ผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะพูดจบ ข้างๆก็มีคนมากระแทกข้อศอกของเธอ “คุณรีบเงียบปากไปจะดีกว่านะ!ตระกูลรุ่งโรจน์เกลียดการที่มีคนพูดเรื่องนี้ที่สุด ถ้าคุณชาลีหรือไม่ก็คุณหญิงศิริจันทร์ได้ยินเข้า ระวังพรุ่งนี้บริษัทของคุณจะล้มละลายเอานะ!”
“ไม่……ไม่ใช่หรอกมั้ง?”
พวกคนที่เหลือก็กวาดสายตามองผู้หญิงคนนี้ด้วยความรังเกียจ เว้นระยะห่างจากเธอทันที “อย่าว่าแต่พวกเรารู้จักกันเลย ขนาดพูดก็ยังไม่เคยพูดกันเลยด้วยซ้ำ”
เข้าใกล้เวทีกลางแจ้งที่จัดงานแต่งงานขึ้นมาเรื่อยๆ
ปัณณ์กับน้องอรัลถือกล่องลูกอมและของขวัญที่สวยงามมากมายหลายแบบ รวมถึงพวกถั่วลิสง ลำไย พุทราเป็นต้น เดินแจกจ่ายไปมาท่ามกลางฝูงชน
ใบหน้าที่อมชมพูของทั้งสองคนยิ้มแย้มเหมือนกัน
พิธีการประกาศบนเวทีว่างานแต่งงานกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
ณิชาถูกล้อมเอาไว้ด้วยเพื่อนเจ้าสาวเดินตรงมาถึงตรงปลายพรมแดง บนสนามหญ้าปูด้วยพรมสีแดงหนึ่งชั้น
ซุ้มประตูทรงกลมขนาดใหญ่ประดับตกแต่งด้วยดอกลิลลี่
ยังมีลูกโป่งสีชมพูจำนวนนับไม่ถ้วนที่ร้อยเรียงกันเป็นช่อ แล้วทำให้เป็นรูปหัวใจ ห้อยอยู่บนซุ้มประตูที่ตั้งตระหง่านอยู่ไกลๆ
ลูกโป่งแตกออกลูกสองลูกเป็นระยะๆเนื่องจากสภาพอากาศ
“ขอแสดงความยินดีกับงานแต่งงานของคุณเวธัส และคุณณิชา!”
บนลูกโป่งเขียนคำเอาไว้ ริบบิ้นลอยโบกไสวตามสายลม งดงามสะดุดตา
ณิชายืนอยู่ตรงปลายพรมอย่างตื่นเต้น ควงแขนของสุขุมเอาไว้ ผ่านไปสักพักในงานแต่งงาน สุขุมก็ส่งเธอมาถึงข้างกายของเวธัส
แววตาที่ลึกซึ้งและซับซ้อนของสุขุมมองไปที่ท้องของณิชา “ณิชา ลูกตัดสินใจดีแล้วจริงๆเหรอ?”
“พ่อ หนูไม่เคยคิดที่จะละทิ้งเวธัสกับลูกเลย แทบจะไม่ต้องตัดสินใจอีกด้วยซ้ำ”ณิชายิ้มแย้มออกมาอย่างสดใสที่สุด
วันนี้เป็นงานแต่งงานของเธอ ในชีวิตของผู้หญิงมีงานแต่งงานเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น!
ก็เลยรู้สึกประหม่านิดหน่อย……
เธอจ้องมองสุขุม แววตาจริงจังสุดๆ “พ่ออวยพรให้หนูหน่อยได้ไหม?”
“พ่อ……พ่อจะอวยพรให้ลูกแน่นอนอยู่แล้ว ลูกเป็นลูกสาวของพ่อนะ ขอแค่ให้ลูกดีใจมีความสุข จะให้พ่อทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น”สุขุมพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน ช่วยจัดระเบียบชายกระโปรงที่วางทับซ้อนกันให้กับณิชา
ณิชามุมปากยิ้มออกมา “ขอบคุณนะคะพ่อ!”
จากมุมที่ไม่มีใครมองเห็นนั้น มีความเยือกเย็นผ่านเข้ามาในตาของสุขุม……
ตรงช่วงปลายของพรมแดงที่ยาวเฟื้อย เวธัสสวมชุดสูทสีดำกำลังยืนเหยียดตรงอยู่ตรงนั้น รูปร่างที่สูงใหญ่ดูสง่างามโดดเด่นไม่ธรรมดา ผมสั้นถูกจัดแต่งทรงอย่างพิถีพิถัน ใบหน้าที่เย็นชาดูอ่อนโยนลง ริมฝีปากยิ้มออกมาอย่างปลื้มปริ่มและมีเสน่ห์
แม้ว่าเขาจะได้พูดอะไรสักคำ แค่ยืนเงียบๆอยู่ตรงนั้น ก็กลายเป็นจุดสนใจของทั้งงานแล้ว!
ท่ามกลางเสียงเพลง《เว็ดดิ้งมาร์ช》 ภายใต้สายตาที่จับจ้องของเวธัส ณิชาควงแขนของสุขุม ค่อยๆเดินพาเธอมาอยู่ตรงหน้าของเวธัส……
“เวธัส ฉันยกณิชาให้กับนายแล้ว หวังว่าต่อไปนายจะรักและดูแลเธออย่างดีนะ”สุขุมพูดพลางเช็ดน้ำตา “ไม่ว่านายจะมีอำนาจอิทธิพลยังไงก็ตาม ถ้ากล้ารังแกเธอฉันจะไม่ปล่อยนายไว้แน่นอน”
หัวใจของเวธัสเต้นไม่เป็นจังหวะ รับมือของณิชามาจากมือของสุขุมอย่างจริงจัง……
“ผมขอพิสูจน์กับคุณด้วยชีวิตของผม การที่เธอมาอยู่ด้วยกันกับผม เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด แล้วก็เป็นการตัดสินใจที่จะไม่เสียใจภายหลังอย่างแน่นอน”
เธอสวมถุงมือสีขาว มองไม่เห็นนิ้วมือที่เรียวบาง แต่ผ่านวัสดุผ้าบางๆแล้ว เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความร้อนสูงจากฝ่ามือของเธอ
ณิชาขนตาสั่นกระพือไม่หยุด ร่างกายแข็งทื่อ
เริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นเรื่อยๆแล้วทำยังไงดี?
งานแต่งงานมีผู้คนมากมายกำลังมองดูอยู่
นอกจากคุณยาย พี่ชาลี และเหล่าบรรดาญาติพี่น้องของตระกูลรุ่งโรจน์แล้ว ก็ยังมีญาติของตระกูลสนธิไชยด้วย
ตอนแรกเธอกับเวธัสพูดคุยปรึกษากันว่าจะทำการตัดรายชื่อออกให้ลดน้อยลง เชิญแค่ญาติที่สำคัญๆส่วนหนึ่งมาเข้าร่วมงานแต่งงานเท่านั้น
แต่ตระกูลสนธิไชยกับตระกูลรุ่งโรจน์เป็นสองตระกูลในสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ของเมืองพร แม้ว่าจะตัดรายชื่อไปเท่าไรก็ตาม แขกที่เชิญมาแต่ละตระกูลก็เกินหนึ่งพันห้าร้อยคนทั้งนั้น ไหนจะพันธมิตรที่ร่วมงานกันจากต่างประเทศอีก!
พอสัมผัสได้ถึงแววตาที่ประหม่าของณิชา จู่ๆเวธัสก็รู้สึกว่ามันตลกอยู่ไม่น้อย รู้สึกรักเอ็นดูเธอสุดๆ น้ำเสียงในลำคอดังก้องกังวานออกมาอย่างเคร่งขรึม “ผมเต็มใจครับ”
พิธีกรก็หันมองไปยังณิชาต่อ พูดถามกับเธอด้วยคำพูดที่เหมือนกันกับเมื่อตะกี้
ณิชารับฟังอย่างเงียบๆ ตอนที่คำถามของพิธีกรเพิ่งจะจบลงนั้น เธอก็พยักหน้าอย่างอดไม่อยู่ “ฉันเห็นด้วยค่ะ”
พูดจบ ก็สบตากับเวธัส คำว่า “เห็นด้วย”เมื่อตะกี้นี้ ราวกับว่าสลักตราตรึงอยู่ภายในใจของกันและกัน
แต่ไหนแต่ไรไม่เคยคิดมาก่อนว่า คำคำนี้มันจะไพเราะเกินกว่าจินตนาการเอาไว้เสียอีก……
หลังจากที่ผ่านการสาบานอย่างง่ายๆสบายๆแต่ว่าจริงจังมาแล้ว พิธีกรก็พูดขึ้นมาเสียงดังด้วยความตื่นตัว “ต่อไปผมขอประกาศว่า งานแต่งงานของคุณเวธัสกับคุณณิชา……”
“รอเดี๋ยว!”ในขณะที่พิธีกรกำลังจะประกาศว่าพิธีได้สิ้นสุดลงแล้วนั้น จู่ๆเสียงที่ขัดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็ดังขึ้นมา
ผู้คนพากันหันมองไปยังที่มาของเสียง
ไม่คิดว่าจะเป็นชาลีที่นั่งอยู่ข้างๆศิริจันทร์
เกิดความโกลาหลวุ่นวายไปทั่ว
ณิชาก็รู้สึกได้ถึงสายตาเยือกเย็นของเวธัสที่กำลังจับจ้องไปที่ชาลี เย็นยะเยือกราวกับก้อนน้ำแข็ง
“ณิชา เธอดูสามีของเธอสิ เป็นเจ้าบ่าวแล้วแท้ๆแต่สายตายังดุร้ายขนาดนี้อยู่อีก วางใจได้ พี่ไม่ขัดขวางงานแต่งงานของพวกเธอหรอก พี่แค่เตรียมคำแถลงเพื่อช่วยเธอทดสอบธัสสักหน่อยเท่านั้น”ชาลีเดินตรงเข้ามาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
เวธัสชำเลืองตามองเขาอย่างหมดความอดทน ดูตักเตือนอย่างถึงที่สุด!
ชาลีไม่สนใจสายตาของเวธัสเลยแม้แต่นิดเดียว หยิบเอกสารขึ้นมาหนึ่งฉบับยื่นให้กับเวธัสอย่างสุขใจ ก่อนจะพูดหยอกล้อขึ้น “คุณแค่อ่านมันออกมาต่อหน้าของแขกมากมายตรงนี้ ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
เวธัสกวาดสายตามองเนื้อหาในเอกสาร ใบหน้าที่หล่อเหลาดูเคร่งขรึมลงทันที
ณิชารู้สึกอยากรู้อยากเห็นสุดๆ
ในเอกสารฉบับนั้นมันเขียนอะไรไว้กันแน่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊
ตอน571-670หายไปไหนคะ ต้องทำไงถึงจะอ่านตอนที่ขาดไปได้...