“ที่ควรมาสุดท้ายก็ต้องมา ทำไมฉันต้องหลบ!”
สำหรับคำแนะนำของจิงไห่เชียน เย่เทียนคิดก็ไม่คิดส่ายหน้าปฏิเสธแล้ว “ถ้านายกลัว ก็ไม่ต้องลงไปเป็นเพื่อนฉันหรอก ดูอยู่ตรงนี้เถอะ!”
พูดจบ เย่เทียนไม่มองจิงไห่เชียนอีกสักแวบเลย ก้าวใหญ่ๆ เดินลงไปด้านล่าง แม้กระทั่งเดิมทีไม่ได้มองกัวหมิงเลี่ยงสักแวบ เข้าไปหาข่งเทียนหยินข้างเคาน์เตอร์โดยตรง
แต่ เย่เทียนไม่สนใจกัวหมิงเลี่ยง ไม่ได้หมายความว่ากัวหมิงเลี่ยงไม่สนใจเย่เทียน
แทบจะขณะที่เย่เทียนเพิ่งเดินลงบันไดขั้นสุดท้าย ข้างหูก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสนั้นของกัวหมิงเลี่ยงดังขึ้นทันที “คนนั้นที่ลงบันไดมา นายน่าจะไม่ใช่คนของเมืองเถาหยวนมั้ง? นายชื่ออะไร?”
นี่เป็นเวลาที่ไม่มีความผิดให้วิจารณ์ได้ เขาไม่รู้หน้าตาของเย่เทียน หลังวิ่งเข้ามาย่อมเจอใครก็ถามขึ้นเป็นธรรมดา
เย่เทียนยักคิ้ว ดวงตาดำมืดคู่นั้นมีแสงเย็นเฉียบผลิบานออกมา พูดเย็นชา “ในเมื่อเป็นนายถามฉัน งั้นท่าทีนายไม่แย่เกินไปหน่อยเหรอ?”
กัวหมิงเลี่ยงตะลึง ลุกยืนขึ้นจากเก้าอี้ฉับพลัน พูดเยาะเย้ย “ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายน่าจะเป็นเย่เทียนสินะ?”
“ถูกต้อง ฉันก็คือเย่เทียน”
เย่เทียนยักไหล่ เบ้ปากบอก “นายก็คือกัวหมิงเลี่ยงที่คนเรียกว่าอัจฉริยะเหนือชั้นหาได้ยากของเมืองเถาหยวนเหรอ? มิน่าพูดจาไม่เกรงใจขนาดนี้ แค่ไม่รู้ว่านายมีฝีมืออันนั้นจริงหรือเปล่า!”
พูดแบบนี้ออกมา ชั่วขณะหนึ่งผู้คนในนั้นแตกตื่นฮือฮา ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็นึกไม่ถึงว่าเย่เทียนยังกล้าเป็นฝ่ายยั่วยุกัวหมิงเลี่ยงก่อน
แม้แต่คนที่ดูเรื่องสนุกกลุ่มนี้ยังเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกัวหมิงเลี่ยงเจ้าตัวที่โดนพูดถึงเองเลย หน้าตาอึมครึมลงถึงขีดสุดในชั่วพริบตา ขณะเดียวกันยื่นมือจับกระบี่บนโต๊ะขึ้นค่อยๆ เดินไปยังเย่เทียน พูดเสียงหนาวเย็น “อย่าหาว่าฉันไม่ให้โอกาสนาย ตอนนี้นายรีบไสหัวออกไปจากเมืองเถาหยวนซะ และรับปากว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะไม่เจอหน้าซีซานอีก!”
“ยังไม่พูดถึงนายมีสิทธิ์อะไรให้ฉันออกไปจากเมืองเถาหยวน ขอถามนายว่าจะขัดขวางฉันเจอซีซานได้อย่างไร? มีสิทธิ์อะไรมาจำกัดการติดต่อของฉันกับหล่อน?”
เย่เทียนส่ายหน้าเล็กน้อยแล้ว พูดเย้ยหยัน “ไม่เสียแรงที่นายเป็นอัจฉริยะเหนือชั้นเสียจริง นี่คงคิดเอาเองสินะว่ายังไม่มีใครเทียบฝีมือนายได้จริงๆ !”
ชั่วขณะนั้นกัวหมิงเลี่ยงโกรธเคืองขึ้นมาพอสมควร พูดด้วยเสียงทุ้ม “หล่อนเป็นคู่หมั้นของฉัน ฉันจะไม่มีสิทธิ์จำกัดการติดต่อของนายกับหล่อนได้อย่างไร!”
เย่เทียนแบมือสองข้างออก พูดเหยียดหยาม “ขอร้องล่ะ ตอนนี้มันยุคสมัยไหนแล้ว? แต่งงานแล้วก็หย่าร้างกันได้ นับประสาอะไรกับหล่อนที่เป็นแค่คู่หมั้นของนาย นายยุ่งมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า?”
กัวหมิงเลี่ยงในเวลานี้มาถึงด้านหน้าของเย่เทียนแล้ว พูดอย่างแอบโมโห “นายรู้หรือเปล่าว่า ขืนนายยั่วโมโหฉันแบบนี้ต่อไปอีก ก็คือกำลังหาที่ตายชัดๆ!”
ซวบ!
ยังไม่รอเย่เทียนตอบกลับ ด้านนอกประตูมีเสียงดังของฝีเท้าเร่งรีบลอยมา วินาทีสำคัญนี้ดึงดูดสายตาของทุกคนเข้าไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“เย่เทียน แกไอ้สารเลวคนนี้ ฉันบอกแกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องระหว่างพวกเราไม่ถือว่าจบ ครั้งนี้แม้แต่พี่เขยฉันแกยังกล้าหาเรื่อง ฉันจะดูว่าแกจะตายอย่างไร!”
หลู่ลี่หาววิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตูอย่างว่องไว พอมองเห็นสีหน้ากัวหมิงเลี่ยงอึมครึม ยังเดาว่าเกิดเรื่องอะไรไม่ออกที่ไหน
หลังจากเมื่อวานพูดเรื่องพวกนั้นกับกัวหมิงเลี่ยงไป เขาก็ส่งคนจ้องร่องรอยการเดินทางของกัวหมิงเลี่ยงเอาไว้ พอรู้ว่ากัวหมิงเลี่ยงมาที่โรงเตี๊ยมไฉ่สิ่ง จึงรีบตามเข้ามาทันที ไม่อยากพลาดเหตุการณ์ที่เย่เทียนคุกเข่าอ้อนขอชีวิต
เย่เทียนจำใจถึงที่สุดแล้ว ยังเดาไม่ออกที่ไหนว่ากัวหมิงเลี่ยงเป็นหลู่ลี่หาวเรียกเข้ามา เขานึกไม่ถึงว่านิสัยของน้องเขยคนนี้จะดื้อขนาดนี้
ถึงจะพูดแบบนี้ เขากลับไม่ได้สนใจหลู่ลี่หาว ดวงตาดำมืดจ้องที่กัวหมิงเลี่ยงโดยตรง “ดูแล้วระหว่างพวกเราคงไม่มีอะไรให้พูดกันดีๆ แล้ว ให้ฉันเห็นหน่อยว่านายมีฝีมืออะไร!”
“กลับเป็นนาย การหมั้นของนายกับซีซานเป็นแค่เรื่องที่ผู้ใหญ่กำหนดมา เดิมทีหล่อนไม่ชอบนาย ถ้านายหวังดีกับหล่อนจริง น่าจะเลือกปล่อยมือสิ!”
“หล่อนไม่ชอบฉัน? นี่เป็นไปไม่ได้! การหมั้นของฉันกับหล่อนเป็นผู้ใหญ่กำหนดไว้ไม่ผิด แต่ฉันกับหล่อนโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังดีเลิศขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่หล่อนจะไม่ชอบฉัน!”
กัวหมิงเลี่ยงส่ายหน้าแล้ว พูดอย่างจริงจัง “ช่างเถอะ ดูแล้วเอาแต่ใช้ปากพูดกับนายคงไม่มีประโยชน์ พวกเรามาทำการตัดสินโดยตรงเลยดีกว่า!”
ซู่!
ขณะที่พูดจาจบลง กัวหมิงเลี่ยงดึงกระบี่ในมือออกฉับไว ตัวกระบี่สั่นเล็กน้อย แสงเย็นเฉียบเปล่งประกาย ราวกับกำลังอยากดื่มเลือดเพื่อให้รู้สึกเบิกบาน
ในสถานการณ์อันตรายล่อแหลมนี้ ข่งเทียนหยินปรากฏตัวอยู่ตรงกลางระหว่างสองคนฉับพลัน บนหน้าเต็มไปด้วยความจำใจ “นี่ๆ หลานชายทั้งสอง ฉันว่าตอนนี้ไม่ใช่เป็นสังคมสนับสนุนความปรองดองเหรอ? มีอะไรพวกเรานั่งลงคุยกันดีๆ ไม่จำเป็นต้องพูดจาไม่เข้าหูก็ชกต่อยกันนะ!”
ชั่วขณะนั้นเย่เทียนหมดคำจะพูด นี่เพิ่งนานแค่ไหนกัน? ข่งเทียนหยินดูขี้กลัวขนาดนี้ได้อย่างไร? เปลี่ยนไปเร็วเหลือเกิน และไม่มีหลักการเกินไปแล้วกระมัง?
“ฉัน......”
ข่งเทียนหยินยังอยากพูดอะไรบ้าง กลับรู้สึกเสียววาบที่ด้านหลังขึ้นกะทันหัน หันหน้ามองไป กลับเห็นดวงตาของกัวหมิงเลี่ยงที่สาดส่องเข้ามาเต็มไปด้วยแรงอาฆาตแค้น
นี่ทำให้ข่งเทียนหยินขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาทันที ขยับฝีเท้าเด้งออกในชั่วพริบตา ยิ่งไม่พูดอะไรมากอีกเลย
เย่เทียนเห็นแบบนี้ ในใจระมัดระวังขึ้นมากกว่าเดิม ชัดเจนว่าข่งเทียนหยินหวาดกลัวกัวหมิงเลี่ยงมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำเช่นนี้ จากจุดนี้เห็นได้ว่ากัวหมิงเลี่ยงไม่ธรรมดามากแค่ไหน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่
ฝากถึงทีมงาน เราชอบอ่านนิยายมานาน...อ่านทุกประเภทและนิยายจีน..จากปี2520..อ่านมาตลอดในเวปใหญ่ๆ ชอบที่ทีมงานในเวปที่ให้อ่านฟรี..ก็อยากสนับสนุนถ้ามีโอกาส..และเวปดังๆเขาเก็บแพง..สมัยก่่อนเคยอ่านนิยายทั้งไทยจีน ค่าเช่าเล่มละ3บาท...แต่เวปดังๆเขาคิดตอนละ3บาท บางเรื่องมีหลายพันตอนซึ่งเมื่อเทียบแล้วเป็นเงินหลายพันบาท ซึ่งแพงกว่าเช่ามาก...เพื่อให้เวปพัฒนาขึ้น มีนิยายให้อ่านมากๆเรื่อง...มีค่าอ่านเช่น10ตอน3บาทหรือแล้วแต่ทางทีมงานจะตั้งราคา ที่ไม่สูงมากอย่างเวปอื่นซึ่งทีมงานคงรู้..นำมาปรับปรุงเวปนี้ เพราะชอบการแปลแบบนี้...
55555โดนสะงั้น...
Goๆๆๆๆๆๆ...
สุดยอดๆๆๆๆ...
ต่อไปๆๆๆ...
ยอมรับว่าเล้าใจๆๆ...
ติดตามๆๆๆๆไปต่อ...
ไปต่อๆๆๆ...
ต่อๆๆไปเลย...
สุดยอด...