มองท่านเยี่ยนเฮ่อพยุงชิงชานเดินไปทางอาคารใหญ่ทีละก้าว ทุกคนต่างหลบทางให้แล้ว
นี่ไม่เพียงเป็นเรื่องของสำนักเฟยเยี่ยน พวกเขาก็อยากจะดูหน่อยว่าเหลิ่งฉิงโฉวจะอธิบายอย่างไรบ้าง
แต่ในใจของพวกเขากลับมีการคาดคะเนอันแน่นอนแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรผู้ฝึกฝนก็เป็นคน แม้ว่าการคาดคะเนในใจจะเกิดขึ้นได้จริงสักเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่พวกเขายังคงรอคอยสิบเปอร์เซ็นต์อยู่
ไม่มีทางเลือก ความแข็งกร้าวและเด็ดขาดของเย่เทียนมอบแรงกดดันทางจิตใจให้พวกเขามากเกินไป พวกเขาเลยต้องอาศัยที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียวอย่างสำนักตงฝูนี้เพื่อมาปลอบใจตนเองหน่อย
มองตามท่านเยี่ยนเฮ่อเดินเข้าไปในอาคารใหญ่ ทั่วทั้งท้องฟ้าดูเงียบงันขึ้นมาอยู่บ้าง
ไม่นานเหลิ่งฉิงโฉวก็ออกมาแล้ว
ตอนที่มองเห็นเขามาคนเดียว ลูกตาของทุกคนหดตัวกันฉับพลัน การคาดคะเนในใจของพวกเขายังเกิดขึ้นจริงด้วย ในที่สุดสิบเปอร์เซ็นต์นั้นเป็นแค่ความคิดเพ้อฝันของพวกเขาเท่านั้น
“เรื่องของสำนักเฟยเยี่ยนผมได้ยินมาแล้ว ผมจะส่งคนไปจับไอ้สารเลวเฉิงชิ่งมา! ถึงแม้จับไม่ได้ ผมก็จะไปถามที่ตระกูลเฉิงในโลกบู๊โบราณให้กระจ่าง!”
เสียงสุขุมหนักแน่นของเหลิ่งฉิงโฉวดังขึ้น แต่คำพูดของเขากลับทำให้หัวใจของทุกคนยิ่งเต้นรัวขึ้นมา
“ทุกคนไม่ต้องร้อนใจไป เย่เทียนเป็นแค่ตั๊กแตนช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นเอง กระโดดโลดเต้นได้อีกไม่นานหรอก!”
ทุกคนทำมือเคารพให้คำสัญญา จากนั้นถอยออกไปตามลำดับ
“หัวหน้าเหลิ่ง สองศพนี้จะจัดการยังไง?”
เหลิ่งฉิงโฉวมองทั้งสองศพที่เลือดนอง และดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงแวบหนึ่ง “จัดการให้สะอาดสักหน่อย! สำนักเล็กก็คือคนออกมาจากสำนักเล็ก ไม่มีสมองสักนิด เชอะ!”
กลุ่มพันธมิตรเริ่มพังทลาย สำนักเล็กตระกูลเล็กพวกนั้นชั่งน้ำหนักคุณค่าของตนเองดูนิดหน่อย ก่อนจะเลือกถอยออกตามคาด ออกไปแบบรู้ดีอยู่แก่ใจโดยไม่ต้องอธิบาย
ส่วนหลังจากสำนักเล็กและตระกูลเล็กถอยออกมา
ทั้งกลุ่มพันธมิตรเหลือเพียงสำนักเฟยหง สำนักจี้ตู สำนักหยุนเยียนและตระกูลสวี่กับตระกูลโม่อิทธิพลใหญ่ไม่กี่แห่ง
ในบรรดาพวกนี้ล้วนเป็นตระกูลใหญ่มีเงินทุนมั่นคงอยู่ในโลกบู๊โบราณ และมีเพียงพวกเขาไม่กลัวการแก้แค้นของเย่เทียน
เพียงแต่คนเหล่านี้ยังไม่พอใจต่อเหลิ่งฉิงโฉวสักเท่าไร
ที่จริง สำนักตงฝูอยู่ในโลกบู๊โบราณเป็นการมีอยู่ที่บดขยี้พวกเขา ความสามารถของเหลิ่งฉิงโฉวอยู่เหนือพวกเขาจริง แต่ทั้งที่เป็นโอกาสอันดีกลับทำให้มาเป็นถึงขั้นนี้ได้ การกระทำทุกอย่างของเหลิ่งฉิงโฉวทำให้พวกเขารังเกียจพอสมควร
“เป็นแบบนี้ต่อไปผมว่าเรื่องของร่องรอยโบราณ พวกเราคงเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้แล้ว!”
“พี่โม่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดแบบนี้ ถึงแม้เย่เทียนจะแกร่งมากพอ แต่อยู่ในร่องรอยโบราณเขาจะยังแกร่งเกินไปกว่าบรรดาบรรพบุรุษได้งั้นเหรอ?” คนที่พูดส่ายพัดแบบพับได้ในมืออยู่ ก็คือหัวหน้าแก๊งน้อยของสำนักหยุนเยียน ตี้อู่ตูอวี้
“ถึงแม้หัวหน้าเหลิ่งทำงานขาดความเหมาะสม แต่การรอร่องรอยโบราณเปิดออกแล้วให้เย่เทียนเข้าไปในนั้นด้วยตัวเองกลับเป็นวิธีหนึ่งเดียวที่พอจะใช้การได้จริง”
“ที่พี่ตี้อู่พูดมาก็มีเหตุผล! มีหัวหน้าเหลิ่งอยู่ด้านหน้าไว้ พวกเรากลับประหยัดพลังงานได้หน่อย ลดการสูญเสียจำนวนมากไม่ใช่เหรอ?
คนกลุ่มหนึ่งพูดจบก็ไม่พูดอะไรมากอีก ส่งสายตาที่รู้ดีอยู่แก่ใจให้กันและกันแล้วต่างแยกย้ายทั้งหมด
เหลิ่งฉิงโฉวไม่ได้อยู่เฉยเหมือนกัน หลังจากเดินช้าๆ ไม่กี่รอบก็มองทางลูกน้องของตนเองแล้ว “ช่วงนี้กองกำลังพิเศษจะมีงานคัดเลือก เรื่องนี้นายรู้ไหม?”
“รู้ครับ! เย่เทียนกับคนของกองกำลังพิเศษค่อนข้างสนิทกัน”
ลูกน้องกลับเป็นคนที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง พอได้ยินคำถามของเหลิ่งฉิงโฉวก็ตอบสนองกลับมาได้ว่าที่เขาพูดคือเรื่องอะไร
“เรื่องของแดนลึกลับครั้งนี้วุ่นวายกันใหญ่โต ข้างนอกก็โกลาหลเหมือนกัน เดาว่าถึงตอนนั้นมีความเป็นไปได้มากว่าแดนลึกลับจะเปิดให้เข้า”
“เปิดให้เข้า? คุณหมายความว่าคนต่างชาติก็จะมาแย่งชิงด้วย?” เย่เทียนไม่สบายใจอยู่บ้าง มีสิทธิ์อะไร! การฟื้นคืนชี่ทิพย์มันหมายความถึงโอกาสของการเจริญเติบโตของประเทศชาติ เดาว่าไม่ว่าใครในเวลานี้ถูกแบ่งผลประโยชน์ไปส่วนหนึ่งแล้วจะรู้สึกไม่สบายใจมั้ง
“พวกเขาอยากมาก็ไม่ใช่ไม่ได้ โควตานี้ไม่ได้ให้ฟรี นั่นล้วนแลกมาด้วยเงินทอง สาวกพวกนั้นของทางตะวันตกคุณก็รู้ ของดีมีไม่น้อย”
“ไม่มีทางเลือก ใครให้พวกเราจนล่ะ?” เฝิงเจิ้นเหอแบมือออกแล้ว “แต่ว่านะ คนพวกนี้มาก็มากันสิ อยู่ข้างนอกพวกเราจะรักษาภาพลักษณ์ของประเทศ แต่เข้าไปในแดนลึกลับแล้วก็เป็นอิสระเสรีแล้ว ใครแย่งผลประโยชน์ไปได้มากเท่าไร นั่นเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนแล้ว!”
เย่เทียนเข้าใจทันใด ต้องพูดเลยว่า วิธีการนี้นั่นเรียกว่ายอดเยี่ยม
แต่เดาว่าคนต่างชาติพวกนั้นน่าจะมีการเตรียมพร้อมมาบางส่วน คนที่มาได้กำลังโจมตีอาจจะไม่สูง แต่ด้านหลบหนีเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดแน่นอน
แต่สมมุติฐานทุกอย่างนี้คือพวกเขาจะไม่เจอเย่เทียนเข้า
ถ้าเจอเข้าละก็ งั้นเดาว่าต่อให้พระเยซูลงมือก็ช่วยชีวิตพวกเขาไม่ได้
“ดูแล้วนี่คือหัวหน้าเหลิ่งร้อนใจแล้ว คาดไม่ถึงอยากตีสนิทเข้าทางกองกำลังพิเศษแล้ว เหอะๆ นับวันยิ่งน่าสนใจขึ้น!”
เย่เทียนใช้นิ้วกดที่โต๊ะสักหน่อย
“วางใจได้ มีทรัพยากรของคุณแล้ว กองกำลังพิเศษในตอนนี้ก็เปลี่ยนแปลงใหม่แล้ว! อย่าลืมนะ พวกเราไม่เพียงเป็นแค่นักบู๊ ยิ่งเป็นทหารด้วย! แต่ไหนแต่ไรการสู้รบไม่ใช่เรื่องที่พวกเราหวาดกลัว เด็กน้อยที่โตมาในเงื่อนไขสุขสบายกลุ่มหนึ่ง คิดว่าตัวเองเอาชนะได้จริงเหรอ?”
คำพูดของเฝิงเจิ้นเหอมีพลังและเร้าใจ
“ผมเชื่อในจุดนี้เหมือนกัน!” เย่เทียนหัวเราะแล้วพยักหน้า “ช่วงเวลานี้ผมอาจจะมีกำไรเข้ามาไม่น้อยพอดี นายพลเฝิง สนใจซื้อกลับไปสักหน่อยหรือเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่
ฝากถึงทีมงาน เราชอบอ่านนิยายมานาน...อ่านทุกประเภทและนิยายจีน..จากปี2520..อ่านมาตลอดในเวปใหญ่ๆ ชอบที่ทีมงานในเวปที่ให้อ่านฟรี..ก็อยากสนับสนุนถ้ามีโอกาส..และเวปดังๆเขาเก็บแพง..สมัยก่่อนเคยอ่านนิยายทั้งไทยจีน ค่าเช่าเล่มละ3บาท...แต่เวปดังๆเขาคิดตอนละ3บาท บางเรื่องมีหลายพันตอนซึ่งเมื่อเทียบแล้วเป็นเงินหลายพันบาท ซึ่งแพงกว่าเช่ามาก...เพื่อให้เวปพัฒนาขึ้น มีนิยายให้อ่านมากๆเรื่อง...มีค่าอ่านเช่น10ตอน3บาทหรือแล้วแต่ทางทีมงานจะตั้งราคา ที่ไม่สูงมากอย่างเวปอื่นซึ่งทีมงานคงรู้..นำมาปรับปรุงเวปนี้ เพราะชอบการแปลแบบนี้...
55555โดนสะงั้น...
Goๆๆๆๆๆๆ...
สุดยอดๆๆๆๆ...
ต่อไปๆๆๆ...
ยอมรับว่าเล้าใจๆๆ...
ติดตามๆๆๆๆไปต่อ...
ไปต่อๆๆๆ...
ต่อๆๆไปเลย...
สุดยอด...