“จริงเหรอ?”ดวงตาสีเข้มของเจนนี่สว่างวาบขึ้นมาราวกับได้รับกระแสไฟฟ้า
ยืดคอขึ้น รอดูรูปภาพ
สายตาของชาลีละออกมาจากคอที่ขาวของเธอ หยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างใจเย็น กดเข้าไปในอัลบั้ม จากนั้นก็เลือกสกรีนแคสตี้ส่งขึ้นหน้าจอ
จู่ๆบนจอภาพผลึกเหลวในห้องนั่งเล่นก็มีภาพของกำไลหงส์ปรากฏขึ้นมา
ไม่รอให้ชาลีพูดแนะนำให้กับทั้งสองคน จู่ๆรูม่านตาของณิชาก็หดลงทันที จ้องมองรูปภาพเซ็ตนี้ “คุณชาลี คุณบอกว่ากำไลวงนี้เป็นกำไลที่เป็นมรดกตกทอดต่อกันมาของตระกูลรุ่งโรจน์ของพวกคุณ?”
“ใช่ สืบทอดไปให้กลับลูกสาวคนโตของเชื้อสายตรง แต่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนอาหญิงเล็กกับคุณย่าตัดขาดความสัมพันธ์กัน เอากำไลวงนี้ไปด้วย มันก็เลยสูญหายไปตั้งแต่ตอนนั้น”
ชาลีเห็นว่าการตอบสนองของณิชาไม่ถูกต้อง“คุณเคยเห็นมันเหรอ?”
“สมัยก่อนแม่ของฉันแขวนรูปของครอบครัวรูปหนึ่งไว้ในห้องนอน ข้างในรูปมีกำไลข้อมือหนึ่งวงมันเหมือนกับวงนี้มาก แต่ฉันไม่มั่นใจว่ามันเป็นอันเดียวกันหรือเปล่า”
รูปครอบครัวรูปนั้นแขวนอยู่ในห้องนอนของสิดามานานหลายปีมากแล้ว แม้ว่าปกติแล้วเธอจะไปทำความสะอาดอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยมองดูมันอย่างละเอียดเลย
แต่ตอนที่เห็นรูปที่ชาลีเปิดออกมานี้ ในตอนแรกก็ทำให้คิดถึงกำไลวงนั้นขึ้นมาทันที
มันเหมือนกันจริงๆ……
กำไลวงนี้มันเกี่ยวข้องกับกานต์รวี ชาลีขมวดคิ้วอย่างแรงทันที น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความสงสัยอยู่ไม่น้อย“รูปครอบครัวนั้นอยู่ที่ไหน? รีบไปเอามาให้ผมดูเร็วเข้า”
“ได้”
ชาลีสั่งให้คนขับรถไปเตรียมรถมา กะที่จะไปหารูปครอบครัวรูปนั้น
เจนนี่ก็จะตามไปด้วย
แต่เมื่อคืนเธอจัดหนักจัดเต็มไปหน่อย รู้สึกเวียนหัว เพิ่งจะยืนขึ้นมาเดินไปได้ไม่ถึงสองก้าว ร่างกายก็ล้มลงไปข้างหน้าอย่างอ่อนล้า
หัวเข่าไม่ทันได้ระวังเผลอไปชนเข้ากับขาโต๊ะกาแฟ……
เธอเจ็บจนร้องครวญครางออกมา ยืนยกขาข้างเดียวกระโดดอยู่กับที่
ชาลีเห็นท่าทางที่สะเพร่าของเธอ“ทำเอาท่าไหน?”
“ไม่มีอะไร แค่ชนนิดหน่อย พวกเราไปดูรูปครอบครัวกันก่อนเถอะ”เจนนี่ค้ำโต๊ะกาแฟยืนขึ้นมา สะบัดขาขวา แววตาสว่างวูบวาบ ทำไมเธอถึงได้กลิ่นตุๆของแผนการร้ายกันนะ?
ก้อยนั่น เธอรู้สึกขัดหูขัดตามานานแล้ว!
รีบไปกระชากหน้ากากจอมปลอมของเธอออกมาเถอะ……
“เอาหน่า รูปครอบครัวมันไม่หนีไปไหนหรอก คุณหยุดเตลิดไปมาได้แล้ว ถ้าเกิดเป็นง่อยขึ้นมาจะดูไม่ดีเอานะ”ชาลีพอเห็นว่าเธอยังจะวิ่งตามออกมาข้างนอก ก็เดินตรงเข้าไปสองสามก้าว โอบเอวอุ้มเธอขึ้นมาทันที
“หืม……คุณทำอะไร?”สองเข่าของเจนนี่ถูกเขาอุ้มลอยขึ้นจากพื้น ร่างกายงออยู่ในอ้อมกอดของเขา
มองจากมุมมองของเธอ สามารถเห็นเส้นกรามที่แสนหล่อเหล่าดูดีของผู้ชายคนนี้ได้พอดี รับกับแสง บวกเข้ากับสองตาเรียวยาวดั่งลูกท้อคู่นั้น ทำให้ใจของเธอเต้นรัวอยู่หลายที
เมื่อคืนเหมือนกับว่า……เธอยังคงเพลิดเพลินไปกับมันอยู่
ในใจรู้สึกกระสับกระส่าย เธอรีบหยุดความคิดของเธอลงทันที
ชาลีมองค้อนใส่เธอ“คุณช่วยอยู่นิ่งๆอย่ากระโดดโลดเต้นไปไหนสักที เดิมทีก็ไม่ได้สวยอยู่แล้ว ถ้าล้มแล้วหน้าแหกอีก อย่าหวังว่าผมจะพาคุณไปศัลยกรรม”
“ฉันคนนี้งดงามมาตั้งแต่เกิด คุณอย่ามาว่าฉันนะ คุณต่างหากล่ะที่หน้าแหก”เจนนี่มุดอยู่ในอ้อมกอดของเขา ลูบคลำใบหน้า เธอเป็นศิลปินหญิง ต้องใช้ใบหน้าหากิน
พวกใช้ความสามารถอะไรนั่น ในวงการบันเทิง ใบหน้าก็คงจะไม่สวยโดดเด่นพอแน่ๆ
ชาลีโยนเธอกลับลงไปบนโซฟา ทำให้เธอไม่เตลิดวุ่นวายไปไหน ก่อนจะยกสองเข่าของเธอขึ้น เห็นรอยฟกช้ำเล็กน้อยที่ใต้เข่าของเธอสะดุดตาสุดๆ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าสาหัสรุนแรงอะไร
“ผมอยากรู้จริงๆขนาดเดินยังล้มได้ หลายปีที่ผ่านมาคุณใช้ชีวิตผ่านมายังไง?”
“ก็เอานิ้วขึ้นมานับไง!”เจนนี่พูดขึ้นอย่างยโสโอหัง
ชาลีไม่มีอารมณ์จะเถียงกับเธอต่อ หันหน้าไปพูดกับณิชา“ผมว่าเมื่อคืนคุณก็น่าจะไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ พวกคุณอย่าเพิ่งไปไหนก่อนดีกว่า เอาที่อยู่กับกุญแจมาให้ผม เดี๋ยวผมไปหาเอง”
ก้มลงอุ้มเจ้าก้อนแป้งนุ่มขึ้นมา จุ๊บไปยาวๆหนึ่งฟอด
ปัณณ์เช็ดน้ำลายออกด้วยความรังเกียจ ไม่แยแสสนใจ“หม่ามี๊เจนนี่ แล้วหม่ามี๊ล่ะ?”
“เธอกำลังพักผ่อนอยู่ข้างบน”
เจนนี่มองผู้ชายสูงใหญ่ที่ตามอยู่ข้างหลังของปัณณ์อย่างระแวดระวัง ในมือของเขาถือกระเป๋าเดินทางไซส์เล็กมาด้วยหนึ่งใบ เขาคงไม่ได้กะที่จะมาอยู่ที่นี่หรอกใช่ไหม?
ไม่ได้นะ ถ้าเกิดถูกท่านประเสริฐพบเข้า จะต้องไปทำร้ายลุงสุขุมแน่ๆ……
ณิชาจะต้องโทษตัวเองแน่ๆ!
“คุณเวธัส!ครั้งที่แล้วณิชาก็พูดกับคุณไว้ชัดเจนแล้ว ว่าอย่ามารบกวนเธอ ให้พื้นที่กับเธอสักหน่อยได้ไหม? ถ้าคุณยังเข้าไปใกล้เธออีก เธอจะถูกคุณบีบบังคับจนเป็นบ้าไปแน่ๆ!”เจนนี่พูดเน้นย้ำขึ้นอย่างเข้มงวดจริงจัง เชิดหน้าขึ้นตรง
เวธัสกำด้ามจับของกระเป๋าแน่นขึ้น“คุณรู้ไหมว่าทำไมเธอถึงจากผมมา?”
เจนนี่ปิดปากเอาไว้ทันที ส่ายหัวไม่หยุด“ไม่รู้”
“คุณอ้างว่าเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอ ตอนนี้จู่ๆเธอมาบอกเลิกกับผม ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานภายในจิตใจของเธอ คุณจะเมินเฉยไม่แยแสสนใจได้เหรอ? นี่สินะที่คุณเรียกว่าเพื่อนสนิท?”เวธัสจ้องมองเจนนี่ น้ำเสียงเยือกเย็น
เจนนี่ปล่อยมือออกไม่ปิดบังอีกแล้ว
“ใช่ ฉันรู้ว่าทำไมเธอถึงจากคุณมา แต่คุณก็ไม่ต้องมายุแหย่ฉัน ฉันไม่มีทางบอกคุณแน่นอน นี่มันเป็นเรื่องของเธอ นอกจากว่าเธอจะยอมบอกคุณกับปากของเธอเอง ไม่อย่างนั้นฉันก็จะไม่มีทางเอาเธอมาขายเด็ดขาด”
เธอไม่ฉลาดอันนี้เธอไม่เถียง แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีสมองสักหน่อย
ถ้าเป็นการทะเลาะวิวาทอย่างอื่น เธออาจจะกล้าที่จะพูดเตือนลองเชิงเวธัสไปสักสองสามประโยค
แต่ตอนนี้ปัญหาคือ ถ้าเกิดเธอพูดอธิบายไป เวธัสกับท่านประเสริฐจะกลายเป็นปฏิปักษ์กัน ชีวิตของลุงสุขุมก็จะตกอยู่ในอันตราย……
เวธัสยิ้มอย่างเย้ยหยัน“คุณนึกว่านี่เป็นทางเลือกที่เคารพเธอแล้วอย่างนั้นเหรอ? นี่มันกลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดทรมานมากขึ้นด้วยซ้ำ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊
ตอน571-670หายไปไหนคะ ต้องทำไงถึงจะอ่านตอนที่ขาดไปได้...