ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 730

“ไอ้หนูแกมันบ้าไปแล้ว วันนี้ฉันท่านโหวจะสอนนาย เป็นคนต้องรู้จักถ่อมตัวบ้าง!”

เฮ่ายี่ มีสีหน้าเยาะเย้ยและไม่เห็นเย่เทียนอยู่ในสายตา

เหล่านักเลงที่อยู่ข้างหลังของเขาเองก็กำลังเลือดพล่าน แต่สายตาของพวกเขากลับจับจ้องไปที่เฉินหวั่นชิง

ตอนนี้เธอและเย่เทียนแทบจะลุกเป็นไฟในลิฟต์ ตอนนี้ใบหน้างดงามของเธอจึงยังคงแดงก่ำ มองดูเหมือนลูกพีชสุกอิ่มจนผู้คนอดไม่ได้ที่อยากกัดกินสักคำ

“ลูกพี่ แม่สาวนี่หน้าตาดีไม่เลวเลย!”

“แม่งเอ๊ย กะหล่ำปลีดีๆดันถูกหมูกินเสียได้”

เหล่านักเลงเอ่ยเยาะเย้ยออกมาและมีท่าทางโอหังสุดขีด

เฮ่ายี่ เองก็สังเกตเห็นเฉินหวั่นชิงมานานแล้ว แต่เขารู้สถานการณ์อยู่บ้างและรู้ว่าแม่สาวแสนสวยคนนี้เป็นที่ชื่นชอบของกู้ยี่เจ๋อแม้ว่าเขาจะไปยืมความกล้ามา แต่เขาก็ยังไม่กล้าพอที่จะมีความคิดไม่ซื่อเกี่ยวกับเฉินหวั่นชิง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะไม่กล้าที่จะมีความคิดไม่ซื่อกับเธอ แต่เขาก็ยังมีความกล้าพอที่จะใช้ปากเอ่ยพูดจาแทะโลมเธออยู่

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฮ่ายี่ก็จึ๊ปากและเอ่ยเยาะว่า “แม่สาวนี่หน้าตาดีไม่เลวจริงๆ ไอ้หนู อย่าหาว่าฉันไม่ให้โอกาสนาย ถ้ารู้ความก็ออกไปจากที่นี่ซะ ปล่อยให้แม่สาวนี่อยู่เป็นเพื่อนฉันสักสองสามวัน!”

เขาเองก็ระมัดระวังอยู่บ้างกู้ยี่เจ๋อให้เขาสั่งสอนเย่เทียน ท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้หรือไง? หากเขามัดเฉินหวั่นชิง และส่งเธอไปถึงหน้ากู้ยี่เจ๋อนี่จะถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่!

เมื่อเย่เทียนได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของเขาก็กลายเป็นความเย็นชาทันที จากนั้นรอยยิ้มอันเย็นเยียบก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

ใบหน้าสวยของเฉินหวั่นชิงก็มืดครึ้มลงเช่นกัน เห็นเธอเป็นอะไรน่ะ? สินค้าหรือไง?

“ภรรยา เธอถอยไปสักสองก้าวหน่อยดีไหม ฉันเกรงว่าจะทำร้ายเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ”

ยังไม่รอให้เฉินหวั่นชิงเอ่ยปาก หูของเธอก็ได้ยินคำพูดสบายๆของเย่เทียนดังขึ้น ดวงตางดงามของเฉินหวั่นชิงมองไปที่เย่เทียนจากนั้นจึงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วก้าวถอยหลังไป

แม้ว่าเธอจะเกลียดการที่เย่เทียนใช้กำลังต่อหน้าต่อตาตนเอง แต่สถานการณ์ในวันนี้ เกรงว่าจะไม่สามารถแก้ไขได้หากไม่มีความรุนแรง!

“ไอ้หนู แกนี่มันช่างหยิ่งจองหองอยู่จริงๆ!”

เฮ่ายี่ ไหนเลยจะไม่รู้ว่าเย่เทียนต้องการทำอะไร แต่เขาก็ไม่ได้กังวลเลยสักนิดและเอ่ยหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง: "เบิกตาสุนัขของนายแล้วดูให้ชัดๆ นายคิดว่าอาศัยนายลำพังจะเอาชนะพวกเราได้หรือไง?"

“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไง?”

เย่เทียนยักไหล่ รอยยิ้มมีเสน่ห์ชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

“งั้นหรือ? ดูเหมือนนายจะมั่นใจมากนะ!”

เฮ่ายี่ ไม่กลัวและเอ่ยเยาะเย้ย "พี่น้องทั้งหลาย พวกนายได้ยินสิ่งที่ไอ้เด็กนี่พูดแล้วใช่ไหม? พวกเราช่วยบอกเขาหน่อยว่าอะไรคือการเฆี่ยนตีทางสังคม!"

"นายลองดูก่อนแล้วกัน!"

ดวงตาสีเข้มของเย่เทียนหรี่ลงเล็กน้อย เขายกมือขึ้นและตบลงไปฝ่ามือหนึ่งอย่างแรงโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

กลุ่มคนเหล่านี้พอมาถึงก็เอ่ยถากถางหลายอย่าง อีกทั้งยังกล้ามาแหย่เฉินหวั่นชิงต่อหน้าเขา ถ้าเขาไม่โมโหเลยสักนิดถึงค่อยแปลก

ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่คิดว่าคนพวกนี้จะแค่บังเอิญมาเจอกับตน เกรงว่าจะถูกส่งมาจากคนที่ไม่มีตา ทำให้อารมณ์ที่แต่เดิมดีๆของเขาถูกทำลายในทันที

เพี๊ยะ!

เฮ่ายี่ ไม่คิดว่าเย่เทียนจะลงมือทันทีที่พูด ใบหน้าที่ถูกเย่เทียนตบลงอย่างแรงหนึ่งฝ่ามือทำเอาเขาถึงกับกลิ้งเป็นวงกลมไปหลายวง แถมบนแก้มก็มีรอยฝ่ามือสีแดงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น

เฮ่ายี่ แทบจะตกตะลึงไปทันที ก่อนจะมีนักเลงสองคนช่วยประคองเขาขึ้นมายืนตั้งมั่นอย่างยากลำบาก เขารู้สึกปวดแสบปวดร้อนบนใบหน้า ในใจของเขาโมโหถึงขีดสุดจนตะโกนด่าว่า: "นายแม่งกล้าลงมือกับฉัน วันนี้ฉันเอานายตายแน่!"

เย่เทียนไม่กลัวและเอ่ยตะโกนกลับไปว่า "มาสิ! ลองดูซิว่าใครจะฆ่าใครกันแน่!"

ในใจของ เฮ่ายี่ เต็มไปด้วยความโกรธ เขาคิดว่าตนอยู่ในสังคมนี้มาตั้งหลายปี ยังไม่เคยเจอผู้ชายที่หยิ่งผยองแบบนี้มาก่อนจริงๆ เขาสะบัดมือใหญ่ทันทีและคำรามอย่างดุเดือด: "จัดการมัน! ฆ่าไอ้สารเลวนี้!"

"เข้าใจแล้ว!"

เหล่านักเลงพวกนั้นตะโกนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งและวิ่งเข้าหาเย่เทียนด้วยท่าทางที่ดุดัน

ปากของเย่เทียนผุดรอยยิ้มดูถูก พวกนักเลงธรรมดาๆพวกนี้เขาไหนเลยจะเห็นอยู่ในสายตา เขาจัดการคนสองคนลงกับพื้นด้วยหมัดซ้ายหนึ่งข้างและเท้าข้างขวาหนึ่งข้างก่อน จนอีกฝ่ายคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด

ในเวลานี้ มีนักเลงคนหนึ่งมาที่หลังของเย่เทียน จากนั้นก็ยกกำปั้นขึ้นและต้องการต่อยเขา

เมื่อรู้สึกถึงลมที่พัดมาจากด้านหลัง เย่เทียนก็หันศีรษะของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะจ้องไปที่นักเลงคนนั้นด้วยดวงตาที่เย็นชาและไร้ความปรานี

จู่ๆ นักเลงคนนั้นก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกงูพิษจ้องเขม็งรอจังหวะลงมืออยู่ เขามองไปที่หมัดที่กำลังจะต่อยใส่เย่เทียนและลอยขึ้นไปในอากาศ

แต่เมื่อเขาหยุดลงไม่ได้หมายความว่าเย่เทียนจะหยุด พริบตาหมัดอันรุนแรงก็ต่อยลงบนตัวเขา

ปึง!

เสียงทุ้มดังขึ้นในทันที นักเลงคนนั้นบินกลับไปราวกับว่าวที่หัก และกวาดเป็นโค้งพาราโบลาที่สวยงาม จากนั้นก็ตกลงบนพื้นอย่างแรงห่างออกไปสามเมตรและไม่มีการเคลื่อนไหวอีกเลย ไม่รู้ว่าเขาตายแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่

นักเลงคนอื่นๆ ตกตะลึงอยู่กับที่ พวกเขาไม่เคยคิดว่าเย่เทียนจะโหดขนาดนี้

ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งมากแค่ไหนกัน? นักเลงคนนั้นอย่างน้อยๆก็หนักถึงเจ็บสิบห้ากิโลกรัม แต่เขากลับต่อยอีกฝ่ายจนลอยออกไปสามเมตรด้วยหมัดเดียว!

เฮ่ายี่มีสีหน้าไม่คาดคิด ในใจของเขายิ่งเกิดความไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่มีโอกาสถอยได้เลย ดังนั้นเขาจึงคำรามขึ้น "พวกนายยังไม่รีบเข้าไปอีก!"

"ไม่รู้ความ!"

ยังไม่ต้องรอให้เหล่านักเลงได้ตอบโต้ เย่เทียนก็แค่นเสียงออกมา จากนั้นก็เป็นฝ่ายพุ่งเข้าไปก่อน แต่ละหมัดที่โจมตีออกไปล้วนต้องมีคนล้มลง!

“นี่ ทำไมเจ้านี่ถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?”

เมื่อมองไปที่เหล่าพรรคพวกที่ล้มลงไปเฮ่ายี่ก็รู้สึกเสียใจอย่างสุดขีด หากรู้ก่อนเขาคงไม่มาเกลือกกลิ้งในน้ำโคลนนี้ด้วย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่