ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 1349

คนของสำนักเล็กเหล่านั้นยังจะมาเร็วกว่าที่เย่เทียนคิดไว้อีก

แทบจะเป็นเช้าตรู่วันถัดมาก็มีคนยืนอยู่ด้านนอกสำนักชิงหนังแล้ว

ไม่ต้องห่วงว่าคนอื่นเป็นสำนักเล็กสำนักใหญ่อย่างน้อยที่สุดจัดวางกำลังคนไว้เพียบพร้อม แต่ที่สำนักชิงหนังล่ะ? หลังจากที่สมาชิกของกองกำลังพิเศษถอนตัวไป นักพรตเหอก็หาคนใช้งานที่ไว้ใจได้มาไม่กี่คน

แต่คนเหล่านั้นล้วนถูกกระจายออกไปคุ้มครองทรัพย์สินตระกูลเฉินและไปเป็นหูเป็นตาให้สำนักชิงหนังกันหมด

กลับทำให้จำนวนคนภายในสำนักชิงหนังน้อยจนน่าสงสาร

“เจ้าสำนัก ดูแล้วมีความจำเป็นต้องหาลูกศิษย์ส่วนหนึ่งจริงนะ!” นักพรตเหอมองภาพทอดเงาชี่ทิพย์สั่นไหวตรงหน้าแล้วลูบหนวดเคราของตนเอง

เย่เทียนครุ่นคิดสักครู่แล้วพยักหน้า “คงถึงเวลาแล้วจริงๆ เอาแบบนี้แล้วกันครับ ช่วงไม่กี่วันนี้ผู้อาวุโสเหอไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นแล้ว ให้ความสำคัญกับการตามหาลูกศิษย์ชั้นยอดแล้วกัน”

พูดจบเย่เทียนล้วงลูกบอลที่ราวกับลูกแก้วสีเขียวเข้มลูกหนึ่งออกมาแล้วยื่นไปให้

“นี่คือลูกแก้วตรวจตราที่เมื่อหลายวันก่อนสั่งคนทำให้ ถ้าเด็กที่สามารถปล่อยแสงสว่างออกได้หลังจากสัมผัสลูกแก้วนี้ก็หมายความว่ามีพรสวรรค์ด้านการฝึกฝน ระดับความแกร่งของพรสวรรค์ในนั้นคือตัดสินกันได้จากระดับความรุนแรงของแสงสว่างหลังสัมผัสมัน”

เย่เทียนไม่กล้าทดสอบดู

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเพียงอุปกรณ์ทดสอบพรสวรรค์ธรรมดาอันหนึ่ง ส่วนเขาล่ะ? นั่นเป็นถึงปรมาจารย์ปรุงยาเลยนะ! ถ้าใช้งานประสบความสำเร็จจริง เดาว่าของที่ทำขึ้นมาด้วยความยากลำบากชิ้นนี้คงระเบิดทันที

“ได้!” นักพรตเหอหลังจากตอบรับมาคำหนึ่งก็ลังเลอยู่บ้าง “งั้นสำหรับเด็กที่ฉลาดโดดเด่นด้านอื่นส่วนหนึ่ง พวกเรา......”

“รับเข้ามาเหมือนกัน สำนักชิงหนังขาดอยู่ทุกอย่าง แค่ไม่ขาดทรัพยากร!”

พูดจบเขามองทางเฉิงชิ่งและคนอื่นๆ “พวกนายก็เหมือนกัน ระวังไว้ให้มากหน่อย โดยเฉพาะล้วนเป็นผู้อาวุโสใหญ่ในสำนัก เจอเด็กใหม่ที่ตัวเองชอบก็สามารถถ่ายทอดวิชาให้ได้!”

คำพูดของเย่เทียนพูดแบบเผด็จการอย่างมาก หลังจากสั่งการธุระลงไป เย่เทียนเตรียมไปเก็บเกี่ยวทรัพยากร

“ทุกคนมาถึงที่สำนักชิงหนังจากที่ไกลกันมาก ขอโทษด้วยที่ไม่ได้รีบออกมาต้อนรับ!”

เสียงของเย่เทียนดังขึ้นตรงสำนักภูเขา “สำนักชิงหนังเพิ่งสร้าง แม้แต่เด็กเฝ้าประตูยังไม่มีสักคน ทำขายหน้าทุกคนแล้ว เชิญเข้ามากันเถอะครับ!”

คนที่รออยู่ด้านนอกเดิมทีมีเพียงคนเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งล้วนเป็นคนรู้จักก็ต้องไว้หน้าด้วย

เจรจาสงบศึกกับเย่เทียนเรื่องแบบนี้ไม่พอจะไปบอกกับคนนอก ดังนั้นทั้งสองฝ่ายรู้ดีกันอยู่แก่ใจโดยไม่ต้องพูด นอกจากรอคอยอยู่ตรงสำนักขุนเขาคนเดียว คนอื่นๆ ล้วนหลบซ่อนร่างกายตนเองกันแล้ว

แต่กลัวเย่เทียนเข้าใจผิด จึงเปิดเผยกลิ่นอายของตนเองออกไป ทั้งสองฝ่ายก็รู้อยู่ในใจ

ตอนนี้เย่เทียนกล่าวขึ้นแล้ว คนอื่นๆ จึงไม่กล้าคิดมาก ต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน สุดท้ายเปิดเผยตัวตนออกมา หัวเราะแบบกระอักกระอ่วนกับคนที่ยืนอยู่ตรงสำนักขุนเขาคนนั้น จากนั้นรวมตัวกันเดินไปด้านในสำนักชิงหนัง

ผ่านการตกตะกอนมาหลายวัน ชี่ทิพย์ในสำนักชิงหนังยิ่งเข้มข้นขึ้นมาเรื่อยๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่คือเส้นลมปราณทิพย์สายหนึ่ง และเป็นเส้นลมปราณทิพย์ที่ผู้สำรวจเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี เรื่องคุณภาพไม่ต้องพูดถึงว่าบรรลุไปถึงระดับไหนเลย

เดินเข้ามาด้านใน ทุกคนล้วนสูดหายใจลึกๆ โดยจิตใต้สำนึก

อะไรกันวะเนี่ย นี่สูดหายใจทีหนึ่งล้วนเป็นชี่ทิพย์ทั้งนั้น และมันคือชี่ทิพย์อันเข้มข้นด้วย

“ทุกคนลำบากกันแล้วนะครับ!”

เย่เทียนนั่งอยู่ด้านหน้าของอาคารใหญ่ โต๊ะยาวด้านหน้าวางชากาหนึ่งไว้ มองเห็นทุกคนเข้าสู่ลานกว้างก็จับแก้วหนึ่งในมือ หัวเราะเบิกบานมองทางฝูงชน

ลานกว้างว่างเปล่า มีความรู้สึกแบบต้อนรับแขกอะไรที่ไหน

แต่คนพวกนี้ไม่กล้าพูดไร้สาระมากสักประโยคเดียว โดยเฉพาะล้วนมาขอขมา ระบายความไม่พอใจอยู่ที่นี่จะต่างอะไรกับรนหาที่ตาย นั่นไม่ใช่สมองมีปัญหาเหรอ!

“นักพรตเหอก็มีสง่าราศีทีเดียว คิดว่าต้องได้อำนาจเพิ่มมากแน่สิท่า!”

“พอนึกถึงตอนนั้นที่พวกเราสองคนถกเถียงเรื่องการเมืองบนภูเขาไท่ซาน นี่แวบเดียวก็ผ่านไปสี่สิบปีแล้ว ทำให้รู้สึกใจหายจริงๆ นะ!”

ตอนที่เย่เทียนอยู่ในนั้นทุกคนเกรงกลัวจนไม่กล้าพูดเหลวไหลสักประโยคเดียว ตอนนี้นักพรตเหอออกหน้าดำเนินการเรื่องนี้ ส่วนเย่เทียนจึงออกไปแบบเงียบๆ ชั่วขณะนั้นปลดปล่อยแรงกดดันด้านจิตใจของคนพวกนี้แล้ว ต่างเริ่มตีสนิทกับนักพรตเหอ

นักพรตเหอแฝงตัวมานานหลายปีขนาดนี้ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใหญ่อะไรที่ไม่เคยเจอมาหรอก เผชิญหน้ากับการประจบของคนพวกนี้เขาก็รับมือตามจำนวนรายการของขวัญ แต่พอตอนที่อ้าปากขอต่อรองก็คือไม่ไว้หน้าเลยสักนิด

นักพรตเหอหัวเราะเยาะในใจไม่หยุด

เห็นแก่มิตรภาพกับผีนะสิ! ตอนนั้นที่ฉันตกอับพวกนายปฏิบัติกับฉันแบบไหนคิดว่าตัวเองไม่มีความทรงจำจริงเหรอ? อีกอย่างทรัพยากรพวกนี้ล้วนเพื่อลูกศิษย์ของสำนักชิงหนังในอนาคตใช้งานด้วย

พูดให้ชัดนั่นล้วนเป็นศิษย์รุ่นลูกรุ่นหลานของเขา ในฐานะคนที่ชอบให้ท้ายคนหนึ่ง โอกาสรีดไถแบบนี้จะพลาดไปได้อย่างไร

ประเด็นสำคัญคือข้อมูลที่นักพรตเหอกุมไว้ในมือ แทบทุกสำนักล้วนจะเสนอราคาที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดแต่ไม่ถึงเป็นศัตรูโดยตรง

“พี่ใหญ่ ต่อไปพวกเราจะทำอะไรกัน?”

เฉิงชิ่งเช็ดดาบยาวในมือสักหน่อย ถูฮุยในเวลานี้ฟื้นตัวมาได้มากเหมือนกัน กำลังฝึกฝนวิชายุทธ์

หลังจากได้ยินคำถามของเฉิงชิ่ง ถูฮุยลืมตาขึ้นกะทันหัน “อาการบาดเจ็บของฉันก็หายเกือบหมดแล้ว เจ้าสำนัก มีแผนการอะไรหรือเปล่า?”

“แผนการไม่มีหรอก” เย่เทียนส่ายหน้า “แต่เรื่องที่ทำให้เหลิ่งฉิงโฉวอยู่ไม่สุขยังต้องทำสักหน่อย ถูฮุย ไม่อยากแก้แค้นเหรอ?”

พูดจบเย่เทียนเอาร่องรอยของสวิ่นเชียนฉื่อส่งให้ถูฮุยแล้ว

ถูฮุยบีบมือถือไว้ มุมปากเผยรอยยิ้มดุร้ายนิดๆ ออกมา “ดีมาก! ฉันรอวินาทีนี้มานานมากแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่