กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 540

เพิ่งจะสิ้นเสียง คนขับรถก็ได้รับสายตาเย็นเยียบมองมา

ชาลียืนอยู่ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก เสื้อคลุมตัวนอกบนร่างที่เปียกชุ่มแนบสนิทไปกับผิวหนัง

ทว่าประกายเย็นเยียบในแววตาเขากลับเย็นยะเยือกยิ่งกว่าสายลมในฤดูหนาว

ชาลีถือโอกาสกวาดตามองไปยังเบาะที่นั่งด้านหลัง อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนขับรถลดหน้าต่างรถลง แต่มันว่างเปล่า ไม่มีใครสักคน

“คนที่อยู่ในรถคุณล่ะ” เสียงชาลีที่เอ่ยถามภายใต้สายฝนที่เทกระหน่ำนั้นน่าขนลุกยิ่งกว่าเดิม

คนขับรถถูกท่าทางเช่นนี้ของชาลีทำให้ตกใจสะดุ้ง “ใคร? ในรถผมไม่มีใครนะ…เฮ้ คุณ คุณมีปัญหาอะไรเนี่ย”

“ผมเห็นเธอขึ้นรถของคุณกับตา” น้ำเสียงของชาลีสูงขึ้นทันที คิ้วก็เลิกขึ้นสูงเล็กน้อย “หรือคุณอยากจะไปสถานีตำรวจกับผมล่ะ”

“อ๋อ คุณพูดถึงเด็กสาวคนนั้นหรอ? เธอให้ผมจอดรถตอนที่จากสะพานรถไฟน่ะ” คนขับรถเข้าใจขึ้นมาทันที เขารีบชี้ไปยังทิศทางด้านหลัง

นัยน์ตาดอกท้อคู่สวยของชาลีหรี่ลง เขาไม่พูดอะไร เพียงแค่จ้องคนขับรถเขม็ง

คนขับรถแบมือ “ผมพูดความจริงนะ จู่ๆเธอก็พุ่งมาขวางรถกลางถนน บอกว่าเธอถูกคนทิ้งไว้บนสะพานรถไฟ เดินกลับไปก็ไม่ได้ ให้ผมใจดีไปส่งเธอสักระยะทางหนึ่ง ผมถามที่อยู่เธอ เธอก็บอกว่าลงจากสะพานรถไฟปุ๊บ ก็ปล่อยเธอลงได้เลย ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ริมฝีปากบางของชาลีขยับ “เธอได้บอกมั้ยว่าจะไปที่ไหน”

“ไม่นะ…”

ชาลีโดนฝนจนเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ ตั้งแต่ต้นจนจบบอกได้คำเดียวว่าย่ำแย่ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกถึงมันเลย เพราะเจนนี่อยู่ข้างนอกคนเดียว เขาวางใจไม่ลง

เขาขับรถกลับไปยังสถานที่ที่คนขับรถบอกว่าปล่อยให้เจนนี่ลง

ระยะห่างจากตำแหน่งที่เขาอยู่ตอนนี้ไม่ไกล เพียงแต่สองสามกิโลเมตร

ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ และยังมีฝนที่เทกระหน่ำ เจนนี่คงจะไปได้ไม่ไกลแน่นอน เธอน่าจะหลบฝนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ป้ายหนึ่งหรือไม่ก็ห้างสรรพสินค้าอื่นๆ

ชาลีใช้ปากทางสะพานรถไฟเป็นจุดศูนย์กลาง และกระจายตัวไปหาตามป้ายรถเมล์หรือห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในละแวกใกล้ๆสามกิโลเมตร

แต่เขาหารอบแล้วรอบเล่า ก็ไม่เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยตั้งแต่ต้นจนจบ ชาลีจึงลนลานอย่างอดไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นโง่เง่าขนาดนั้น คงจะไม่ได้เจอปัญหาอะไรเข้าหรอกนะ

เมื่อโทรศัพท์หาเธออีกครั้ง ก็ได้รับการเตือนว่าปิดโทรศัพท์มือถือไปแล้ว

ตอนนี้ชาลีเพิ่งจะมาถึงป้ายรถเมล์ป้ายหนึ่ง เขาลดบานหน้าต่างรถลงอย่างคุ้นชิน เพื่อมองหาเงาร่างร่างหนึ่ง

ฝนสาดเข้ามาทางหน้าต่างรถ เสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่ม

มีคนที่เดินไปเดินมาเห็นสภาพเขาแล้วก็กระซิบกระซาบกัน…

“เฮ้อ ผู้หญิงที่อยู่ทางนั้นร้องไห้น่าสงสารมากเลย เสื้อผ้าบนร่างก็เปียกชุ่ม ได้ยินเธอพูดด่าอะไรตลอดเวลา จะต้องทะเลาะกับแฟนหนุ่มแน่นอน”

“จริงๆเลย ถ้าแฟนฉันกล้าทะเลาะกับฉันในวันที่ฝนตกหนัก แล้วทิ้งฉันไว้ข้างนอกคนเดียว ฉันจะเลิกกับเขาทันที! คนสารเลวแบบไหนกัน ไม่สงสารเเฟนสาวเลยสักนิด…”

ริมถนนของป้ายรถเมล์มีหญิงสาววัยรุ่นที่สะพายกระเป๋าเป้ ผูกผมหางม้าสองคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างโกรธแค้นและรู้สึกไม่เป็นธรรม

ชาลีที่เดิมกำลังจะปิดหน้าต่างรถเตรียมจากไปก็หยุดชะงัก สายตามองไปทางเด็กสาวสองคนนั้นทันที

ร้องไห้อย่างน่าสงสารมาก ทะเลาะกับแฟนหนุ่ม จะใช่เจนนี่มั้ยนะ

เด็กสาวสองคนถูกหนุ่มหล่อที่ขับเฟอร์รารี่จ้องมา ก็หนังตากระตุกอย่างบ้าคลั่ง

ชาลีปรับสภาพอารมณ์แล้วลงจากรถ เผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ให้กับเด็กสาวสองคนนั้น ก็ได้รู้สถานที่ที่เด็กสาวคนนั้นร้องไห้อย่างง่ายดาย

ชาลียังคงไม่สนใจร่ม เขาวิ่งไปทันที เมื่อเห็นใต้สะพานมีเด็กสาวคนหนึ่งนั่งขดตัวเป็นก้อนอยู่บนบันไดหิน ใบหน้าซุกอยู่ระหว่างหัวเข่า สวมเสื้อขนเป็ดสีชมพูอ่อนเหมือนกับเจนนี่

แผ่นหลังโดดเดี่ยวราวกับถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง

แววตาชาลีมีความยินดี เหมือนกับค้นพบความหวังเสี้ยวเล็กๆในสถานที่กว้างใหญ่ไพศาล เขารีบพุ่งเข้าไปทันที…

“เจนนี่ คุณเป็นบ้าอะไรถึงได้วิ่งไปทั่วแบบนี้ ถ้ายังไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอีก…” ชาลีด่าเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์ กระชากมือของเด็กสาวแล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน

เดิมเจนนี่โมโหชาลีอย่างที่สุด จนถึงขั้นที่อยากจะสะบัดฝ่ามือตบหน้าเขา แต่เมื่อเห็นท่าทางมีเสน่ห์เช่นนี้ของเขาแล้ว ก็เกิดอาการบ้าผู้ชายขึ้นมาอยู่บ้าง

พริบตาเดียวก็ส่ายหน้าไปมา นิสัยของหนุ่มรูปงามชั่วร้ายเกินไปแล้ว ไม่สามารถลุ่มหลงอยู่ในความงามได้

เธอต้องแน่วแน่กับการเตรียมหนังสือหย่า

นัยน์ตาแจ่มใสของเจนนี่กลอกไปมาอย่างใสซื่อ “ทำไมคุณถึงได้มีสภาพแบบนี้”

ชาลีเห็นเจนนี่ปลอดภัย หัวใจที่เครียดเขม็งก็คลายตัวลง ในใจเต็มไปด้วยความเดือดดาล “คุณยังมีหน้ามาถามผมว่าทำไมถึงได้มีสภาพแบบนี้อีกหรอ ผมให้คุณหยุด คุณวิ่งตรงไปข้างหน้าสุดชีวิตทำไม”

“คุณดุร้ายขนาดนั้น ฉันยังไม่หนี หรือต้องรอให้คุณทรมานฉัน?” เจนนี่เหลือบหางตามองไปทางณิชา ดีร้ายยังไงก็มีความมั่นใจนิดหน่อย

เขาไม่มีทางทำอะไรเธอต่อหน้าณิชาหรอก

ในเวลาเดียวกันก็อยากจะหัวเราะ ใครใช้ให้เขาด่าเธอล่ะ ตอนนี้กรรมตามสนองแล้วสินะ?

เส้นเลือดบริเวณขมับของชาลีเต้นตุบๆ ถลึงตาใส่เธออย่างดุร้าย และรู้สึกหมดคำจะพูดอยู่บ้าง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้หาเสียงตัวเองพบ “…ในเมื่อกลับบ้านแล้ว ทำไมถึงปิดโทรศัพท์”

“ปิดโทรศัพท์อะไร ฉันดูก่อน” เจนนี่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋า หน้าจอดำสนิท

เมื่อกดปุ่มเปิดเครื่อง หลังจากเสียงเพลงดังยาวครู่หนึ่ง จู่ๆก็มีเสียงเตือนกระชั้นถี่ดังขึ้น เตือนว่าแบตเตอร์รี่ต่ำและปิดเครื่องเองอัตโนมัติ เจนนี่เกาหัวอย่างไร้เดียงสา “แบตหมด”

ยิ่งพูดเธอก็ยิ่งรู้สึกถึงความกดอากาศที่ต่ำลงรอบตัวชาลี เธออดไม่ได้ที่จะตัวสั่น “คุณเปียกไปทั้งตัวขนาดนี้ รีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อที่ห้องเถอะ”

หางคิ้วของชาลีกดลงต่ำขณะควบคุมไม่ให้แสดงสีหน้าออกมา และรู้สึกว่าสติปัญญาของตัวเองถูกดึงให้ถดถอยลงเช่นกัน

เขาหวังได้ยังไงว่าเจนนี่จะส่งข้อความรายงานความปลอดภัยกับเขา

เขาควรจะถามแม่บ้านของคฤหาสน์ตั้งแต่เนิ่นๆว่าเธอกลับมารึยัง!

“เอ๋ พี่ชาลี ทำไมพี่ถึงเปียกจนมีสภาพแบบนี้ล่ะ” ณิชาวางรีโมต แล้วเดินเข้ามาด้วยความประหลาดใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊