กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 466

เหอะ ทีตอนนี้มาพูดจาอ่อนหวานขึ้นมาเลย? เวธัสแอบสบถออกมาอย่างเย้ยหยันอยู่ภายในใจ

ลากเธอเข้ามาในลิฟต์ เวธัสพลิกมือกดเธอไว้กับผนังลิฟต์

หนึ่งมือค้ำเอาไว้บนผนัง หน้าอกที่แข็งแรงกำยำกดลงบนหน้าอกของเธอ ต้อนเธอเข้ามุม ลมหายใจของเขาเยือกเย็นเป็นพิเศษ

“ผมว่าพอคุณกลับไปที่ตระกูลรุ่งโรจน์ก็ลืมผมจนสนิทแล้วมากกว่า!ผมให้คุณโทรศัพท์มาหาผม หาโอกาสมาเจอกับผม แต่คุณกลับกล้าวิ่งแจ้นออกมานัดบอดเนี่ยนะ? เห็นผมที่เป็นสามีตามกฎหมายเป็นคนตายไปแล้วใช่ไหม?”

“เปล่านะๆ”มือเล็กๆของณิชาลูบไล้ตรงหน้าอกของเขาอย่างละมุนละไม ราวกับกำลังเกลี้ยกล่อมสิงโตที่ดุร้ายเกรี้ยวกราดอยู่“ยายส่งคนให้มาจับตาดูฉัน ฉันไม่มีโอกาสออกไปหาคุณจริงๆนะ……”

“แต่มานัดบอดคือมีโอกาสใช่ไหม?”

“ตอนแรกฉันกะที่จะนัดบอดเสร็จแล้วก็จะไปนัดเจอกับคุณ”ณิชายื่นมือออกมาสามนิ้วสาบาน แววตาใสแป๋วจ้องไปที่เขาด้วยความคับข้องใจ

ผิวขาวดุจหิมะ หน้าตาดุจภาพวาด ตอนที่ริมฝีปากสีชมพูเปิดปิดอย่างไม่หยุดไม่หย่อนนั้น มันทำให้ไฟโกรธแค้นนั้นของเขากลายเป็นไฟที่ลุกโชนขึ้นมาทันที

เขาอยากจะจูบเธอ ใช้ลิ้นตวัดไปตามรูปฟันของเธอ……

อยากจะกลบลมหายใจของไอ้ผู้ชายคนเมื่อตะกี้นี้ไปให้หมดซะ แล้วเหลือแต่กลิ่นอายของเขาแค่คนเดียวเท่านั้น!

เวธัสกระชากเนคไทออกด้วยความหงุดหงิด รู้สึกปากแห้ง แต่ในขณะนี้เอง ลิฟต์ก็เคลื่อนลงหนึ่งชั้น มาถึงชั้นสี่พอดี

ตรงประตู หลังจากที่ภูมิภัทรกับแชมป์ทางอาหารเสร็จแล้ว กำลังพูดคุยสัพเพเหระกัน เพื่อรอลิฟต์ลงไปชั้นล่าง

แต่เสียง“ติ๊ง”ดังขึ้น ประตูเปิดออก……

ภูมิภัทรกับแชมป์อึ้งตะลึงไป

เห็นเวธัสกำลังต้อนหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามุมผนังด้วยความเกรี้ยวกราด รูปร่างที่สูงใหญ่ของเขาปกคลุมหญิงสาวจนมิด แขนข้างหนึ่งอยู่ตรงด้านข้างของศีรษะหญิงสาว บดบังสายตาของภูมิภัทรกับแชมป์พอดี

มองใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นไม่ชัด แต่หน้าด้านข้างของเวธัสเปิดเผยออกมาโดยสมบูรณ์

มีแสงสาดส่องลอดประตูลิฟต์เข้ามา หางตาของณิชาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายสวมใส่ชุดสูทสองคนที่ยืนอยู่ตรงประตู รู้สึกว่าน่าอับอายมากๆ กดหน้าไปข้างหน้าซบลงที่หน้าอกของเวธัสทันที

สองมือกอดเอวของเขาไว้แน่นไม่ห่างไปไหน

เวธัสตัวแข็งทื่อเล็กน้อย ปลายจมูกจรดบนเส้นผมของเธอ สูดกลิ่นหอมจางๆกลิ่นนั้น เขาชำเลืองมองภูมิภัทรกับแชมป์ตรงประตูด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ใด ปิดประตูลิฟต์ไปอย่างนิ่งเฉย แล้วกดขึ้นไปชั้นสูงสุดทันที

เปลวไฟเมื่อตะกี้ของเขาถูกเธอทำให้ลุกโชนขึ้นมา……

เวธัสไม่มีสีหน้าอารมณ์อะไรมากมาย ลากณิขาไปยังห้องของโรงแรมทันที ล็อคประตู เขาวางเธอลงบนเตียงที่นุ่มนวล

เธอยังจดจำการเต้นของหัวใจของเขาได้ดี

เขาก้มตัวลงจูบที่ริมฝีปากของเธอ เริ่มแนบแน่นเข้าไปมากขึ้น ณิชารู้สึกจิตใจสับสนวุ่นวาย คล้องคอของเขาเอาไว้ มืออีกข้างจับเสื้อของเขาไว้แน่น เหมือนกับกำลังจะผลักเขาออกไป แต่ก็เหมือนจะดึงเขาเข้ามาใกล้เหมือนกัน

ตอนที่บรรยากาศในห้องเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ……

ก๊อกๆๆ

จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ราวกับเสียงฟ้าร้องสามครั้งดังขัดจังหวะพฤติกรรมที่คลุมเครือของพวกเขาทั้งสอง

เวธัสไม่สนใจ นิ้วมือยกคอเสื้อเธอขึ้นมา จูบอย่างดูดดื่มต่อ แต่เสียงเคาะข้างนอกประตูกลับดังขึ้นอย่างไม่หยุดไม่หย่อน ราวกับว่าตราบใดที่พวกเขาทั้งสองคนไม่เปิดประตู เสียงเคาะประตูก็จะไม่หยุดไปอย่างไรอย่างนั้น

ณิชาผละตัวออกมาจากเวธัสอย่างไม่เต็มใจ ระหว่างริมฝีปากกับฟันยังคงมีเส้นสีเงินเกี่ยวพันเอาไว้อยู่“มีคนเคาะประตู คุณไปดูหน่อยสิ”

“……”เวธัสหายใจไม่สม่ำเสมอ จ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง

ผ่านไปสักพัก สุดท้ายก็ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวของเธอไว้ ลงจากเตียงมาอย่างรวดเร็วฉับไว“จะปล่อยคุณไปชั่วคราวก่อน เดี๋ยวผมจะให้คุณได้ชดใช่ให้กับผมอย่างเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยว!”

น้ำเสียงที่ดุร้ายรุนแรง ทำให้สองเข่าของณิชาสั่นสะดุ้งอย่างอดไม่ได้

คนขับรถดูเหมือนจะตอบสนองออกมานิดหน่อย ในขณะที่คุณย่าศิริจันทร์พูดจบลง เขาก็เผยรอยยิ้มที่อบอุ่นให้กับณิชา

……

เวธัสก็คิดไม่ถึงว่าคุณย่าศิริจันทร์จะคุ้มกันเธอถึงขั้นนี้

ส่งคนขับรถเบื้องหน้าเพื่อมาปกป้องคุ้มกันเธอ แต่ความจริงแล้วเพื่อมาคอยจับตามองเธอต่างหาก

ตอนที่เวธัสไม่ได้โผล่ออกมา เขาก็จะหายไปเช่นกัน แต่ถ้าวันไหนเวธัสปรากฏตัวขึ้นมาใกล้กับณิขาภายในระยะหนึ่งร้อยเมตร คนขับรถก็จะโผล่ออกมาอัตโนมัติ จ้องมองเวธัสด้วยสายตาเฉียบคม

ตอนที่เวธัสโมโหเกรี้ยวกราดเกือบจะให้คนไปตีเขาให้หมดสติแล้วลากตัวไปแล้ว แต่ณิชาห้ามเขาเอาไว้

ต่อให้วันนี้จะตีจนหมดสติไป พรุ่งนี้ยายก็จะส่งคนมามากขึ้นกว่าเดิม

ตอนที่เวธัสทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว ณิชาก็ไม่เข้าใจ มือเท้าแก้ม พูดถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “ในตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกับยายของฉันและปู่ของคุณกันแน่ ยายถึงได้เกลียดตระกูลสนธิไชยขนาดนี้ ตอนนี้มันก็ผ่านมาตั้งสามรุ่นแล้วนะ……”

ความต้องการที่อัดอั้นอยู่ภายในใจของเวธัสไม่สามารถระบายออกมาได้ ใบหน้าที่หล่อเหลายังคงบึ้งตึงอยู่ ก้มหน้าลงเล็กน้อย

ที่คุณย่าคิดอยากที่จะขัดขวางเขากับณิชา สาเหตุใหญ่ที่สุดก็น่าจะเป็นโรคทางพันธุกรรมของตระกูลสนธิไชย เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหา ที่สำคัญที่สุดก็คือเขาจะต้องตรวจสอบให้ได้ว่าคนที่ชนสิดาจนบาดเจ็บในวันนั้นเป็นเขาหรือไม่?

โรคของเขาจะแพร่กระจายจริงๆหรือไม่……

“เมืองพรในตอนนั้นมีห้าตระกูลยักษ์ใหญ่ หนึ่งตระกูลในนั้นก็คือตระกูลปาวกะนันทน์ตระกูลของยายคุณ”

“ยายของคุณหลงรักตาแก่ บวกเข้ากับนิสัยดื้อรั้น ก็เลยไปสร้างความเดือดร้อนเอาไว้ไม่น้อย ตาแก่คิดอยากที่จะกำจัดเธอ ใช้ประโยชน์จากความรักของเธอหลอกลวงตระกูลปาวกะนันทน์ด้วยความโมโห บังเอิญไปข้องเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายของพ่อของยายถูกตัดสินว่ามีความผิด ตระกูลปาวกะนันทน์ก็ใกล้จะล้มละลาย ยายของคุณไปขอให้ตาแก่ช่วยเหลือ แต่กลับแท้งภายในค่ำคืนที่ฝนโหมกระหน่ำ”

“ต่อมายายของคุณก็เอาตระกูลปาวกะนันทน์เข้าไปรวมอยู่ในตระกูลรุ่งโรจน์ กลายเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลรุ่งโรจน์ แวดวงตระกูลชื่อดังของเมืองพรก็ไม่มีตระกูลปาวกะนันทน์อีกต่อไป”

ในความสัมพันธ์ในตอนนั้นยังมีผู้หญิงอีกหนึ่งคน แต่ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะหลอกลวงท่านประเสริฐมาโดยตลอด เวธัสรู้ไม่ค่อยเยอะมาก ก็เลยไม่ได้พูดอะไรอีก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊