เมื่อเห็นรถตู้อเนกประสงค์ขับไปตามถนนสายหลัก เย่เทียนก็มองคนขับด้วยสายตาวิเคราะห์ก่อนจะมองไปยังรถสองคันข้างหลังเขาผ่านหน้าต่าง จากนั้นสีหน้าของเขาก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมา
“ภรรยา ครั้งนี้เธอมาที่เมืองจินโดยไม่บอกอะไรก่อนเลย เกิดอะไรขึ้น?”
เฉินหวั่นชิงพยักหน้าเล็กน้อยและอธิบายอย่างขมขื่น “ระยะนี้ตั้งแต่ที่คุณไม่อยู่ ในบ้านก็มีเรื่องหลายอย่างเกิดขึ้น....”
จากนั้นเฉินหวั่นชิงก็เอ่ยเล่าไปถึงสิบห้านาทีเต็มๆ เย่เทียนถึงค่อยเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงได้มาเมืองจินโดยไม่บอกไม่กล่าว
พูดง่ายๆ ก็คือตั้งแต่ที่เขาจากไป ฮั่วเยี่ยนจื่อสองที่น้องก็อยู่ที่เจียงหนานเพียงไม่กี่วัน ต่อมาก็เกิดเรื่องซูเหมยถูกลักพาตัวไปต่างประเทศ สองพี่น้องตระกูลฮั่วจึงกลับไปที่จ๊กกลางเพื่อจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
จากนั้นบริษัทแซ่เฉินก็ถูกโจมตีโดยแฮกเกอร์และถูกขโมยข้อมูลการวิจัยเกี่ยวกับสารพันธุกรรมไปไม่น้อย
ต้องขอบคุณการมองการณ์ไกลของเฉินหวั่นชิง เธอใส่ข้อมูลหลักของยารักษาโรคลงในคอมพิวเตอร์ที่ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ถึงสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงได้
แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า หลังจากการโจมตีของแฮ็กเกอร์เพียงไม่กี่วัน นักวิจัยที่รับผิดชอบในการพัฒนาสารพันธุกรรมก็ถูกสังหาร อีกทั้งก่อนตายยังถูกทรมานเพื่อเค้นคำตอบ นี่ช่างน่ากลัวมากจริงๆ!
ด้วยเหตุนี้ เฉินหวั่นชิงตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าแม้ว่าสารพันธุกรรมจะนำความมั่งคั่งมาสู่บริษัทแซ่เฉิน แต่อาศัยแค่บริษัทแซ่เฉินเพียงลำพังนั้นแทบจะไม่สามารถกลืนเค้กก้อนโตลงไปเร็วแบบนี้ได้ นั่นมีแต่จะนำไปสู่ความตายเท่านั้น!
หลังจากคิดได้ดังนี้ เฉินหวั่นชิงก็ติดต่อกองทัพที่เคยตกลงร่วมมือกันมาตั้งนานแล้ว จากนั้นก็มาที่เมืองจินอย่างลับๆตามคำร้องของกองทัพ และตั้งใจที่จะยืมห้องทดลองวิจัยของคนอื่นเพื่อทำการวิจัยสารพันธุกรรมโดยตรง!
เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เทียนก็เข้าใจทันทีและพยักหน้า ไม่น่าแปลกใจเลยที่องค์กรหย่งเย่จะไม่มีการเคลื่อนไหว ที่แท้ไม่ได้ไม่ทำอะไรเลย แต่แค่ย้ายสายตาจากเฉินหวั่นชิงไปยังผู้คนเบื้องล่างแทน
เมื่อคิดเช่นนี้ เย่เทียนก็อดคิดไม่ได้เกี่ยวกับยาลึกลับที่เขานำกลับมาจากตลาดมืดขณะที่แก้ไขปัญหาปาซ่งในสามเหลี่ยมทมิฬ หรือมันจะถูกสร้างขึ้นโดยองค์กรหย่งเย่? แต่ยังไม่ได้รับข้อมูลหลักของสารพันธุกรรมก็เลยเกิดผลสืบเนื่องใหญ่โตแบบนี้ขึ้น?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะบ่นเกี่ยวกับตี๋ต้าจื้อ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ในบ้านแต่กลับไม่ยอมบอกเขา เจ้านั่นต้องการทำอะไรกันแน่?!
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม คนทั้งสองคนที่แยกกันมานานกว่าครึ่งเดือนพอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาก็ถือว่าไม่เศร้ามากอีกต่อไป หลังจากขับรถไปประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดรถก็หยุดลง
เมื่อเย่เทียนลงจากรถไปดู เขาก็พบว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพแห่งหนึ่ง ที่หน้าประตูมี รปภ.หลายคนยืนอยู่ พวกเขายืนตัวตรงและเต็มไปด้วยพลัง ที่เอวมีของแขวนปูดออกมาเห็นชัดว่าเป็นอาวุธ และสามารถพูดได้ว่าพวกเขาเข้มงวดอย่างยิ่ง
เฉินหวั่นชิงมองไปรอบๆ และพยักหน้าเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอค่อนข้างพอใจกับสภาพแวดล้อมที่เข้มงวด
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คนทั้งสองจะก้าวไปข้างหน้า ในบริษัทกลับมีชายในชุดสูทอายุ 30 ต้นๆ วิ่งเหยาะๆ ออกมา ในมือของเขาถือช่อกุหลาบเอาไว้ คนที่คุ้มกันเฉินหวั่นชิงเองก็ไม่ได้ห้ามเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้จักชายในชุดสูท
“ประธานเฉิน ในที่สุดคุณก็มาแล้ว”
ชายในชุดสูทรีบเข้าไปข้างหน้าและยื่นดอกกุหลาบในมือให้เฉินหวั่นชิง “ดอกไม้คู่กับสาวงาม ผมขอมอบให้ประธานเฉิน”
ขณะพูด มุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้มที่ตัวเองรู้ว่าหล่อเหลาออกมา ดวงตาของเขาจ้องมองที่เฉินหวั่นชิงอย่างแนบแน่นและไม่สนใจการมีอยู่ของเย่เทียนโดยสิ้นเชิง
เย่เทียนเลิกคิ้ว แอบคิดในใจว่าชายคนนี้ออกจะกำเริบเกินไปหน่อยแล้ว? มาจีบภรรยาของตนต่อหน้าแบบนี้ ใครก็ทนไม่ไหวจริงๆ!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเขากำลังคิดเรื่องไม่ดีบางอย่าง
เฉินหวั่นชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาที่งดงามของเธอแสดงท่าทางรังเกียจออกมา จากนั้นก็ก้าวถอยหลังเล็กน้อยและส่ายหัวแล้วพูดว่า "ประธานกู้ ฉันแพ้ละอองเกสรดอกไม้ น้ำใจของคุณฉันรับเอาไว้แล้ว"
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะเกลียดกู้ยี่เจ๋อเช่นกัน แต่ครั้งนี้ห้องทดลองที่เธอต้องการยืมก็คือของกู้ยี่เจ๋อ ถ้าเย่เทียนเล่นแรงเกินไปอย่างนั้นก็คงไม่ดีนัก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินหวั่นชิงจึงต้องการจะเอ่ยสารภาพความสัมพันธ์ของตนกับเย่เทียนออกมาก่อน เพื่อทำให้กู้ยี่เจ๋อตัดใจไป แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยพูด เย่เทียนก็ชิงพูดขึ้นก่อน ประธานกู้ ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องของประธานเฉิน เป็นทหารในกองทัพมาหลายปีแล้ว ถือว่ามีความสามารถอยู่นิดหน่อย ก็เลยมาเป็นบอดี้การ์ด”
"ลูกพี่ลูกน้อง!"
กู้ยี่เจ๋อค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมา เขารู้สึกว่าในเมื่อเฉินหวั่นชิงพาเย่เทียนมาด้วย อย่างนั้นความสัมพันธ์จะต้องไม่ตื้นเขินแน่ หากเขาต้องจะได้เฉินหวั่นชิงมา ไม่แน่ว่าจุดก้าวหน้าอาจอยู่ในตัวลูกพี่ลูกน้องคนนี้ก็ได้!
เฉินหวั่นชิงรู้สึกอัดอั้นตันใจอย่างมาก เธอไม่อยากจะมายืดเยื้ออยู่ตรงนี้ต่อไป ดังนั้นจึงพูดกับกู้ยี่เจ๋อว่า "ประธานกู้ เรื่องสำคัญไม่อาจรีรอ เรื่องอื่นค่อยพูดกันทีหลังเถอะ!"
“ประธานเฉิน ไม่ต้องรีบร้อน”
กู้ยี่เจ๋อกลับไม่ได้ตอบรับในทันที เขายิ้มและพูดว่า "พวกคุณบินมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงน่าจะเหนื่อยมากแล้ว ผมจะจองงานเลี้ยงตอนเที่ยงให้ดีไหม อย่างแรกถือเป็นรางวัลสำหรับความเหนื่อยยากของพวกคุณ อย่างที่สองถือเป็นการต้อนรับพวกคุณไปด้วยเช่นกัน"
ในใจของเฉินหวั่นชิงเคร่งขึ้นมา เธอไหนเลยจะคาดเดาเจตนาร้ายของกู้ยี่เจ๋อไม่ออก เกรงว่าถ้าเธอตอบว่าไม่ เขาก็จะไม่ให้เธอยืมห้องทดลอง
เย่เทียนพูดขึ้นอีกครั้งโดยไม่ทันรอคำตอบจากเธอ “เป็นเรื่องดีเลย ผมเองก็มีเรื่องมากมายที่อยากจะเรียนรู้จากประธานกู้!”
“อย่างนั้นเรื่องนี้ก็เอาตามนี้ ประธานเฉิน อีกเดี๋ยวพวกเราเจอกัน!”
กู้ยี่เจ๋อแอบคิดว่าเย่เทียนผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องคนนั้นช่างรู้งานจริงๆ เขาไม่รอช้าที่จะบรรลุเป้าหมายของเขา เขาขอให้พนักงานบริษัทพาไปที่ห้องทดลองและวิ่งไปที่ด้านข้างเพื่อโทรออก ไม่ต้องเดาหรอกว่าเขาจองที่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่
ฝากถึงทีมงาน เราชอบอ่านนิยายมานาน...อ่านทุกประเภทและนิยายจีน..จากปี2520..อ่านมาตลอดในเวปใหญ่ๆ ชอบที่ทีมงานในเวปที่ให้อ่านฟรี..ก็อยากสนับสนุนถ้ามีโอกาส..และเวปดังๆเขาเก็บแพง..สมัยก่่อนเคยอ่านนิยายทั้งไทยจีน ค่าเช่าเล่มละ3บาท...แต่เวปดังๆเขาคิดตอนละ3บาท บางเรื่องมีหลายพันตอนซึ่งเมื่อเทียบแล้วเป็นเงินหลายพันบาท ซึ่งแพงกว่าเช่ามาก...เพื่อให้เวปพัฒนาขึ้น มีนิยายให้อ่านมากๆเรื่อง...มีค่าอ่านเช่น10ตอน3บาทหรือแล้วแต่ทางทีมงานจะตั้งราคา ที่ไม่สูงมากอย่างเวปอื่นซึ่งทีมงานคงรู้..นำมาปรับปรุงเวปนี้ เพราะชอบการแปลแบบนี้...
55555โดนสะงั้น...
Goๆๆๆๆๆๆ...
สุดยอดๆๆๆๆ...
ต่อไปๆๆๆ...
ยอมรับว่าเล้าใจๆๆ...
ติดตามๆๆๆๆไปต่อ...
ไปต่อๆๆๆ...
ต่อๆๆไปเลย...
สุดยอด...