“พี่เย่เดาไม่ผิด แท็บเล็ตพวกนี้ผ่านการปรับแต่งแบบพิเศษมา เหรียญตราที่งานแข่งม้ามอบให้มีชิปเล็กๆฝังอยู่ มีเพียงเสียบเหรียญตราเข้าไปเท่านั้นแท็บเล็ตถึงจะเปิดใช้ได้ตามปกติ”
เซวฟู่ยี่อธิบายให้เย่เทียนไปพลาง ก่อนจะหยิบเหรียญตราทองเหลืองที่เป็นของเขาเสียบเข้าไปตรงรูยุบของแท็บเล็ต
ติ๊ง!
เสียงใสกังวานดังขึ้น แท็บเล็ตในมือเซวฟู่ยี่กระตุ้นการใช้งาน
“พี่เย่ ด้วยความแตกต่างของเหรียญตรา งานแข่งม้าจะให้งบเดิมพันสูงสุดที่แตกต่างออกไป อย่างเหรียญตราทองเหลืองของผมลงเดิมพันได้สูงสุดสามสิบล้าน ส่วนเหรียญตราเพชรม่วงของพี่เหมือนจะเดิมพันได้สูงสุดห้าสิบล้าน!”
“หืม?!”
เย่เทียนเลียนแบบเซวฟู่ยี่ ลงมือกระตุ้นการใช้งานของแท็บเล็ตบ้าง หลังจากเห็นข้อความกำกับว่าเดิมพันได้สูงสุดห้าสิบล้านจริงๆ สีหน้าก็ลึกล้ำขึ้นมา
นับวันเขายิ่งไม่เข้าใจว่าหลู่ซีซานจะทำอะไร จะให้ของกันทีมาเป็นห้าสิบล้าน นี่เธอจะทำอะไรกันแน่?
“เอ๋?!”
นาทีต่อมา หลังเห็นข้อมูลบนแท็บเล็ตอย่างชัดเจนแล้ว เย่เทียนอึ้งจนอดร้องออกมาไม่ได้
ไม่มีเหตุผลอื่น บนแท็บเล็ตนี้มีการอธิบายม้าแต่ละตัวที่ร่วมแข่งอย่างละเอียด กระทั่งข้อมูลของนักขี่ก็มีครบทุกอย่าง สมกับเป็นสโมสรที่ให้บริการเศรษฐีร้อยล้าน ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ!
“โอ้ นี่มันคุณชายรองตระกูลเซวไม่ใช่เหรอ?!”
แต่ในตอนนั้นเอง มีคนไม่กี่คนเดินมาจากที่ไม่ไกล พวกนั้นยังไม่ทันเข้ามาใกล้ เจ้าคนที่นำอยู่ดันโหวกเหวกขึ้นมาเสียงดัง “ว่ายังไง? หรือครั้งก่อนยังแพ้ไม่เละพอ ครั้งนี้เลยมาให้เงินพวกเราอีกรอบเหรอ?”
ขณะที่พูด ตัวคนก็เดินมาถึงตรงหน้าพวกเย่เทียนสองคนในที่สุด
เขาคือชายหนุ่มทรงผมกวาดไปด้านหลัง คลุมเสื้อโค้ทสีดำ ทำท่าทำทางประหนึ่งว่าเป็นเซียนพนันอย่างพี่ฟาตอนหนุ่ม มือขวาเขาคีบซิการ์แท่งใหญ่ราคาแพง ส่วนอีกมือโอบสาวสวยวัยเยาว์ สีหน้าประหนึ่งตัวเองนั้นยิ่งใหญ่คับฟ้า แทบจะเชิดจมูกใส่ฟ้าอยู่แล้ว
เย่เทียนมีสีหน้างุนงง แต่หน้าตาของเซวฟู่ยี่กลับย่ำแย่ลง สองมือกำหมัดโดยไม่รู้ตัว เห็นได้เลยว่าเขาไม่ชอบผู้มาอย่างแรง
ไม่ว่ายังไงเมืองจินก็เป็นเมืองหลวงของประเทศ ถึงแม้ตระกูลเย่และตระกูลเซวจะผูกขาดความเป็นใหญ่ แต่ใครก็ตามที่พำนักอยู่ในเมืองจินแห่งนี้ มีใครธรรมดาบ้าง?
อีกอย่าง นอกจากอิทธิพลประจำถิ่นเมืองจินแล้ว ยังมีแบรนด์นานาชาติจำนวนหนึ่งเข้ามาปักหลักอยู่ในเมืองจินเช่นกัน ยิ่งใหญ่เกรียงไกรประหนึ่งมังกรดุดัน จนอิทธิพลท้องถิ่นไม่กล้าไปแหยมด้วย
ส่วนชายหนุ่มตรงหน้าเป็นอย่างหลัง ไม่ถึงขั้นที่ไม่เหลือทางถอย หนึ่งในบุคคลที่ต่อให้เป็นตระกูลเซวก็ไม่อยากขัดแย้งด้วย
สัมผัสได้ถึงท่าทีแปลกไปของเซวฟู่ยี่ข้างกาย เย่เทียนอดเงยหน้ามองอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ไม่ได้เก็บเขามาใส่ใจ
กลับเป็นเซวฟู่ยี่ที่ข่มความโกรธเกรี้ยวในใจไว้ไม่ไหว จ้องผู้มาด้วยดวงตาราวกับจะพ่นไฟ เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางกล่าว “เติ้งเจี้ยนข่าย ขืนนายพูดเหลวไหลอีกคำฉันจะฉีกปากเหม็นๆของนายให้เละเลยเชื่อไหม!”
“คุณชายรองเซวคงไม่ได้พาลโมโหเพราะอายใช่ไหม?”
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเติ้งเจี้ยนข่ายไม่กลัวเซวฟู่ยี่เลยสักนิด เขาพูดอย่างมีเหตุมีผล “แต่ประเด็นคือฉันไม่ได้พูดเหลวไหลนี่นา!”
“ที่นี่มีคนไม่น้อยได้เห็นเรื่องเมื่อครึ่งเดือนก่อนกับตา พวกเขาเป็นพยานให้ฉันได้หมดว่าฉันพูดความจริง”
เขามองไปรอบๆอย่างลำพองใจ ก่อนจะยิ้มเย็นๆ “งานแข่งม้าเมื่อครึ่งเดือนก่อน คุณชายรองเซวแพ้จนไม่เหลือแม้แต่กางเกงจริงๆนี่นา ถ้าไม่ใช่ว่าสุดท้ายอารองของนายออกหน้าให้ เกรงว่าวันนั้นนายจะเดินออกจากงานแข่งม้ายังไม่ได้เลยมั้ง?”
“คุณชายรองเซวเอ๋ยคุณชายรองเซว ทำไมนายถึงบ้าพนันขนาดนั้นนะ? ไม่กลัวว่าวันนี้ก็ต้องแพ้จนเรียกพ่อมาเหรอ?”
พวกลูกหลานคนรวยที่ไม่กลัวเรื่องใหญ่หัวเราะเยาะกันดังลั่น อยากเห็นเซวฟู่ยี่ขายหน้าชัดๆ
โดยเฉพาะชายคนหนึ่งที่ติดตามอยู่ข้างกายเติ้งเจี้ยนข่าย เขาตะคอกใส่ซูเย่ด้วยท่าทีเอ้อระเหย เห็นได้ชัดว่าอยากแย่งที่เย่เทียน
ถึงเวลานี้ เย่เทียนเดาออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น คงเพราะเมื่อครึ่งเดือนก่อนเซวฟู่ยี่เดิมพันยิ่งใหญ่กับเจ้านี่ ผลสุดท้ายคือเซวฟู่ยี่แพ้ไม่เป็นท่า สุดท้ายต้องให้อารองเซวออกหน้าเรื่องถึงจบ
คิดมาถึงนี่ นัยน์ตาสีนิลของเย่เทียนหรี่ลงเล็กน้อย ไม่สนเจ้าคนที่ท้าทายอยู่อย่างโอหัง เขาทอดสายตาไปที่เติ้งเจี้ยนข่าย
“เฮ้ย! หูหนวกหรือไงวะ? ฉันพูดกับแกอยู่โว้ย รีบไสหัวไปซะ!”
การที่เย่เทียนเมินส่งผลให้ชายคนนั้นโมโหขึ้นมาทันที เขายื่นมือไปผลักเย่เทียน พยายามบังคับให้เย่เทียนไป
แต่ เย่เทียนกลับยิ่งไม่ไหวติง เย่เทียนหันไปมองเขานิ่งๆ มุมปากยกยิ้มนึกสนุกอย่างอดไม่ได้ “นายอยากได้ที่นั่งนี้เหรอ?”
“แกพูดไร้สาระอะไรวะ ไม่อย่างนั้นทำไมฉันต้องให้แกไสหัวไปด้วย!”
คนผู้นั้นผงะ ก่อนจะด่าด้วยเสียงดังกว่าเดิม
เย่เทียนยักไหล่ ใบหน้าเปื้อนยิ้มจางๆและลุกขึ้น “ได้สิ ฉันยกที่นั่งให้นย”
คนนั้นมีหน้าตางุนงงในบัดดล คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะยอมยกที่นั่งให้แต่โดยดี จนเขาไม่รู้สึกถึงความปลื้มปิติของชัยชนะเลยสักนิด!
แต่ในตอนนั้นเอง คนผู้นั้นกลับรู้สึกเจ็บที่หัวเข่าขึ้นมาจนเขาคุกเข่าลงอย่างอดไม่ได้ หัวของเขากระแทกกับที่วางมือของเก้าอี้นวดอย่างแรง เลือดสีแดงฉานไหล่ออกจากจมูกในทันที……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่
ฝากถึงทีมงาน เราชอบอ่านนิยายมานาน...อ่านทุกประเภทและนิยายจีน..จากปี2520..อ่านมาตลอดในเวปใหญ่ๆ ชอบที่ทีมงานในเวปที่ให้อ่านฟรี..ก็อยากสนับสนุนถ้ามีโอกาส..และเวปดังๆเขาเก็บแพง..สมัยก่่อนเคยอ่านนิยายทั้งไทยจีน ค่าเช่าเล่มละ3บาท...แต่เวปดังๆเขาคิดตอนละ3บาท บางเรื่องมีหลายพันตอนซึ่งเมื่อเทียบแล้วเป็นเงินหลายพันบาท ซึ่งแพงกว่าเช่ามาก...เพื่อให้เวปพัฒนาขึ้น มีนิยายให้อ่านมากๆเรื่อง...มีค่าอ่านเช่น10ตอน3บาทหรือแล้วแต่ทางทีมงานจะตั้งราคา ที่ไม่สูงมากอย่างเวปอื่นซึ่งทีมงานคงรู้..นำมาปรับปรุงเวปนี้ เพราะชอบการแปลแบบนี้...
55555โดนสะงั้น...
Goๆๆๆๆๆๆ...
สุดยอดๆๆๆๆ...
ต่อไปๆๆๆ...
ยอมรับว่าเล้าใจๆๆ...
ติดตามๆๆๆๆไปต่อ...
ไปต่อๆๆๆ...
ต่อๆๆไปเลย...
สุดยอด...