ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 325

“นั่นคือยาเพิ่มพลัง มีดีต่อคุณในตอนนี้มาก!”

เมื่อฮั่วยั่นจือที่รับยาไปได้ยินอย่างนั้น ก็หันมามองเย่เทียนอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็หลับตาแล้วกลืนยานั้นลงไป

เย่เทียนที่เห็นแบบนั้น ก็แอบพยักหน้าไปทีหนึ่ง ดวงตาสีดำเผยให้เห็นความขื่นชมอย่างไม่ปิดบัง

ถ้าตัดเรื่องสถานการณ์ในตอนนี้ออกไป เย่เทียนก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฮั่วยั่นจือนั้นถือเป็นสาวมหัศจรรย์ที่เยี่ยมยอดมากๆ

การที่เธอถูกขนานนามว่าเป็นสาวมหัศจรรย์ของวงการธุรกิจแห่งจ๊กกลาง มันก็เป็นการการันตีว่านั้นมีแผนที่เยี่ยมยอดกว่าใคร

ในการที่เธอกล้ากินยาเพิ่มพลังนั่นเข้าไป ก็เห็นได้ชัดว่าเธอนั้นใจกล้าแค่ไหน

บวกกับการที่เธอไม่มีใครคอยชี้แนะ แต่กลับสามารถก้าวสู่ระดับเหลืองด้วยหนังสือเพียงคนเดียว แถมยังปรุงยาออกมาได้ด้วย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเธอมีไหวพริบที่ดีขนาดไหน

หญิงสาวที่ทั้งกล้าทั้งฉลาดแถมไหวพริบดีแบบนี้ จะไม่ใช้ชื่นชมได้ยังไง!

และถ้า ฮั่วยั่นจือยอมคุกเข่าแล้วขอเป็นศิษย์ตอนนี้ เย่เทียนก็ไม่รังเกียจที่จะรับเธอเป็นศิษย์เลย

แน่นอนว่า ก้เป็นได้แค่ลูกศิษย์ในนามเท่านั้น

คนมักพูดกันว่า : ความรู้ไม่สอนให้ใครง่ายๆ วิชาไม่ถ่ายทอดให้ใครส่งเดช!

การฝึกบู๊นั้น ถ้าถ่ายทอดให้คนอื่นง่ายๆ ป่านนี้โลกคงวุ่นวายกันไปใหญ่แล้ว!

อีกอย่าง ถ้าก้าวถึงระดับดำก็สามารถกันกระสุนได้

ทั่วทั้งประเทศหรือทั้งโลก ประชากรกว่าหลายร้อยล้าน กับจำนวนที่มากมายขนาดนี้ ถ้าทุกคนต่างเป็นนักบู๊ ถึงตอนนั้นจะให้ปกครองกันยังไง?

“หืม!”

ไม่ว่ายังไง หลังจากฮั่วยั่นจือทำหน้าสงสัยได้กินยาเพิ่มพลังลงไปแล้ว ก็ส่งเสียงที่สดใสออกมาอย่างไม่รู้ตัว

เธอรู้สึกว่ามีความไออุ่นอันหนึ่งแล่นอยู่ในตัว และอัดแน่นไปทั่วร่าง เหมือนกำลังแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อน รู้สึกสบายอย่างมาก

ชั่วขณะหนึ่ง ฮั่วยั่นจือก็ไม่กล้าปล่อยให้เวลาต้องเสียเปล่า เธอรีบนั่งขัดสมาธิ ตั้งสมาธิแล้วเริ่มฝึกตน

ซู่ซ่าซู่ซ่า!

ไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหน ทั่วร่างของเธอก็เกิดเสียงดังเหมือนการผัดถั่ว สิ่งสกปรกสีดำได้ถูกขับออกจากผิวพรรณที่ขาวใสของเธอ

เธอรู้สึกเหมือนความหนักอึ้งในตัวได้ถูกขับออกมาพร้อมกับมัน รู้สึกผ่อนคลายลงมาก พละกำลังเอ่อล้นไปทั่วร่าง!

การฝึกตนของเธอก็ก้าวหน้าขึ้นมาก เหลืออีกแค่ก้าวเดียวก็จะบรรลุถึงขั้นแดนเหลืองระดับกลางแล้ว!

“ทะ ทำไมคุณถึงมียาที่วิเศษขนาดนี้อยู่ในครอบครองได้?”

ฮั่วยั่นจือที่ได้สัมผัสถึงฤทธิ์ของยาเพิ่มพลังกับตัวถึงกับทำหน้าตกใจ และไม่ได้สนใจสิ่งสกปรกเน่าเหม็นที่กำลังถูกขับออกจากร่างเลยด้วยซ้ำ

“นี่ก็นับเป็นยาวิเศษแล้วอย่างนั้นเหรอ?”

เย่เทียนยิ้มๆ แล้วพูดอย่างลึกซึ้งว่า “ขอแค่ส่วนผสมเพียงพอ ไม่ว่าคุณจะต้องการเท่าไหร่ผมก็จัดให้ได้ทั้งนั้น!”

“นะ นี่คุณเป็นปรมาจารย์ปรุงยาอย่างนั้นเหรอ?”

เดิมทีฮั่วยั่นจือก็ไม่ใช่คนโง่อะไรอยู่แล้ว ทำไมจะไม่รู้ว่าคำพูดของเย่เทียนนั้นมีอะไรแอบแฝงอยู่ แล้วเธอก็ตกเข้าไปอยู่ในความงงทันที

นี่มันเป็นถึงปรมาจารย์ปรุงยาเลยนะ!

ถ้าจะบอกว่านักบู๊เป็นคนที่เหนือกว่าคนนับหมื่น ถ้าอย่างนั้นปรมาจารย์ปรุงยาก็คือคนที่เหนือกว่าคนร้อยล้านแล้ว!

กับเธอที่เป็นแค่คนฝึกปรุงยายังทำให้นักบู๊ระดับเหลืองสี่คนยอมทำตามคำสั่งอย่างเต็มใจได้ งั้นขอแค่ปรมาจารย์ปรุงยาตัวจริงอย่างเย่เทียนเปิดปาก คิดว่าระดับดำหรือแม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับดินก็คงจะยอมก้มหัวให้ทั้งนั้นเลยมั้ง?

พอคิดว่าเย่เทียนนั้นเป็นการคงอยู่ที่น่ากลัวขนาดนี้ ในใจของฮั่วยั่นจือก็ฟุ้งซ่านไปหมด ไม่รู้จะอธิบายยังไง

ตอนแรกเธอนั้นคิดว่าการที่ตัวเองอายุแค่นี้แต่กลับประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้ เธอก็เป็นคนที่มีความสามารถมากๆ แล้ว แต่พอมาเทียบกับเย่เทียน เธอก็กลายเป็นกบในกะลาไปเลยจริงๆ ช่างน่าขันสิ้นดี

แต่ในอีกมุมหนึ่ง ฮั่วยั่นจือก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา

ถึงแม้เย่เทียนจะเป็นปรมาจารย์ปรุงยาจริง แล้วมันจะยังไงต่อ?

เธอนั้นฝึกฝนโดยที่ไม่มีใครคอยชี้แนะ และยังเรียนรู้วิธีการปรุงยาได้ด้วย ถ้าหากมีคนคอยชี้แนะ เธอก็เชื่อว่าตัวเองไม่น่าจะด้อยไปกว่าเย่เทียนสักเท่าไหร่หรอก!

ถ้าเป็นนักบู๊ที่ ตระกูลตู้เชิญมาก็คงดี แต่ถ้าเป็นคนในพรรคละก็ เรื่องมันก็จะยุ่งยากขึ้นไปอีก

ไม่ว่ายังไง การจะสามารถควบคุม ตระกูลตู้ที่ยิ่งใหญ่ได้นั้น ต้องไม่ใช่เรื่องที่พรรคเล็กๆ จะสามารถทำได้แน่นอน!

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เย่เทียนก็ยังรู้สึกอารมณ์ดี

เพราะถ้ามีการสนับสนุนจากตระกูลฮั่ว คนในบ้านซูเจิ้งไห่ก็คงไม่บังคับซูเหมยให้แต่งงานกับหลี่เฟิงแล้วล่ะมั้ง? อย่างน้อยก็แก้ปัญหาไปได้แล้วเรื่องหนึ่ง

เย่เทียนเชื่อว่า ด้วยไอคิวของฮั่วยั่นจือ ต่อให้จะรู้ว่าเรื่องหนอนกู่เป็นเพียงเรื่องที่ตนข่มขู่เธอ เธอก็ไม่มีทางที่จะไม่ช่วยเขาแน่นอน

ฐานะผู้แข็งแกร่งที่สูงกว่าระดับดำขึ้นไป บวกกับความสามารถของปรมาจารย์ปรุงยา ขอแค่หัวของฮั่วยั่นจือยังไม่ถูกประตูหนีบจนแบน ก็น่าจะรู้ว่าควรทำยังไง

กริ้งกริ้ง!

ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น

เย่เทียนหยิบมือถือออกมาดู คนที่โทรมาคือเหลียงเหวินเห้า

“ฮัลโหล เสี่ยวเย่ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ สนามบินเจียงหนานน่าจะถึงจ๊กกลางตอนสี่โมงเย็น”

“ไม่รู้ว่าวันนี้เธอติดธุระอะไรรึเปล่า ถ้ามีฉันอยากให้เธอช่วยเลื่อนออกไปก่อน”

เหลียงเหวินเห้าพูดอย่างไม่เกรงใจ ทันทีที่รับสายก็เข้าประเด็นเลย

เย่เทียนคิ้วกระตุก แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “คุณคิดจะทำอะไร?”

“ก็ไม่มีอะไร พอดีคืนนี้เมืองเล็กๆ ที่อยู่ใกล้เขตเหมืองที่สุดจะมีการพนันหิน หินพวกนั้นต่างก็เป็นหินที่ชาวบ้านแถวนั้นเก็บมาจากในเหมือง ฉันเลยอยากไปดูสักหน่อยเผื่อได้อะไรดีๆ ติดมือมา”

“ถึงตอนนั้นก็ถือโอกาสแนะนำพันธมิตรที่อยู่ในจ๊กกลางให้เธอรู้จักด้วย”

“ได้ครับ! ถ้าคุณมาถึงจ๊กกลางแล้วค่อยโทรหาผมอีกทีนะครับ”

พอเย่เทียนได้ยินอย่างนั้น ก็รีบรับปากทันที ยังไงเขาก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว อยู่ว่างๆ มันก็ไม่ได้อะไรใช่มั้ย?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่