“วิชาแพทย์กับวิชาการต่อสู้นี่นายเรียนพร้อมกันเหรอ ใครเป็นคนสอนนายล่ะ?”
เสียงเย่เทียนดังขึ้นข้างหู จนหลู่ซีซานที่คิดจะสะบัดมือต้องรีบหยุดความคิดนั้น และสืบเสาะข้อมูลโดยไม่ทิ้งร่องรอย
“ถือว่าใช่มั้ง!”
เย่เทียนมองหลู่ซีซานอย่างมีความหมาย แกล้งทำว่ามีความแค้นมหาศาล “เธออาจไม่รู้ มีอยู่ปีหนึ่งฉันไปเที่ยว ไม่ทันระวังจึงตกจากหน้าผาใครจะไปรู้ว่าจะเจอตาแก่บ้าๆบอๆ บังคับฉันให้เรียนนู่นเรียนนี่ให้ได้ ถ้าฉันไม่เรียนจะไม่ให้ฉันกินข้าว ฉันเองก็ไม่มีทางเลือก!”
“ตกจากหน้าผาเหรอ?”
คิ้วเรียวของหลู่ซีซานขมวดมุ่นและพึมพำ เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเชื่อคำอธิบายของเย่เทียนเท่าไหร่
แต่พอเธอลองคิดดู หากนี่เป็นเรื่องจริง เย่เทียนเรียนในสภาวะไม่เต็มใจยังประสบความสำเร็จถึงเพียงนี้ เช่นนั้นตาแก่ที่สอนเขาต้องเก่งขนาดไหน?
คิดมาถึงนี่ ตาของเธอเป็นประกายขึ้นมา ลูกตาดำขลับกรอกซ้ายกรอกขวา ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
แต่ไม่รอให้เธอส่งเสียงถามใดๆ เย่เทียนกลับปล่อยมือเธอฉับพลัน และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ตอนนี้เธอลองสัมผัสดู ดีขึ้นกว่าเมื่อกี้เยอะเลยใช่ไหม?”
หลู่ซีซานได้ฟัง ต้องสลัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวทิ้งไปก่อน และลองขยับข้อมือ อย่างที่คิด ความปวดตุ้บๆก่อนหน้านี้หายไปแล้วจริงๆ จนเธออดผงะไม่ได้ ไม่คิดจริงๆว่าฝีมือการนวดของเย่เทียนจะอัศจรรย์ขนาดนี้
ผู้ชายทั้งหมดในที่นี้เพิ่งรู้ตัว และรังเกียจลูกไม้ของเย่เทียนสุดๆ หากแค่นี้ก็ได้ใจของหลู่ซีซานไป พวกเขาคงใช้ไปไม่รู้ตั้งกี่หนแล้ว!
ทว่า วินาทีต่อมา ปฏิกิริยาของหลู่ซีซานกลับเกินความคาดหมายของพวกเขา เธอพูดอย่างตื่นเต้น “ไม่เจ็บแล้วจริงๆด้วย นายทำได้ยังไงน่ะ?”
“แค่ใช้วิธีการนวดที่พิเศษเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
เย่เทียนยิ้มถ่อมตน ทว่าความกระหยิ่มยิ้มย่องนั้นปิดยังไงก็ไม่มิด
หลู่ซีซานพูดตามน้ำไป “ถ้าอย่างนั้นนายสอนฉันหน่อยได้ไหม อาจเป็นเพราะแม่ฉันอายุเยอะแล้ว สุขภาพเริ่มไม่ดี ฉันก็อยากนวดให้ท่านตอนว่างๆ”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!”
เย่เทียนชะงัก ก่อนจะพยักหน้างึกงักด้วยรอยยิ้ม ไม่ปฏิเสธหลู่ซีซาน
ภาพนี้ส่งผลให้ทุกคนตาโต ไม่คิดเลยว่าทำแบบนี้จะทำให้หลู่ซีซานสนใจจริงๆ พร้อมบ่นตัวเองว่าถ้ารู้แต่แรกว่าง่ายขนาดนี้ พวกเขาจะหาหนทางไปเอาใจผู้หญิงตั้งมากมายทำไม?
แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหลู่ซีซานอยากรู้อยากเห็นในตัวเย่เทียนเต็มไปหมด ต่อให้เป็นวิธีอื่น เธอก็ย่อมต้องเข้าไปชิดใกล้ เพื่อให้รู้จักเย่เทียนมากขึ้น!
ไม่ว่ายังไง ทั้งสามคนอยู่คุยสัพเพเหระกันเรื่อยเปื่อย เวลาผ่านไปค่อนข้างไว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดก็มีเสียงครึกโครมที่ทางเข้างานเลี้ยง ทั้งสามหันไปมองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ก่อนจะละความสนใจ ผู้ที่ปรากฏตัวหน้างานเลี้ยงก็คือคนที่เคยพบกับเย่เทียนแล้ว คนสนิทของคุณย่าตระกูลเย่ เย่หลิง มิน่าล่ะถึงฮือฮาขนาดนี้
เย่หลิงไม่สนใจพวกตระกูลไฮโซรอบๆ เธอแหงนสายตามองกวาดออกไป สุดท้ายมาจดจ้องที่เย่เทียน พร้อมก้าวเท้าเข้ามา
เย่เทียนเห็นดังนั้น อดคลี่ยิ้มเฝื่อนๆมุมปากไม่ได้ อุทานในใจว่าสิ่งที่ต้องพบเจอคงหลีกหนีไม่พ้น!
“ดูท่าฉันจะไปก่อนนะ”
คิดได้ดังนั้น เย่เทียนจัดเน็กไทให้เข้าที่ พร้อมเรียกหลู่ซีซานด้วยรอยยิ้ม “คนสวย ฉันสนใจในตัวเธอมากนะ ถ้าเธอไม่ถือสา เดี๋ยวงานเลี้ยงเลิกแล้วฉันขอไปส่งเธอแล้วเราคุยกันต่อไหม?”
แน่นอน เย่เทียนไม่เคยคิดว่าหลู่ซีซานจะชอบตัวเอง ผู้หญิงคนนี้อายุขนาดนี้แล้วยังไม่แต่งงาน บ่งบอกว่าช่างเลือกจัด คำอธิบายเดียวคือผู้หญิงคนนี้หวังบางสิ่งจากตัวเอง
“คนที่ไม่ควรยุ่ง? หมายถึงตระกูลเซวเหรอ?”
เย่เทียนคลี่ยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก “ถ้าอย่างนั้นรบกวนนายไปบอกคุณย่าด้วย ไม่ว่าท่านรู้สึกผิดจริงๆหรือไม่ ตั้งแต่ที่ท่านยืนมองฉันถูกไล่ออกจากตระกูลเย่เมื่อสิบกว่าปีก่อน ท่านก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่มย่ามกับฉันอีก ฉันอยากเป็นเพื่อนกับใครเป็นเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับท่าน!”
กับคำตอบของเย่เทียน ราวกับเย่หลิงเดาไว้อยู่แล้ว เอ่ยต่อด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน “คุณชายเย่เทียน คุณย่าเย่ยังบอกอีกว่าตอนนี้คำพูดของท่านยังมีน้ำหนักอยู่ คุณสนุกพอแล้วก็กลับไปเถอะ หากมัวเสียเวลาต่อไป คำพูดของท่านอาจไม่มีน้ำหนักแล้วก็ได้”
สีหน้าเย่เทียนประหลาดขึ้นมาทันที จะไม่รู้ได้ยังไงว่าที่พูดมาหมายความว่ายังไง
คงเพราะคนอื่นๆในตระกูลเย่ไม่พอใจที่เขาข้องแวะกับตระกูลเซวอย่างมาก ตอนนี้คุณย่าเย่ยังเอาอยู่ แต่ถ้าข้องแวะกับตระกูลเซวต่อไป ท่านคงเอาไม่อยู่แล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะกลับบ้านคงแทบเป็นไปไม่ได้!
น่าเสียดาย เย่เทียนที่ตัดสินใจไปแล้วแยแสเรื่องนี้ที่ไหน เขายักไหล่อย่างไม่สนใจ “แล้วยังไง? ฉันบอกนายนานแล้วนี่ว่าฉันไม่ให้ค่าแม้แต่น้อย!”
ขณะที่เย่เทียนและเย่หลิงประจันหน้ากัน ฟู่เซิ่งหนานที่ออกจากงานเลี้ยงไปแล้วก็กลับมาในห้อง เธอกำลังจะฟ้องฟู่โก๋หาว กลับพบว่าเขายืนมองสถานการณ์ข้างล่างอยู่ริมหน้าต่าง สีหน้าฉายแววกลัดกลุ้มอยู่ลางๆ
“คุณพ่อ ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“จะเรื่องอะไรอีกล่ะ พ่อแค่อยากดูว่ามากันกี่คน”
ฟู่โก๋หาวหันกลับมา ส่ายหัวพลางเอ่ย “เจ้าเย่เทียนเป็นตัวปัญหาจริงๆ ไปที่ไหนปัญหาตามไปถึงที่นั่น เมื่อกี้ฉันเจอคนไม่หวังดีอย่างน้อยๆยี่สิบกว่าคนที่วนเวียนอยู่รอบนอก”
ฟู่เซิ่งหนานผงะ พูดขึ้นด้วยความตึงเครียดทันที “คุณพ่อคงไม่ดูเฉยๆใช่ไหมคะ”
“เซิ่งหนาน ลูกต้องเครียดขนาดนี้เชียวเหรอ?”
ฟู่โก๋หาวส่ายหัวอย่างจนใจ “วางใจเถอะ แม้พวกเราจะไม่สะดวกออกหน้า แต่เตือนเขาสักเล็กน้อยไม่ใช่ปัญหา…..”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่
ฝากถึงทีมงาน เราชอบอ่านนิยายมานาน...อ่านทุกประเภทและนิยายจีน..จากปี2520..อ่านมาตลอดในเวปใหญ่ๆ ชอบที่ทีมงานในเวปที่ให้อ่านฟรี..ก็อยากสนับสนุนถ้ามีโอกาส..และเวปดังๆเขาเก็บแพง..สมัยก่่อนเคยอ่านนิยายทั้งไทยจีน ค่าเช่าเล่มละ3บาท...แต่เวปดังๆเขาคิดตอนละ3บาท บางเรื่องมีหลายพันตอนซึ่งเมื่อเทียบแล้วเป็นเงินหลายพันบาท ซึ่งแพงกว่าเช่ามาก...เพื่อให้เวปพัฒนาขึ้น มีนิยายให้อ่านมากๆเรื่อง...มีค่าอ่านเช่น10ตอน3บาทหรือแล้วแต่ทางทีมงานจะตั้งราคา ที่ไม่สูงมากอย่างเวปอื่นซึ่งทีมงานคงรู้..นำมาปรับปรุงเวปนี้ เพราะชอบการแปลแบบนี้...
55555โดนสะงั้น...
Goๆๆๆๆๆๆ...
สุดยอดๆๆๆๆ...
ต่อไปๆๆๆ...
ยอมรับว่าเล้าใจๆๆ...
ติดตามๆๆๆๆไปต่อ...
ไปต่อๆๆๆ...
ต่อๆๆไปเลย...
สุดยอด...