“พี่ธัส เงินก้อนนี้ผมขอเอาด้วยได้มั้ย?” มาวินยกมือขึ้นมาอย่างเห็นแก่เงิน ใบหน้าอายุยังน้อยมองดูมีความหดหู่อยู่เล็กน้อย
เขาแอบหนีมารดามาเข้าสนธิไชยกรุ๊ป แต่ต่อมามารดาก็รู้เรื่อง จึงตัดเงินค่าขนมของเขาด้วยความโกรธทันที
“ถ้านายไม่ใช่น้องชายฉัน ตอนนี้นายก็คงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว” เวธัสเหล่ตามองเขาอย่างเย็นชา ดูถูกอย่างเต็มพิกัดอย่างชัดเจน
มาวินเสียวสันหลังวาบ
เวธัสในลักษณะแบบนี้ เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
อย่างน้อยต่อหน้าเขา เวธัสก็ไม่เคยใช้สายตาคนแปลกหน้าจ้องมองเขา...
“พี่ธัส ผมกับณิชาโดนคนหมายหัวจริงๆ ตอนนั้นผมก็แค่เรียกเพื่อนของผมไม่กี่คน เพื่อวางแผนจะจับตัวเธอเพื่อทำให้เธอตกใจ ดูว่าเธอจะทรยศต่อพี่เพราะว่าเงินหรือโดนถูกข่มขู่อื่นๆ หรือเปล่า ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดมีกลุ่มโจรอยู่เบื้องหลังขึ้นมาจริงๆ!”
“ฉันดูแค่ผลลัพธ์เท่านั้น!” เวธัสพูดตัดบทคำพูดของเขาอย่างเย็นชา ไร้ความอบอุ่นใดๆ
มาวินไม่กล้ามองเวธัส ได้แต่ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกหดหู่หัวใจ ราวกับเด็กน้อยที่ถูกทำโทษเพราะไปทำผิดอะไรมา
“ขอโทษครับ” คำขอโทษที่จริงใจของวัยรุ่น
แต่ในเวลานี้ บริเวณไกลๆ โดยมีหมอกจากแสงจันทร์ในยามวิกาลปกคลุมอีกชั้น มาวินเหมือนจะเห็นเงาผู้หญิงรูปร่างอรชรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของด้านหน้ากำลังเดินมาหา
หญิงสาวใส่ชุดที่บางมาก ลมหนาวก็พัดตึง เธอคอยถูแขนเพื่อให้เกิดความอุ่นอยู่ตลอด ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย...
“พี่ธัสมาดูเร็ว...” เขาตกใจพร้อมทั้งชี้ไปยังทุ่งหน้าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
เวธัสมองตามทิศทางนิ้วของเขาชี้ไป
เงาอรชรอ่อนระโหยโรยแรงนั่นค่อยๆ เดินออกมาจากความมืดมิด แก้มซีดเผือดเมื่อกระทบกับไฟหน้ารถ
เงาถูกไฟส่องจนลาวยาว ไม่รู้ว่าผ่านอะไรมาบ้าง ดูเหมือนร่างกายตุปัดตุเป๋ คล้ายว่าลำบากตรากตรำมาก
ณิชานั่นเอง
เป็นณิชาจริงๆ
เวธัสมองแวบเดียวก็สังเกตเห็นใต้ฝ่าเท้าของเธอ เพราะไม่ได้ใส่รองเท้า แถมที่นี่ยังเป็นถิ่นทุรกันดาร บนพื้นมีแต่เศษหินกรวด หนามแหลมคมและพวกหญ้าเจ้าชู้นับไม่ถ้วน เธอเดินมาตลอดทาง จนฝ่าเท้ามีรอยแผลนับไม่ถ้วนอยู่ก่อนแล้ว...
มือที่อยู่ข้างขาของเวธัสค่อยๆ กำหมัดแน่นขึ้นเรื่อย จนหลังฝ่ามือมีเส้นเลือดปูดขึ้นมา...
ณิชาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองเดินมานานขนาดไหนแล้ว น่าจะเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว
ท้องฟ้ามืดครึ้มในคืนเดือนมืด ตอนแรกแสงจันทร์ก็สว่างไม่เพียงพอ เธอทำได้แต่ควานหาในความมืด ค่อยๆ เดินไปทางด้านหน้าทีละนิด
ต่อมามองเห็นว่าที่นี่มีแสงสว่างอยู่รางๆ เธอจึงคิดจะมาอาศัยรถก็ดีแล้ว ดังนั้นจึงฝืนกำลังมายังปากทางของทางด่วน กลับไม่คาดคิดเลยว่าจะพบเจอกับกลุ่มของเวธัสที่นี่
“คุณเวธัส?” เธอเรียกเสียงทุ้มต่ำ พร้อมทั้งมองมาทางเขา
แสงไฟหน้ารถที่มีหมอกจัดบดบังทัศนวิสัยน์เหล่านั้นกระทบลงใบหน้าหล่อของเขา จนทำให้ใบหน้าของเขาชัดเจนมากขึ้น
ในที่สุดณิชาก็มั่นใจได้ว่าตนเองไม่ได้เกิดจินตนาการภาพหลอน
เธอเร่งเท้าวิ่งเหยาะๆ มาหาเวธัส แต่วิ่งเร็วเกินเหตุ จึงไม่ได้สังเกตเห็นหินกรวดก้อนหนึ่งที่อยู่ที่พื้น จนไม่ทันระวังฝ่าเท้าลื่น จนร่างกายล้มคะมำไปทางด้านหน้า
เขาอ้าแขนออกตามสัญชาตญาณ ซึ่งเป็นกิริยาท่าทางที่ไม่น่าดูที่สุดตอนจะล้มลงที่พื้น...
แต่ในช่วงเวลาพริบตานั้น เงาร่างกายของเวธัสส่ายเล็กน้อย และยืนมั่นคงอยู่ด้านหน้าของเธอ พลันดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดของจนเอง
หลังจากหายจากอาการตกใจจนสงบลงแล้ว หัวใจของเธอก็ยังเต้นไม่เป็นจังหวะ
พลันแหงนใบหน้าเล็กๆ เพื่อชะเง้อมองใบหน้าอันเย็นชาของเขา...
แววตามีความซาบซึ้ง และมีความวิตกกังวลจนเสียงสั่นเล็กน้อย
“คุณ...คุณตั้งใจมาช่วยฉันโดยเฉพาะเลยใช่มั้ยคะ?”
ไม่ว่าจะเวลาไหน ไม่ว่าจะดึกดื่นขนาดไหน ราวกับเธอพบเจออันตราย เขาก็จะเป็นคนปรากฏอยู่ข้างกายและคอยเป็นห่วงเป็นใยเธอเป็นคนแรกอยู่เสมอ
ถ้าพูดว่าไม่รู้สึกซาบซึ้ง นั่นก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
“มาวินล่ะคะ เขายังสบายดีใช่มั้ย?” ณิชาไม่เห็นมาวิน จึงถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
วินาทีที่มาวินเห็นเวธัสอุ้มณิชาเข้าสู่อ้อมกอดนั้นก็แอบขึ้นรถของโทนี่แทน ย่อมไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าณิชาในเวลานี้
เวธัสเม้มริมฝีปากไว้แน่น แต่ไม่ได้ตอบกลับเธอ ราวกับยังโกรธเธออยู่
นิต้ายิ้มจางๆ ให้ณิชาเพื่อเป็นการขอโทษ “เจ้าวินเขาน่าจะรู้สึกสู้หน้าไม่ได้ ดังนั้นเลยไปขึ้นรถอีกคันแล้วแหละ”
“จริงๆ แล้วด้วยสถานการณ์ในตอนนั้น มีคนรอดหนึ่งคนจากสองคนก็ถือว่าเป็นวิธีเลือกที่ดีที่สุด เขาไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดกับฉันหรอกค่ะ” แพขนตายาวของณิชาสั่นเล็กน้อย พยายามเพิกเฉยต่อความรู้สึกหวาดกลัวกับการโดนคนพวกนั้นปิดล้อม “อีกอย่างถ้าไม่ใช่เขา พวกคุณก็คงหาตัวฉันไม่พบได้ทันท่วงทีขนาดนี้ค่ะ...”
“บนตัวคุณมีตรงไหนได้รับบาดเจ็บมั้ย ต้องไปโรงพยาบาลมั้ยครับ?”
เวธัสที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งคนขับ พอได้ยินประโยคนี้ พลันใช้สายตาประเมินณิชาทันที
พอรู้สึกว่าสายตาของทุกคนต่างมากระจุกอยู่ที่ตัวของตนเอง ณิชาพลันตอบกลับทันควัน “ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกแก๊งฮาเล่ย์นั้นไม่ได้ทำอะไรฉัน มีแค่แผลถลอกที่เท้านิดหน่อย เดี๋ยวกลับบ้านไปค่อยทายาก็หายแล้วค่ะ...”
“จริงเหรอ?” นิต้าเริ่มสงสัยเล็กน้อย “ฉันได้ยินวินพูด พวกมันน่าจะพุ่งเป้ามาที่โครงการเมืองในเมืองของบริษัท พอไม่ได้เอกสารไป ทำไมถึงปล่อยคุณกลับมาล่ะ?”
สีหน้าณิชาแข็งทื่อทันที
สายตาของเวธัสก็เปลี่ยนเป็นดำดิ่งลง บรรยากาศเริ่มเงียบงัน ราวกับอยู่ในจุดเยือกแข็ง
ปัญหานี้ความจริงณิชาเองก็คิดอยู่เหมือนกัน
แต่เธอก็ไม่มีคำตอบ
ในเวลานั้นผู้ชายคนนั้นพูดว่าเธอไร้ประโยชน์ เธอก็นึกว่าพวกเขาจะ “ตัดตอน” เธอทิ้งเสียแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าท้ายที่สุดกลับไม่ได้พูดว่าอะไร และปล่อยเธอออกมาทันที
“ตอนนั้นตอนที่พวกเขาถามฉัน ฉันก็เน้นย้ำอยู่ตลอดว่าฉันไม่รู้เรื่อง พวกเขาเอามีดมาข่มขู่ฉัน ฉันก็ไม่ได้พูด ดังนั้น ...หรือว่าพวกเขาเชื่อในคำพูดของฉัน หรือรู้สึกว่า คนที่ควรจับมาน่าจะเป็นมาวิน หรือกลัวว่าจะไปแกว่งเท้าหาเสี้ยนคนจนกลัวถูกฟ้อง...”
นิต้าฝืนคลี่ยิ้มมุมปาก พลันสบตาเวธัสที่กำลังนั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับรถ แต่ไม่มีใครพูดว่าอะไร
คำตอบนี้ฟังดูแล้ว.... ช่างไร้สาระจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊
ตอน571-670หายไปไหนคะ ต้องทำไงถึงจะอ่านตอนที่ขาดไปได้...