกเลือกมาอย่างดิบดี คือผู้หญิงที่ไม่มีมารยาทคนนี้น่ะเหรอ?”
สายตาของธนพัตเหลือบมองไปที่ท่านประเสริฐ “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่เร่งเร้า ผมคงไม่รีบร้อนหาคู่”
“นี่แก!” ท่านประเสริฐถูกทำให้โมโหจึงจ้องเขม็งใส่ทันที
เขาคิดไปคิดมาหลานชายคนเล็กที่ตามใจตนเองมากที่สุด แต่ดันเป็นเพราะว่า อุบัติเหตุเมื่อสิบปีที่ก่อน ทำให้อารมณ์ของเขาเริ่มยากที่จะคาดเดา ทำให้เขาที่เป็นปู่ยังทำอะไรกับเขาไม่ได้!
ธนพัตไม่สนใจท่านประเสริฐ เพียงแต่หันล้อรถเข็น แล้วเตรียมจะจากไป
“แกจะไปไหน!”
“ผมไม่มีอารมณ์จะกินอะไรแล้วครับ” ธนพัตเลื่อนล้อรถเข็นของเขาออกไป โดยไม่หันกลับมามอง “คุณปู่ก็กินข้าวกับพวกพี่ชายไปเถอะครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...