ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 685

เติ้งเจี้ยนข่ายเห็นเหรียญตราเพชรม่วงเป็นประกายแวววามในมือเย่เทียนแล้วนิ่งอึ้งไป ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเย่เทียนที่ภายนอกดูธรรมดาจะมีเหรียญตราเพชรม่วงจริงๆ!

สังเกตเห็นสีหน้าย่ำแย่ถึงขีดสุดของเติ้งเจี้ยนข่าย เซวฟู่ยี่ได้สติอย่างรวดเร็วและพูดเสียงดังฟังชัด “คุณชายเติ้ง ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ? ฉันจำได้ว่าเหรียญตราเพชรม่วงมีงบเดิมพันอยู่ห้าสิบล้านนะ จะให้พวกเราเล่นตามงบเหรียญตราทองคำขาวของนาย หรือนายจะเดิมพันเพิ่มอีกสิบล้านล่ะ?”

“ตามงบเหรียญตราเพชรม่วงเลย”

เติ้งเจี้ยนข่ายอดเดือดขึ้นมาไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าตัวเองแค่ฉวยโอกาสให้ตัวเองได้หน้าเท่านั้น กลับโดนเย่เทียนที่ภายนอกธรรมดาตบหน้าเข้าให้ เขาจ้องเย่เทียนด้วยความโมโห เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ฉันลงเพิ่มอีกสิบล้าน!”

“เดี๋ยวก่อน”

ทันใดนั้น เย่เทียนกลับก้าวออกมาอีกครั้ง

“นายต้องการอะไรอีก?”

เติ้งเจี้ยนข่ายเรียกได้ว่าแค้นเย่เทียนเข้ากระดูกดำ ถ้าไม่ใช่เย่เทียน เขาคงไม่กระอักกระอ่วนขนาดนี้

เย่เทียนหัวเราะเฮ่ะๆ “คุณชายเติ้ง เมื่อกี้นายพูดเองไม่ใช่เหรอว่าเดิมพันด้วยเงินอย่างเดียวมันน่าเบื่อ ถ้าอย่างนั้นเราเพิ่มเดิมพันกันหน่อยไหม?”

“เพิ่มเดิมพันอีกหน่อย?”

เติ้งเจี้ยนข่ายผงะ ไม่ค่อยเข้าใจว่าเย่เทียนจะมาไม้ไหนอีก

“ใช่!”

เย่เทียนพยักหน้า พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ว่าใครแพ้ เพิ่มเดิมพันด้วยแขนข้างหนึ่งเป็นไง?”

เมื่อคำพูดนี้ถูกเอื้อนเอ่ยออกไป ทุกคนในที่นี้ล้วนตกอกตกใจกันหมด ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเย่เทียนจะเล่นใหญ่ขนาดนี้!

ในสายตาลูกหลานคนรวยพวกนี้ ถึงเดิมพันห้าสิบล้านจะเยอะ แต่ยังมีคนไม่น้อยจ่ายไหว ทว่าถ้าเดิมพันแม้กระทั่งแขน จะบ้าไปหน่อยแล้วมั้ง?

นี่ยังเป็นการพนันโดยเน้นความบันเทิงอยู่หรือ แทบจะไม่ต่างอะไรจากเอาชีวิตเข้าแลกแล้วมั้ง

“โอ้โห! เจ้านี่โผล่มาจากไหนเนี่ย พวกนายมีใครรู้จักไหม? ต้องเล่นแรงขนาดนี้เชียวเหรอ?”

ชั่วขณะนั้น เย่เทียนกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งสนามอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกคนพากันจับจ้องมาที่เขา แอบคาดเดาไปว่าเย่เทียนเป็นใครมาจากไหน

สีหน้าเติ้งเจี้ยนข่ายอึมครึมลงในบัดดล เดิมเขาแค่อยากดูถูกเหยียดหยามเซวฟู่ยี่เสียหน่อย ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ ทำให้เขาขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก

ในตอนนั้นเอง ผู้ชายที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเย่เทียนก่อนหน้านี้ทั้งยังโขกจนเลือดกำเดาไหลก้าวเข้ามา กระซิบกระซาบอยู่ข้างหูเติ้งเจี้ยนข่าย

เติ้งเจี้ยนข่ายได้ยินดังนั้นจึงใจชื้นขึ้น สายตาที่มองเย่เทียนไม่เป็นมิตรขึ้นมา และยิ้มอย่างโหดเหี้ยม “ได้! แต่แขนแค่ข้างเดียวดูจะขี้งกไปหน่อย สู้สองข้างเลยแล้วกัน! ใครแพ้ฟันแขนให้ขาดทั้งสองข้างที่นี่เลย”

เย่เทียนผงะ ก่อนจะตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว มุมปากยกยิ้มลึกล้ำ ไม่เก็บคำพูดของเติ้งเจี้ยนข่ายมาใส่ใจเลยสักนิด

เขาเอียงคอเหลือบมองเซวฟู่ยี่ที่หน้าตาตะลึงเหมือนกัน และพูดอย่างไร้ความรับผิดชอบ “เรื่องนี้นายถามฉันไม่ได้ ยังไงซะไม่ใช่ฉันที่พนันกับนาย”

“หา?!”

เซวฟู่ยี่เอ๋อไปเลย ไม่คิดว่าเย่เทียนจะพูดแบบนี้

เติ้งเจี้ยนข่ายเองก็หงุดหงิดจนแทบกระอักเลือด ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้มีคนดูอยู่เยอะ ต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ ไม่แน่เขาอาจจะทนไม่ไหวพุ่งเข้าไปและอัดเย่เทียนจนหนำใจเลยก็ได้

ไม่ว่ายังไง เติ้งเจี้ยนข่ายปรับจังหวะหายใจ พยายามสงบใจตัวเอง และหันไปมองเซวฟู่ยี่พร้อมเร่ง “คุณชายเซว ว่ายังไง? เดิมพันใหญ่แบบนี้นายกล้าเล่นไหม?”

เซวฟู่ยี่ขมวดคิ้วเป็นปม เขาไม่คิดจริงๆว่าเย่เทียนจะเตะลูกบอลกลับมาหาตัวเอง

พนันหรือไม่อยู่ที่คำเดียว แต่เรื่องใหญ่ที่กระทบถึงแขนสองข้างเขาเองก็อดลังเลไม่ได้ สีหน้าไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่นัก

ชายคนนั้นยิ้มอย่างมั่นใจ “ผมไปเซียงเจียงมาก่อนหน้านี้ และตั้งใจไปดูงานแข่งม้าโดยเฉพาะ มีการแข่งพอดี คว่ายยี่เอินโฉวตัวนั้นเป็นม้าชั้นยอดแน่นอน ซื้อมันชนะไม่ผิดแน่”

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เติ้งเจี้ยนข่ายก็ยังอดกังวลไม่ได้ และโบกมือให้ลูกสมุนคนอื่นๆ

ลูกสมุนพวกนั้นเข้าใจทันที พากันหยิบมือถือ แท็บเล็ตออกมาค้นหาข้อมูล

“คุณชายเติ้ง คว่ายยี่เอินโฉวเป็นม้าชั้นยอดจริงๆครับ”

“จริงรึ?!”

เมื่อได้รับคำตอบยืนยัน เติ้งเจี้ยนข่ายอดเลียปากไม่ได้ เขาหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาหมายจะลงเดิมพัน แต่ด้านบนสุดของแท็บเล็ตแสดงข้อความขึ้นมาเสียก่อน

“ตายจริง ทำไมคุณชายเซวถึงเลือกม้าที่ไม่มีทางชนะล่ะ”

“สมองคุณชายเซวมีปัญหารึเปล่า ถึงเดิมพันกับเจ้าเชอร์ชิลที่ไม่มีใครสน”

“เจ้าเชอร์ชิลตัวนั้น แข่งกันสิบครั้งได้ที่โหล่ไปแปดครั้ง คุณชายเซวละทิ้งตังเองซะแล้วเหรอ?”

ตอนที่เติ้งเจี้ยนข่ายสังเกตถึงเหตุการณ์นี้ คนอื่นๆก็เห็นม้าที่เซวฟู่ยี่ลงเดิมพันผ่านแท็บเล็ตเช่นกัน จึงพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างอดไม่ได้ และงุนงงอย่างมากกับเรื่องนี้

เซวฟู่ยี่ได้ฟังจึงอึดอัดจนหน้าแดง พูดด้วยความไม่สบายใจ “พี่เย่ พี่ไม่ได้หลอกผมจริงๆใช่ไหม? ม้าตัวนั้นไม่มีใครสนมาตลอดเลยนะ”

“นายต้องเชื่อฉัน คนเรายังมีศักดิ์ศรี ม้าก็ต้องมีศักดิ์ศรีไม่ใช่หรือไง?”

เย่เทียนพูดด้วยท่าทางจริงจัง “สัญชาตญาณบอกฉันว่าคราวนี้เชอร์ชิลต้องสู้และพลิกชะตาของตัวเองได้แน่!”

เซวฟู่ยี่ตากระตุกอย่างแรง แต่เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว นอกจากภาวนาเงียบๆ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก…..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่