กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 539

ชาลีสบถคำหยาบเงียบๆประโยคหนึ่ง คลายมือที่จับข้อมือเธอเอาไว้

เจนนี่รีบวิ่งหัวซุกหัวซุนไปข้างหน้า...

สวมรองเท้าส้นสูงนั้นไม่สะดวก เธอจึงสะบัดรองเท้าออก มือข้างหนึ่งถือรองเท้าข้างหนึ่งเอาไว้ วิ่งโซเซราวกับด้านหลังมีสัตว์ร้ายกำลังตามเธออยู่

ชาลีที่เจ็บอยู่ เลิกแขนเสื้อขึ้น ก็เห็นรอยฟันลึกปรากฏอยู่บนผิวหนังเขาอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ จนถึงขั้นเห็นเลือดแล้ว...

Shit!

เธอเป็นหมารึไง

ชาลีสบถเงียบๆด้วยความโมโห ในตอนที่คิดจะจับเจนนี่กลับมา ก็เห็นเจนนี่เกิดฉลาดขึ้นมาในยามฉุกเฉิน เธอวิ่งไปกลางถนนแล้วหยุดรถเอาไว้คันหนึ่งอย่างไม่สนใจชีวิต

และไม่รู้ว่าทำท่าทำทางอะไรกับคนขับรถที่พูดไปด่าไปอยู่ คนขับรถจึงให้เธอขึ้นรถไป...

“เจนนี่ คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” ชาลีหน้าเขียวปั้ด วิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว

บรื้น...

คนขับรถเหยียบคันเร่ง รถก็จากไปอย่างสง่าผ่าเผย และพ่นควันจากรถยนต์เข้าเต็มหน้าชาลี

“...” ดี ดีมาก

เจนนี่ อย่าให้ผมจับคุณได้นะ!

ชาลีกลับไปนั่งในรถเฟอร์รารี่ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความดุร้าย ด้านหลังมีเสียงบีบแตรดังขึ้นไม่หยุด

รถของเขาไม่ได้จอดอยู่ในตำแหน่งข้างทางมากนัก และกินเลนถนนอยู่บ้าง ดังนั้นจึงมีสายตาดูถูกของคนขับรถที่ผ่านทางไปมองมาไม่หยุด

เมื่อครู่เจนนี่ขึ้นรถไปคนเดียว คนขับรถคนนั้นเป็นคนแบบไหน? ฟ้าก็มืดแล้ว จะไม่เป็นผลดีต่อเธอหรือเปล่า เธอเป็นดาราหญิง ถ้าหากว่าก่อเรื่องอื้อฉาวอะไรขึ้นมา จะต้องถูกสื่อไร้คุณธรรมเอามาสร้างกระแสจนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทการบันเทิงเซ็นจูรี่แน่นอน...

ถูกต้อง ไม่สามารถปล่อยให้เธอวิ่งวุ่นไปทั่วอยู่ข้างนอกคนเดียวได้

สมองของชาลีปรากฏภาพเจนนี่ถูกคนขับรถเลวๆบีบบังคับอัตโนมัติ เขาสตาร์ทรถขับตามรถคันเมื่อครู่นี้ไป

แต่คนขับรถคนนั้นขับรถเร็วมาก ชาลีเพิ่งจะตามไปตอนที่มีระยะห่างช่วงหนึ่งแล้ว ตอนที่ลงจากสะพานรถไฟก็พลัดหลงกันอย่างไม่น่าแปลกใจ

ชาลีโทรศัพท์หาผู้ช่วย “ไปสืบที่อยู่ของรถคันหนึ่งให้ผมหน่อย! ทะเบียนรถคือ...”

...

โรงพยาบาลเอกชน ภายในห้องทำงานหัวหน้าฝ่าย เต็มไปด้วยแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวชั้นหนึ่ง

“คุณ...คุณเวธัส ฉันรับประกันได้เลยว่าสิ่งที่ฉันพูดความเป็นความจริง คุณณิชาไม่รู้อะไรทั้งนั้น การผ่าตัดก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว รายงานผลการรักษาล้วนอยู่ที่นี่ ไม่เชื่อคุณสามารถตรวจสอบด้วยตัวเองได้เลยค่ะ”

คุณหมอหญิงยื่นรายงานกองหนึ่งและใบผ่าตัดไปตรงหน้าเวธัสอย่างสั่นๆ

ก่อนณิชาจะออกจากโรงพยาบาลได้ยื่นคำขาดเอาไว้ว่า ถ้าหากเวธัสรู้ข่าวว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่จากเธอ...

เช่นนั้นทั้งครอบครัวเธอก็อย่าได้คิดจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองพรอีกเลย!

ในเมื่อหักหลังเวธัสไปแล้ว ก็ทำได้เพียงแค่หักหลังต่อไป

เวธัสจ้องมองเอกสารผ่าตัดที่หนาและหนักกองหนึ่งตรงหน้าอย่างเฉยชา ในนั้นยังมีเอกสารยอมรับการทำแท้งที่เขากับณิชาลงนามร่วมกันด้วย

เขาโยนเอกสารเหล่านี้กลับไปตรงหน้าคุณหมอ “ผมเอาเอกสารพวกนี้ไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร ดึงคลิปกล้องวงจรปิดในห้องผ่าตัดออกมา”

“เอ่อ...” คุณหมอพูดไม่ออกทันที

เวธัสลูบปลายนิ้วไปมา แววตาคมปลาบกวาดมองคุณหมอหญิงขึ้นๆลงๆ “อย่าบอกกับผมว่าเทปกล้องวงจรปิดถูกลบไปแล้วล่ะ”

โดยปกติโรงพยาบาลเอกชนจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ในห้องผ่าตัด ด้านหนึ่งก็เพื่อดูแลให้การสนับสนุนคุณหมอ อีกด้านหนึ่งก็สะดวกต่อการที่จะให้สมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยสามารถตรวจดูได้เมื่อมีปัญหา

เพียงแต่การผ่าตัดเช่นการทำแท้งประเภทนี้ค่อนข้างเกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย ดังนั้นจึงระมัดระวังมาก

แต่เวธัสมั่นใจว่าโรงพยาบาลแห่งนี้มีกล้องวงจรปิด

“ไม่ได้ลบทิ้งค่ะ! เพียงแต่ว่าคุณแน่ใจว่าจะดูนะหรอคะ” คุณหมอหญิงปาดเหงื่อด้วยท่าทางขลาดกลัว “เด็กคนนั้นยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง มีเพียงแค่เลือดกองหนึ่ง อีกอย่าง...ในภายหลังก็ถูกจัดการในฐานะที่เป็นของเสียทางการแพทย์แล้วด้วยค่ะ”

นัยน์ตาเย็นชาของเวธัสนิ่ง ลมหายใจชะงักเล็กน้อย

“ผมต้องดู!”

เธอสูดลมหายใจลึก หลายวันมานี้การที่เธอหลบเลี่ยงไม่ยอมพบเขา ทำให้เขาเกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างที่คิดเอาไว้เลย แต่ถ้าพบเขาก็จะเปิดเผยออกมาได้ง่ายๆ ดังนั้นจะเจอหรือไม่เจอล้วนอันตราย...

“แล้วเขาเชื่อมั้ย” ณิชาถามอีก

คุณหมอหญิงย้อนคิดถึงสีหน้าท่าทางของเวธัสที่ดูคลิปวิดีโอตอนนั้นแล้วก็พยักหน้า “น่าจะนับว่าเชื่อแล้วค่ะ โดยเฉพาะตอนที่คุณเวธัสเห็น “เด็ก” ถูกจัดการในฐานะขยะทางการแพทย์ ก็มีอารมณ์เศร้าโศกมาก”

ณิชาสะอื้นในใจ แต่น้ำเสียงกลับเย็นเยียบ “ตอนที่เขาใช้คำโกหกเพื่อทำแท้งลูกของฉัน เคยคิดถึงความรู้สึกของฉันมั้ย ตอนนี้ความเสียใจของเขา เป็นเขาที่หาเรื่องใส่ตัวเอง!”

แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ของคุณหมอ อย่างน้อยก็เป็นการปลอบประโลมเธอเล็กน้อย ทำให้เธอรู้สึกว่า เขาไม่ได้โหดเหี้ยมไร้ความรู้สึกโดยสมบูรณ์

เพียงแต่มันเพราะอะไรกันแน่ ถึงต้องทำแท้งลูกของเธอ

เปรี้ยง!

เดิมท้องฟ้าที่อึมครึมก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นหลายครั้งกะทันหัน ต่อมาฝนก็เทกระหน่ำซ่าๆลงมา

เมื่อกระทบลงบนหน้าต่างก็มีเสียงเปาะแปะๆดังขึ้นมา

ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว

ณิชาได้รับสายโทรศัพท์จากเจนนี่

“ฮัลโหล ณิชา เธอรีบให้คนขับรถมารับฉันหน่อย ฉันหมดหนทางแล้ว...”

……

เมื่อชาลีได้รับตำแหน่งที่ผู้ช่วยส่งมาแล้ว สุดท้ายก็หาเจ้าของรถคันนั้นพบที่เส้นแบ่งเขต...

ฝนตกหนัก ชาลีไม่มีเวลามาสนใจอะไรมาก และขี้เกียจหยิบร่มที่สำรองไว้ใช้ เขาพุ่งตรงไปเคาะหน้าต่างรถทันที

เขาแรงเยอะมาก ผสมกับแรงของฝนที่ตกลงมา ก็เหมือนกับจะทุบกระจกจนแตก

คนขับรถพูดไปด่าไป ขณะที่เลื่อนบานหน้าต่างรถลง...

“มึงเป็นบ้ารึไงวะ กระจกแตกขึ้นมาตอนกลางคืน มึงจะชดใช้รึไง?!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊