ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 684

เสี้ยววินาทีที่เย่เทียนยืนขึ้น ชายหนุ่มตรงหน้าเขากลับเท้าเซ คุกเข่าลงไปโดยไม่มีวี่แววเตือน ส่วนหัวกระแทกกับที่วางแขนของเก้าอี้นวดอย่างแรง เลือดกำเดาสีแดงสดไหลออกมาในบัดดล เจ็บจนเขาหน้าเหยเก ร้องโหยหวน

“ไอ้เวรนี่บังอาจลอบทำร้ายฉัน ฉันจะฆ่านาย!”

ไม่นานนักคนผู้นั้นก็เอามืดปิดจมูกและยันตัวขึ้น ก่อนจะโบ้ยความผิดให้เย่เทียนโดยปริยาย

“เดี๋ยวๆๆ คนเราจะกินข้าวมั่วๆได้ แต่อย่าพูดอะไรมั่วๆนะ”

เย่เทียนเบ้ปาก พูดด้วยท่าทางใสซื่อ “ที่นี่มีคนจับตาดูอยู่มากมาย ฉันไม่ทันได้แตะตัวนายด้วยซ้ำ นายยืนไม่มั่นคงเองแท้ๆ!”

แต่ ชายผู้นั้นมั่นใจว่าเย่เทียนเป็นคนตุกติกแน่ๆ มิฉะนั้นทำไมอยู่ๆเขาถึงรู้สึกเจ็บหัวเข่าล่ะ? แล้วจะคุกเข่าด้วยสัญชาตญาณได้ยังไง ยิ่งไม่มีทางกระแทกกับที่วางแขนของเก้าอี้นวด!

“ไอ้เวรนี่ยังจะ…..”

คิดมาถึงนี่ ชายผู้นี้จะมัวเสียเวลาอยู่ได้ยังไง ระหว่างที่เขาคำรามเกรี้ยวกราดก็เงื้อกำปั้นจะต่อยเย่เทียน

แต่ในตอนนั้นเอง เซวฟู่ยี่กลับพุ่งเข้ามาอย่างแรง ขวางอยู่ระหว่างเย่เทียนและชายผู้นั้น พูดด้วยสีหน้าอึมครึม “ทำไม? นี่นายจะทำร้ายเพื่อนฉันต่อหน้าฉันเหรอ?”

ยังไงซะเซวฟู่ยี่ก็เป็นคุณชายตระกูลใหญ่อันดับต้นๆ แม้ว่าเติ้งเจี้ยนข่ายจะทัดเทียมเขา แต่ชายผู้นี้เป็นเพียงลูกสมุนที่ติดตามเติ้งเจี้ยนข่าย มีสิทธิ์อะไรล่วงเกินเซวฟู่ยี่?

บัดนี้ถูกเซวฟู่ยี่ขวางไว้ กำปั้นที่เงื้อขึ้ยสูงของผู้นั้นค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ ต่อยก็ไม่ได้ ไม่ต่อยก็ไม่ได้

“พอได้แล้ว สรุปว่าคุณชายเซวจะพนันไหม? เลิกเฉไฉเสียเวลาได้แล้ว!”

นาทีสำคัญนี้ เติ้งเจี้ยนข่ายเป็นคนก้าวออกมา ขณะเดียวกับที่คลี่คลายความกระอักกระอ่วนของลูกสมุน ก็เร่งเร้าเซวฟู่ยี่ด้วยหน้าตาหงุดหงิด

“พนันสิ ฉันพูดตอนไหนว่าไม่พนัน!”

เซวฟู่ยี่เบนสายตาออกจากลูกสมุนทันที และจดจ้องเติ้งเจี้ยนข่าย “นายจะพนันแบบไหน”

“เอาอย่างนี้คุณชายเซว นายอย่าหาว่าฉันใช้เงินรังแกนายเลย ฉันมีเหรียญตราทองคำขาว งบเดิมพันอยู่ที่สี่สิบล้าน หากชนะมันเป็นของนาย หากแพ้ ฉันไม่ต้องการเหรียญตราทองเหลืองอะไรของนายหรอก ขอเพียงนายควักออกมาสี่สิบล้าน และหลังจากนี้ไม่ว่าเจอฉันที่ไหนก็ต้องเข้ามาหาและเรียกฉันว่าพี่แต่โดยดี!”

เติ้งเจี้ยนข่ายหัวเราะเฮ่ะๆ ราวกับมั่นอกมั่นใจเหลือเกินกับการพนันครั้งนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าอาจจะแพ้

“สี่สิบล้านเหรอ?”

เซวฟู่ยี่ได้ฟังก็ใจเย็นขี้นมาในทันใด นึกอัปยศในใจ การพนันยิ่งใหญ่เมื่อครึ่งเดือนก่อนแทบจะผลาญค่าขนมของเขาไปหมดแล้ว กระทั่งของหลายเดือนต่อจากนั้นก็เสียไปหมดเลยด้วย บัดนี้ต่อให้เขาแคะออกจากทุกที่รวมๆแล้วก็แค่สองล้านกว่า

ต่อให้นับรวมสามสิบล้านที่เบิกจากเหรียญตราทองเหลืองก่อนได้ก็มีแค่สามสิบสองล้าน ขาดอีกเกือบแปดล้านแน่ะ!

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่สามสิบล้านที่เบิกออกมาก่อนก็ใช้ได้แค่ในงานแข่งม้าเท่านั้น หากจะกลับต้องชำระให้เรียบร้อย ขืนไม่ทันระวังแล้วแพ้ จะให้อารองเซวมาช่วยชีวิตอีกหรือไง?

“จริงสิ คุณชายเซวก็น่าจะรู้ว่าเหรียญตราสมาชิกของงานแข่งม้ายิ่งที่มีน้อยยิ่งมีค่ามาแต่ไหนแต่ไร เหรียญตราที่ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งมีค่ามากเท่านั้น เหรียญตราทองคำขาวนี้ของฉันก็ลงแรงไปเยอะกว่าจะได้มา”

เติ้งเจี้ยนข่ายพยักหน้า พูดจาแดกดัน “การพนันในตอนนี้นายได้เปรียบกว่าเยอะนะ ถ้าแพ้ก็เสียแค่สี่สิบล้าน เชื่อว่าเงินแค่นี้คุณชายเซวคงไม่ถึงขั้นไม่มีให้หรอกมั้ง?”

“สมกับเป็นคุณชายเติ้ง ฉันคลุกคลีในงานแข่งม้านี้จะสองปีแล้ว ตอนนี้ยังอยู่ระดับเงินขาวอันน่าสงสารอยู่เลย”

“จะเล่นตลกก็หาเหตุผลที่สมจริงหน่อยสิ ได้ข่าวว่าเหรียญตราเพชรม่วงมีเพียงยี่สิบอัน คนที่ได้มาล้วนแต่เป็นบอสใหญ่ที่อยู่บนจุดสูงสุดของพีระมิด”

“ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่เคยเห็นคนที่มีเหรียญตราเพชรม่วงมาที่นี่ ไอ้หนุ่มนี่จะโม้ก็ให้มันสมจริงหน่อยสิ”

เติ้งเจี้ยนข่ายเองก็คิดว่าเย่เทียนขี้โม้ไปอย่างนั้นเหมือนกัน จึงหัวเราะร่วน “นายแน่ใจเหรอว่านายมีเหรียญตราเพชรม่วงจริงๆ”

“แน่นอนสิ! ไม่เชื่อนายมาดูเองก็ได้!”

ขณะที่พูด เย่เทียนหยิบแท็บเล็ตมาแล้ว พร้อมแกะเหรียญตราเพชรม่วงเจิดจรัสออกมา

ชั่วขณะนั้น สายตาทุกคนถูกเย่เทียนดึงดูดไปหมด พูดให้ถูกคือโดนเหรียญตราเพชรม่วงในมือเย่เทียนดึงดูด!

“พระเจ้า เหรียญตราเพชรม่วงจริงๆด้วย!”

เงียบกันไปพักหนึ่ง ไม่รู้ว่าใครที่ตะโกนเสียงแตกตื่นอย่างอดไม่ได้ จนผู้คนเริ่มได้สติกัน

ทุกคนในที่นี้ล้วนแต่มองเย่เทียนด้วยสีหน้าตะลึง ไม่รู้เลยว่าเย่เทียนโผล่มาจากไหนถึงมีเหรียญตราเพชรม่วงอยู่ในมือ!

นึกถึงคำพูดถากถางเมื่อกี้ของพวกเขา เหมือนโดนตบหน้าโดยไม่ต้องสงสัย และตบแรงจนหน้าสั่นเสียด้วย

เดิมเติ้งเจี้ยนข่ายแค่อยากถือโอกาสนี้เหยียดหยามเซวฟู่ยี่ ไม่คิดเลยว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปไวขนาดนี้ กระทั่งประโยคที่เขาพูดก่อนหน้านี้ว่า “น่าจะไม่มีใครมี” ก้องกังวานอยู่ในหูเขาไม่หยุด เขากระอักกระอ่วนจนใบหน้าเริ่มแดง…..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่