ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 700

ใต้เงาต้นไม้ฝั่งตรงข้ามโรงแรม มีรถตู้รับซ่อมไม่เป็นที่สังเกตจอดอยู่ บางทีคนอื่นอาจมองไม่ออก แต่ฟู่โก๋หาวที่มองจากด้านบนกลับสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากล

นับแต่พวกเขาเข้าไปในโรงแรม ฟู่โก๋หาวก็สังเกตเห็นรถตู้คันนั้น จนตอนนี้ผ่านไปแล้วอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงยังจอดอยู่ตรงนั้น แต่ดันไม่มีใครขึ้นลง ยังไม่แปลกพออีกเหรอ?

โบราณว่าไว้: เรื่องผิดปกติต้องไม่ชอบมาพากลแน่นอน

ฟู่โก๋หาวรู้ดีแก่ใจ คนที่อยู่ในรถตู้คันนั้นต้องมีความลับที่ไม่อาจให้ใครล่วงรู้ได้แน่นอน!

คิดมาถึงนี่ ฟู่โก๋หาวดึงสายตากลับมาจากริมหน้าต่าง และหันไปพูดกับฟู่เซิ่งหนาน “ในเมื่อกลับมาแล้ว ลูกอย่าเพิ่งออกไปไหนนะ ถ้าพ่อเป็นอีกฝ่าย ไม่ว่าจะอยากลงมือกับใครในที่นี้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือเปลี่ยนตัวพนักงาน”

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ อย่าว่าแต่ฟู่เซิ่งหนานที่มีสีหน้าหนักใจขึ้นมา ขนาดฟู่โก๋หาวที่พูดเองยังขมวดคิ้วมุ่น พวกเขาเพิ่งมาถึงเมืองจินก็เจอเข้ากับเรื่องแบบนี้ ดูท่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด!

“คุณพ่อ เราควรไปเตือนเย่เทียนหน่อยไหมคะ”

“ไม่ต้องรีบร้อน ยังไม่รู้เลยว่าพวกเขามาหาเรื่องใคร!”

ฟู่โก๋หาวกลับปฏิเสธสิ่งที่ฟู่เซิ่งหนานเสนอ ส่ายหัวพลางกล่าว “ขืนแหวกหญ้าให้งูตื่น ก็ยากจะล่วงรู้ว่าเป้าหมายของพวกเขาคือใคร”

“คุณพ่อคะ แต่ว่า…..”

คิ้วเรียวของฟู่เซิ่งหนานขมวด เธอเข้าใจที่ฟู่โก๋หาวบอก แต่ถ้าเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นมาจะทำยังไง?

“วางใจเถอะ พ่อรู้จังหวะ”

ฟู่โก๋หาวรู้ว่าฟู่เซิ่งหนานกังวลเรื่องอะไร เขาคลี่ยิ้มเบาๆเป็นรอยยิ้มอันมีความหมาย

ส่วนคนในรถตู้ไม่รู้หรอกว่าได้เผยไต๋ออกไปแล้ว หัวหน้าเผิงนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้ หลับตาเก็บเรี่ยวเก็บแรง

“หัวหน้าเผิงครับ คนของพวกเราเข้าไปในโรงแรมแล้ว ท่านจะให้ปฏิบัติการเลยไหมครับ”

ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังเข้ามาในหูฟัง ส่งผลให้หัวหน้าเผิงลืมตา

“อย่าเพิ่งลงมือ คนที่มางานคืนนี้มีแต่คนไม่ธรรมดา ถ้าล่วงเกินเข้าจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทอย่างมาก!”

หัวหน้าเผิงกลับส่ายหัวอย่างสงบจิตสงบใจ “รออีกสักหน่อยเถอะ ดูว่ามีโอกาสลงมือตอนเขาอยู่คนเดียวไหม”

พูดจบ หัวหน้าเผิงหลับตาอีกครั้ง หูฟังเงียบไป

ขณะเดียวกัน ในโถงงานเลี้ยงคนตะลึงกันเป็นแถบ ทุกคนคิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนจะเป็นเบี้ยที่ถูกตระกูลเย่ทิ้งเมื่อสิบกว่าปีก่อน!

ได้เห็นท่าทางนอบน้อมที่เย่หลิงปฏิบัติต่อเย่เทียนแล้ว ฝูงชนทนไหวที่ไหน ต่างพากันซุบซิบเสียงเบา

“ไม่ถูกนะ! เขาเป็นคนที่ถูกตระกูลเย่ทิ้งไม่ใช่เหรอ! ทำไมเย่หลิงถึงเคารพเขาขนาดนั้นล่ะ?”

“นายโง่รึเปล่า? นั่นเป็นเรื่องเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วนะ ยังไงซะเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ น่าแปลกใจตรงไหน”

“มิน่าล่ะเจ้านั่นถึงกล้ามีเรื่องกับกู้เฉียง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาเป็นคนของเย่เทียน!”

คนกลุ่มใหญ่มองเย่เทียนด้วยสีหน้าหลากหลายความรู้สึก แต่เย่เทียนกลับทำเป็นไม่เห็น จ้องเย่หลิงตรงหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ มุมปากยังคงเหยียดยิ้มใสซื่อ

“ฝากนายไปบอกท่านด้วย ฉันไม่สนเลยสักนิด! ฉันจะใช้ชีวิตแบบไหนเป็นเรื่องของฉัน ท่านไม่มีสิทธิ์ยุ่ง!”

คำพูดนี้ส่งผลให้เย่หลิงขมวดคิ้วเป็นปม แต่แล้วก็ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ “คุณชายเย่เทียน กระผมเป็นเพียงคนรับใช้ คำพูดแบบนี้ผมไม่กล้าส่งต่อให้หรอกครับ หวังว่าคุณจะเข้าใจ”

“แต่ถ้าคุณต้องการ ผมพาคุณไปพบคุณย่าเย่ได้ ผมเชื่อว่าคุณย่าเย่ต้องอยากพบคุณแน่นอน”

เย่เทียนโบกมือและยักไหล่ “ถ้าอย่างนั้นช่างเถอะ ฉันเคยบอกนายแล้วว่าฉันจะไม่ก้าวเข้าไปในตระกูลเย่แม้แต่ก้าวเดียว!”

ถึงทุกคนจะอยากเอาใจเย่เทียน แต่เขาพูดชัดขนาดนี้แล้ว พวกเขากล้าขวางอีกที่ไหน ทำได้เพียงยืนมองเย่เทียนกลับไปนั่งที่เดิมอย่างน่าสงสาร

แน่นอน มีพวกจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เห็นว่าเย่เทียนกลับไปนั่งตรงหลู่ซีซาน จึงทึกทักเอาเองว่าเย่เทียนหลงใหลในสาวสวย และวางแผนในใจว่าจะตอบสนองต่อเย่เทียนยังไง

ยังไงก็ตาม หลู่ซีซานรู้สึกถึงอารมณ์หม่นหมองของเย่เทียน จึงสอบถามด้วยความแปลกใจ “นับแต่คืนนี้ไป คงไม่มีใครในเมืองจินไม่รู้จักนาย ทำไมนายถึงยังเซ็งอยู่ล่ะ?”

“ถ้าเป็นไปได้ ฉันขอเป็นคนตัวเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จักดีกว่า”

เย่เทียนยิ้มเฝื่อนๆอย่างเหนื่อยใจ และยกแก้วไวน์ขึ้นกระดกรวดเดียวหมด

ภาพนี้ส่งผลให้ใบหน้างดงามของหลู่ซีซานแดงระเรื่อ แก้วไวน์ที่เย่เทียนดื่มคือแก้วที่เธอดื่มก่อนหน้านี้!

แต่เธอตั้งสติได้ในไม่ช้า และพูดเหมือนหยอกล้อ “ทำไมล่ะ? ขอเพียงตระกูลเย่ไม่ล้มลง นายก็จะได้ประโยชน์จากการเป็นลูกหลานตระกูลเย่นะ”

“ถึงแม้ด้วยเหตุนี้นายจะเจอปัญหามากมายก็เถอะ อย่างน้อยฉันในตอนนี้ก็ต้องคิดหน่อยแล้วว่าจะให้นายไปส่งฉันในคืนนี้ดีไหม แต่เทียบกันแล้วผลประโยชน์ที่นายได้มีมากกว่าข้อเสียโขนะ!”

“หมายความว่ายังไง?” เย่เทียนผงะ

หลู่ซีซานหัวเราะเฮ่ะๆ “ตอนนี้นายเป็นคุณชายตระกูลเย่อย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรมแล้วนะ ถ้าฉันออกไปกับนายแล้วโดนลักพาตัวไปจะทำยังไงล่ะ?”

เย่เทียนมองค้อน “เธอต่างหากที่เป็นบ่อเงินบ่อทอง ถ้าไม่ใช่ว่าวันนี้ฉันชนะพนันและได้เงินมา ฉันก็คิดเหมือนกันว่าจะลักพาตัวเธอยังไงดี!”

หลู่ซีซานชะงัก ก่อนจะพูดด้วยท่าทางพราวเสน่ห์ “เอาสิ! ฉันรอให้นายมาลักพาตัวฉันนะ!”

“รอให้ฉันไปลักพาตัว?”

เย่เทียนปกปิดความสับสนในใจได้อย่างไร้ที่ติ เขาโอบเอวหลู่ซีซานราวกับรอบข้างไม่มีคน และแสยะยิ้มพลางกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คืนนี้เธอรอฉันแล้วกัน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่